“ทรนง ศรีเชื้อ” ออกมาร้องต่อ “ทนายเดชา” ขอให้ช่วยดำเนินคดีกับนายทุนหญิงรายหนึ่ง ที่มาหลอกให้เซ็นสัญญา จะมาลงทุนสร้างหนังเป็นจำนวน 300 ล้านบาท อ้างรวยมีเงิน 40,000 ล้าน แต่ผ่านไปหลายเดือนยังไม่ได้ซักบาท ต้องควักเงินสดส่วนตัวกว่าล้านบาทออกไปก่อน และมีการเตรียมเรื่องออกแบบทุกอย่าง รวมถึงนักแสดงกว่า 1,500 คนไว้เรียบร้อย ทำให้ทุกคนต้องเสียโอกาส เสียเวลา เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น บอกให้เวลา 7 วันขอให้มาคุยกัน ถ้าไม่เจอข้อยุติ ตนจะขอดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด
วันนี้ (7 เม.ย.) เวลา 14.00 น. “ทรนง ศรีเชื้อ” ผู้กำกับภาพยนตร์รุ่นเก๋า พร้อมนักแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง 2122 กูนี่แหละอัจฉริยะ กว่า 100 ชีวิต ได้เดินทางมาที่สำนักกฎหมายทนายคลายทุกข์ ร้องต่อ “ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์” ว่าถูกนายทุนหญิงรายหนึ่งหลอกให้เซ็นสัญญาว่าจะลงทุนสร้างภาพยนตรเรื่องดังกล่าวโดยจะให้เงินลงทุน 300 ล้าน แต่หลังจากที่ตนดำเนินการในการออกแบบไปหลายๆ อย่าง อีกฝ่ายก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมจ่ายเงิน ได้แต่อ้างว่ามีเงินเป็นหมื่นล้าน และพอเดินทางกลับจากต่างประเทศจะจ่ายเงินงวดแรกให้ทันที แต่สุดท้ายก็หายเงียบไปกว่า 3 เดือนแล้ว และล่าสุดก็ปิดโทรศัพท์หนีหายไป ติดต่อไม่ได้อีกเลย
“ผมห่างหายจากวงการภาพยนตร์ไปประมาณ 13 ปี แต่จริงๆ แล้วผมไม่ได้หายไปไหน ผมไปวิ่งหาเงินทุน เพราะครั้งสุดท้ายผมขาดทุนจากภาพยนตร์เรื่อง 2022 สึนามิ อยู่ที่ 160 ล้าน ก็กลายเป็นหนี้สินที่ผมต้องจ่าย และผมก็ชำระไปเกือบหมดแล้ว ยังเหลืออยู่ประมาณ 50 กว่าล้าน แต่ก็ไม่มีปัญหา เพราะได้คุยกับเจ้าหนี้รอมชอมกันดี แต่ระหว่างนั้นผมก็หาทุนเพื่อที่จะสร้างโรงถ่ายภาพยนตร์ ผมจะย้ายโรงถ่ายที่แก่งกระจานที่ทำไปแล้ว หมดไปหลายร้อยล้าน ย้ายไปที่ปากช่อง ต้องใช้เงินประมาณ 3 หมื่น 5 พันล้าน ก็มีแหล่งทุนนอกหลายแหล่งรับปากคุยกันหลายรอบ และพร้อมที่จะลงทุน มีประมาณ 3 แหล่งทุนในตอนนี้ เป็นเงินจากต่างประเทศทั้งหมด"
"ซึ่งช่วงปลายปีที่แล้วผมก็ได้เจอนายทุนผู้หญิงคนนี้ที่ผมได้รับการชักนำและชักชวนจากนายทหารชั้นสัญญาบัตร เป็นเพื่อนทหารด้วยกัน เราก็ไว้ใจ เขาก็พาไปรู้จักกับนายทุนคนนี้ ซึ่งเจ้าของโรงเรียนสอนภาษาที่จ.นครราชสีมา ผู้หญิงคนนี้บอกว่ามีเงินหลายหมื่นล้านที่ฝากอยู่ในเมืองไทย 4 แบงค์ใหญ่ โดยสามีของเธอเป็นระดับเสนาธิการของโรงเรียนนายร้อยจปร. ผมก็ได้ติดต่อคุยกับผู้หญิงคนนี้ เธอก็บอกว่าจะสร้างโรงถ่ายในราคา 2,000 ล้านเหรียญ ก็ประมาณ 3-5 หมื่นล้านบาท คุยกันเมื่อประมาณ 10 เดือนที่แล้ว ทีนี้พอผ่านไป 2-3 เดือนผมก็ทวงถามไปว่า ยังไม่พร้อมเหรอครับ ในเมื่อมีเงินอยู่ในเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว และที่ผมไว้ใจคุณเพราะเพื่อนนายทหารของผมแนะนำให้รู้จักกับคุณ”
