“แอฟ ทักษอร” ไว้ใจ “นนกุล” เป็นที่ปรึกษาทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว ยกให้เป็นอีกคนที่ตนสามารถทิ้งตัวได้ ส่วนเรื่องงานก็ลักกี้ละคร “สงครามสมรส” ฟิดแบ็กดีจนปลื้มใจ เล่าซีนเป็นไวรัล ที่ตนคุยกับลูกว่าถึงแม้ว่าจะฟ้องคุณพ่อ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อจะไม่รักหนู? ตรงกับทัศนคติ และยึดมั่นในชีวิตจริง
เรียกว่าเรตติ้งแรกดีวันดีคืน มีไวรัลแทบจะทุกอีพี สำหรับละคร สงครามสมรส ที่ “แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ”ตัดสินใจร้บเล่นละครผัวๆ เมียๆ เป็นครั้งแรก เพราะชอบในบทละคร และรู้สึกว่าในบทเป็นสิ่งที่ตนเองก็เชื่อมั่นและมีแนวคิดเดียวกับตัวละคร จึงตัดสินใจรับเล่น
“ขอบคุณสำหรับกระแสตอบรับที่ดีมากๆ เลยค่ะกับละครสงครามสมรส แอฟเชื่อว่าตอนนี้ทุกคนที่มีส่วนร่วมในโปรเจกต์นี้มีความสุข มันไม่ใช่เรื่องของเรตติ้งตัวเลขอย่างเดียวแต่มันสามารถสร้างอะไรในสังคม ทำให้เกิดกระแสทำให้หันมามองเรื่องคู่ เรื่องครอบครัว การให้ความสำคัญ การใส่ใจเรื่องลูก เห็นได้จากคอมเมนต์ รีโพสต์หรือที่แท็กเข้ามา เพจต่างๆ ที่เอาไปเขียนต่อ แอฟเองยังติดตามทุกอาทิตย์ที่ออนแอร์ ตามอ่านว่าออนแอร์เสร็จแล้วคอมเมนต์เป็นยังไงบ้าง
มีหลายเพจเลยที่ไปขยายความจากเนื้อละคร ตรงนี้จะสะท้อนให้เห็นว่าเขาดูละครแล้วเขาได้อะไร แล้วบทความพวกนี้กลับมาสอนเราเองอีกด้วย ขนาดแอฟเป็นคนเล่นเอง บางบทความยังรู้สึกประทับใจจริงๆ จะมีบางบทความที่พูดเรื่องสมการครอบครัว ต้องรับว่าลูกอยู่ในสมการด้วยนะ อย่าเห็นว่าเขาเป็นเด็กเพียงอย่างเดียว ต้องเอาเขาเข้ามาให้เขาเข้าใจในสถานการณ์ ดูแลเขาเหมือนเป็นผู้ใหญ่ แอฟมองว่าเรื่องนี้เราได้ประโยชน์จริงๆ”
เล่าซีนเป็นไวรัล ที่ตนคุยกับลูกว่าถึงแม้ว่าจะฟ้องคุณพ่อ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อจะไม่รักหนู? ตรงกับทัศนคติ และยึดมั่น ในชีวิตจริงของตนด้วย
“รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เราอยากนำเสนอมากๆ ตอนที่แอฟเห็นบทแอฟรู้สึกว่ามันตรงกับที่เราเคยคิดที่เราเคยทำ เป็นสิ่งที่แอฟยึดมั่นมาตลอดว่าเรื่องความขัดแย้งระหว่างผู้ใหญ่ด้วยกันไม่ว่าจะเรื่องอะไรหรือใครทั้งนั้น แต่มันไม่เกี่ยวกับลูก ฉะนั้นเราต้องทำให้ลูกมั่นใจว่าเขาจะยังได้รับความรัก ความหวังดี จากครอบครัวตลอด พูดตรงๆ ก็คือจากคุณพ่อ เขาต้องมั่นใจตรงนี้ถึงแม้ว่าในชีวิตเขาอาจจะต้องใช้เวลากับเราเพียงคนเดียวแต่อย่างน้อยเขาต้องอุ่นใจว่าเขายังได้รับความรัก ความมั่นคงจากพ่อด้วยเหมือนกัน