บอกทุกวันนี้ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ มีแต่หนี้สิน
“ทีนี้ก็มาคุยกันเรื่องจะทำภาพยนตร์เรื่อง 2122 กูนี่แหละอัจฉริยะ คุยกันเซ็นสัญญาเรียบร้อย แต่ก็เกิดความเสียหาย คือก่อนหน้านี้เขาบอกจะไปดูไบ แต่ตอนนี้เขาอยู่ที่ญี่ปุ่นนะ บอกว่ามีเงินมั่งคั่งมาก แต่ไม่ยอมจ่ายเงินเพราะอะไร แต่ขณะเดียวกันเอาเงิน 30 ล้านไปให้ลูกสาวสร้างหนัง มีการแถลงข่าวไปเมื่อเร็วๆ นี้เอง ผมก็งงว่าทำไมไม่จ่ายผมแม้แต่บาทเดียว ตัวผมเองวันนี้ไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีรถยนต์จากการที่ผมขาดทุนเรื่องสึนามิ จนต้องเข้าโรงพยาบาลบ้าพักนึง พอออกมาผมก็ทำทุกอย่างเพื่อใช้หนี้สิน"
"และผมก็ได้แหล่งลงทุนจากต่างประเทศ ผมต้องการสร้างโรงถ่ายภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียที่ปากช่อง แต่ผมเสียโอกาส เพราะผมมมาเซ็นสัญญากับบริษัทนี้ไปแล้ว ผมต้องเสียโอกาส ผมเสียเวลา ผมตื่นตี 3 ทุกวันเพื่อจะส่งคลิปสอนนักแสดงวันละ 300 กว่าบท นักแสดงทุกคนเรียนรู้จากผมในระบบโซเชียล"
"หนัง 2122 Amagetdon Wars กูนี่แหละอัจฉริยะ ผมต้องการสร้างเพื่อปลุกวงการภาพยนตร์ไทยให้มันตื่น คุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ผมก็เชิญมาให้เล่นเรื่องนี้ คุณเล็ก ไอศูรย์, หม่อมอูม วิยะดา ผมเอาดารารุ่นเก่าประมาณ 60 กว่าคนมาอยู่ในหนังเรื่องนี้ และมีดารารุ่นใหม่ประมาณ 1,500 คนมาอยู่ในหนังเรื่องนี้ แต่แล้ววันนี้ผมก็ต้องพัง แต่ผมไม่ฆ่าตัวตายเหมือนกับ 3 ครั้งที่ผ่านมา ผมจึงมาร้องขอความช่วยเหลือต่อทนายเดชา ว่าผมขอให้เวลาเขา 7 วันเพื่อคุยเจรจา และถ้าหลังจากนั้นผมพร้อมหงายสัญญาให้ดู"
"ผมขอยืนยันกับวงการภาพยนตร์ไทยว่า ผมเป็นคนหนังไม่ได้หวังกำไร ผมเป็นผู้กำกับหนังสงครามคนเดียวในประเทศไทยที่สร้างหนังสงครามมาถึง 7 เรื่อง แต่ก็มาพังเรื่องสึนามิ ผมทำหนังการเมืองมาหลายเรื่องและไม่ได้ฉาย โดนแบน โดนบล็อก ผมไม่ได้ทำหนังตลก ผมไม่ได้ทำหนังผี แต่ผมก็ไม่ได้ไปบูลลี่หรือปรามาสคนทำหนังเหล่านั้น เพราะแต่ละคนก็มีเส้นทางทำมาหากิน แต่ผม 45 ปีในวงการภาพยนตร์ ผมทำทุกอย่าง แต่ผมไม่เคยเสพสุขจากวงการภาพยนตร์ ผมไปสร้างโรงถ่ายที่แก่งกระจาน ผมหมดไปเป็นร้อยๆ ล้าน ผมไม่ได้อะไรเลย รัฐบาลไม่เคยช่วยผม”
บอกนักลงทุนคนนี้เป็นฝ่ายบอกเองว่าจะให้งบ 300 ล้าน จากที่ตนตั้งใจไว้แค่ 100 ล้าน
“เรื่องเกิดตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 66 ตามในสัญญาครับ หลักฐานวันนี้ผมก็ให้ทนายไปเรียบร้อยแล้ว เป็นสัญญาการทำกิจการร่วมกัน คือผมเป็นฝ่ายผลิต เขาเป็นผู้ลงทุน เมื่อเซ็นสัญญาเรียบร้อยผมก็ต้องเริ่ม ต้องสร้างทีมงาน สร้างนักแสดง และผมต้องการให้วงการภาพยนตร์ที่มันซบเซาตื่น ผมก็ต้องทำให้มันใหญ่ เพราะผมก็ไม่เคยทำหนังเล็ก ซึ่งผมตั้งใจไว้ตอนแรกมัน 100 กว่าล้าน แต่นายทุนคนนี้เขาเป็นคนทำให้มันใหญ่เป็น 300 ล้านเอง เมื่อมาเป็นอย่างนี้ผมก็ต้องการนักแสดงให้มากที่สุด นั่นคือที่มาของนักแสดง 1,500 คน ผมก็เตรียมงานในหน้าที่ของผม ส่วนนายทุนก็ควรจะเตรียมทุนมาให้ผม"
"เขาบอกผมเองว่า มีเงิน 4 หมื่นกว่าล้านในแบงค์ที่ไทย คุณบอกมีทองคำกำลังจะไปหล่อ ดิฉันกำลังจะบินไปดูไบกลับมาได้เงินแน่นอน แล้วเขาก็ขาดการติดต่อกับผมไปเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 66 ซึ่งที่ผมบอกว่าจะให้โอกาสเขา 7 วันก็เพื่อให้เขามาเจรจากับทางทนาย ถ้าสื่อออกไปขนาดนี้แต่ยังบอกว่าไม่รู้ ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง ถ้าพ้น 7 วันผมก็ปรึกษากับทนายเดชาแล้วว่าจะให้แจ้งความและดำเนินคดีถึงที่สุดครับ เพราะสัญญานี่ผมก็ไม่ได้เป็นผู้เขียนนะ ทางเขาเป็นผู้เขียน เป็นผู้ร่าง ผมจะเอาเงินทำหนังจากเขาแค่ 100 ล้าน แต่เขาให้ผมเซ็นที่ 300 แล้วเอาบริษัทของเขาเอง 3 บริษัท เป็นบริษัทที่เทรดเงินโดยตรงมาทำ”
เผยตั้งใจทำให้ใหญ่กว่าเรื่อง Mad Max กับ Star Wars
“ผมก็แจ้งเขาตลอดว่าต้องใช้เงินลงทุนหรือออกเงินไปแล้วเท่าไหร่ ซึ่งผมลงทุนด้วยเงินสดไปแล้วประมาณหหนึ่งล้านบาท แต่จริงๆ ที่ผมเสียหายก็คือมันมีการออกแบบเสื้อผ้า ออกแบบฉาก เพราะหนังเรื่องนี้เป็นหนังหลังสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็ประมาณเรื่อง Mad Max x Star Wars ก็มีการออกแบบทำโมเดลรถแบบ Mad Max 30 กว่าคัน เขาก็ออกแบบเตรียมโมเดลออกมาเรียบร้อยแล้ว แต่ผมไม่สามารถจ่ายเขาได้ เขาก็เสียหาย แผนกเสื้อผ้าออกแบบหน้ากากเป็นพันๆ ชุด แต่ผมยังไม่ได้ให้เขาผลิต เขาก็บอกว่าอาทรนงเบี้ยวผมเหรอ ไม่สร้างรถสักที ไม่สร้างอะไรสักที แต่ผมยังไม่สามารถเปิดเผยเรื่องนายทุนได้ เพราะสัญญามันยังไม่หมด และที่มีวันนี้เพราะอีก 3 เดือนมันจะหมดสัญญา ผมก็ยื้อมาถึงวันนี้ 8 เดือนกว่าจะ 9 เดือนแล้ว"
"ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มถ่ายทำครับ แค่เตรียมงาน ยังไม่ได้สร้างอะไรเลย แต่มีการออกแบบเสื้อผ้า ออกแบบฉาก เตรียมคอมพิวเตอร์กราฟฟิก ออกแบบรถยนต์ คือทุกอย่างเกี่ยวกับการออกแบบ และที่หนักที่สุดคือการฝึกนักแสดง ซึ่งผมไม่เคยได้รับเงินจากนายทุนคนนี้สักบาทเดียว แต่ผมเคยแจ้งเขาไปว่าขอ 20 ล้านมาเตรียมงานก่อน แต่บาทเดียวก็ไม่เคยได้ เขาบอกแค่นี้เองเดี๋ยวจัดการให้ แต่ก็ไม่เคยโอนมาเลย”