เรื่องนี้ตอบโจทย์ที่สุดเลยคะ แอฟรอมาตลอดเลยว่าจะรับละครแนวเมียหลวง เมียน้อย ไม่ได้อยากจะแค่เพื่อความบันเทิงอย่างเดียว แต่อยากให้ได้ข้อคิดและประโยชน์กับคนดูจริงๆ ซึ่งตอนคนยังไม่ได้ดูผลงานพอฟังมันก็อาจจะยังดูว่ามันจะเป็นไปได้เหรอ จะเป็นแค่คอนเซ็ปต์หรือเปล่า ตั้งแต่แอฟได้เห็นบทแอฟก็เชื่อมั่น มันทำให้เราเล่นง่ายขึ้นเมื่อเรามีแนวคิดเดียวกับตัวละคร
เดี๋ยวอีกไม่กี่ตอนบัวก็จะมีเป๋บ้าง แอฟว่ามันก็เป็นชีวิตจริงมากๆ ว่าคนเราบางทีมันสู้ไปมันชนะไม่ได้ตลอด เขาอาจจะตัดสินใจถูกบ้างผิดบ้าง เนื่องจากประสบการณ์ของแต่ละครไม่เหมือนกัน ความกดดันของแต่ละคนไม่เหมือนกัน (ยกให้เป็นทีมเมียหลวงอีกแล้ว?) ไม่อยากใช้คำว่าเมียหลวงเลย มันแทนทุกอย่างเลย เมียหลวงก็ใช่ ความเป็นคุณแม่ เป็นภรรยา บัวบงกชเป็นตัวแทนของทุกบทบาทเลย”
หวานใจ “นนกุล ชานน สันตินธรกุล” เป็นที่ปรึกษาการถ่ายทำตลอดเรื่อง อ้อนอยากกิน บิงซู นนกุล ก็น่ารักจัดให้ท้้งกอง
“เขาไม่ตกใจ เขาก็คงดูเพราะอยากจะรู้ว่าสิ่งที่เราคุย ปรึกษาเขามาตลอดมันเป็นยังไง แล้วเราทำออกมาได้เป็นยังไงบ้าง ตลอดการถ่ายทำตั้งแต่ต้นแอฟก็ปรึกษาเขาตลอด เขาเป็นนักแสดงที่แอฟไว้ใจ
ส่วนเรื่องบิงซูไม่ได้ตั้งใจบ่นค่ะ เพราะว่าบ่นเป็นปกติ ก็เซอร์ไพรส์ค่ะ เพราะเขาไม่เคยทำ นี่เป็นครั้งแรก แอพชอบขนมอยู่แล้ว แต่ที่แอฟแฮปปี้มากกว่าการให้ทานเองคือให้ทั้งกอง เรารู้สึกว่าทุกคนที่ทำงาน วีกที่ถ่ายมันร้อนมากๆ ก็ไม่ได้บ่นหรอก จริงๆ มันก็คืออ้อน บ่นฟังดูแก่ แค่บอกว่าร้อน มันคือความจริง
เล่าโมเมนต์งานเลี้ยงปิดกล้องกับช็อตเด็ดที่ไม่เคยเห็น ”แอฟ ทักษอร“ ปล่อยจอยทั้งร้องทั้งเต้น
“ถ้าเป็นคนที่รักและสนิทกัน แอฟก็สบายใจ ไม่ได้เป็นแบบนี้ได้ทุกที่ ทุกเวลา เหมือนกันทุกคน มันเป็นไปตามวาระและโอกาส อันนี้มันเป็นโอกาสที่เราทุกคนเหนื่อยกันมาก เต็มที่กับมันมาก ณ วันที่มันจบ ปิดด้วยความเต็มที่ เราฟิน ไม่มีอะไรที่เราต้องกังวล ทุกคนก็ปล่อยจอย แอฟก็โล่งด้วย เพราะก่อนหน้านี้เครียดมาก ในเรื่องร้องไห้บ่อยมากด้วย
(ซีนกระซิบ เขาบอกว่าไงบ้าง?) ไม่รู้กระซิบอะไรบ้างค่ะ ณ ตอนนี้เขาก็ดูแลดีค่ะ เขาเข้าใจในความเป็นเรา ดีค่ะ จะได้ทิ้งตัวได้ แอฟก็ไว้ใจในการพูดคุยปรึกษา เขามีความเป็นผู้ใหญ่ ใจเย็น แมนมากๆ หลักการและเหตุผล จะไม่อารมณ์เสียเลย บางทีเราอารมณ์ไม่ดีเขาก็ไม่ค่อยทัน เขาเป็นคนซีเรียส (นนกุลฝากมาถามว่าเขาห่วงแอฟร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม เราหวงเขากี่เปอร์เซ็นต์?) มีสิทธิ์เหรอ เอาแค่นี่แหละ สถานะตอนนี้ว่าที่ก็ได้”