บอกจะไม่ขอยุติโปรเจ็คนี้ เพราะมีนายทุนที่พร้อมลงทุนอีก 2-3 รายแล้ว
“ผมเคยเจอกับนายทุนผู้หญิงคนนี้ 2 ครั้ง เจอครั้งสุดท้ายที่โรงแรมมารวย เจอครั้งแรกที่บ้านเขาที่โคราช ครั้งสุดท้ายผมกดดันเขาว่าต้องมาเจอนะ ถ้าไม่มาผมจะดำเนินคดี เขาก็พาทนายมานั่งคุย ที่คุยกันคือ 28 ธ.ค. 66 เขาบอกไม่เกิน ก.พ.67 จะโอนก้อนแรกให้ 50 ล้าน แล้วก็หายไปเลย ถามว่าทำไมผมถึงไว้ใจเขาขนาดนี้ เพราะเซ็นสัญญา 300 ล้าน และผมเป็นผู้กำกับหนังที่ไม่เหมือนคนอื่นเขา เพราะผมลงทุนสร้างหนังเองมาตลอด ผมเองหมดไปล้านกว่าบาทบอกเลยถือว่าน้อยมาก เพราะนักแสดงทุกคนน่าจะหมดไปกับผมคนละน่าจะประมาณหมื่นกว่าบาทในการทำคลิป การเสียเวลาต่างๆ คิดดูสิคนละหมื่นแล้ว 1,500 คนน่ะ"
"แต่โปรเจ็คนี้จะยังไม่ยุตินะครับ มีนายทุนรอมาทำต่อแล้ว 2-3 ราย เป็นแหล่งทุนนอก แต่ผมยังทำเลยไม่ได้ ผมจะต้องทำเรื่องตรงนี้ก่อน พอเรื่องไปถึงศาลแล้วผมถึงจะดำเนินการทำต่อ สาเหตุที่ผมต้องดำเนินการถึงที่สุดเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ผมเสียหมามาแบบนี้หลายครั้งแล้ว"
"จริงๆ แล้วผมเสียเงินไปน่าจะ 20 กว่าล้านในการวิ่งหาแหล่งทุนต่างๆ ผมใช้คำว่าหมดตัวได้เลย พอมีโบรคเกอร์มาบอกว่าคนนี้ คนนั้นมีเงินลงทุน ผมไปหมด แต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็ไม่ได้ แต่ถ้ากับนักลงทุนคนต่อไปผมต้องให้เขาโชว์เม็ดเงินแล้วล่ะ เพราะเรามีบทเรียนแล้ว ผมยังยืนยันนะว่า 7 วันนี้ยังให้โอกาสเขามาคุยได้ ผมพร้อมคุย ถ้าคุยรู้เรื่องผมพร้อมให้มานั่งแถลงข่าวด้วยกันเลย แต่ถ้าคุณดื้อแพ่งไม่ยอม ความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงๆ ผมสามารถดำเนินการต่อได้โดยการเอาที่นายทุนใหม่มาต่อ แต่ถ้าไม่อย่างนั้นเขาก็สบายสิ อยู่ๆ ให้เซ็นสัญญากับใครก็ได้แบบนี้ ผมถือว่าเอาสัญญามาหากิน”
ทางด้านนักปั้นคนดังอย่าง “อุ๊บ วิริยะ” ที่มาร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยก็เผยว่า
“นักแสดงทุกคนก็มีผลกระทบหมดครับ เพราะนักแสดงแต่ละคนก็เตรียมงานกันมาเป็นปี เตรียมทั้งร่างกาย สรีระ ต้องออกกำลังกาย เพราะมันเป็นหนังบู๊แอ็คชั่น เราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ต้องเข้าฟิตเนส บำรุงอาหาร มีการคุยกันในไลน์กลุ่ม ปรึกษากันตลอด และเราเองตั้งแต่เป็นเด็กต่างจังหวัดก็เป็นแฟนหนังของอาทรนงมาตลอด เรื่องค่าตัวจริงๆ แล้วรุ่นใหญ่เราเวลาทำงานกับคนที่เรารักกับคนที่สนิท เราก็จะบอกว่าแล้วแต่อาแล้วกัน เรามาด้วยใจก่อน บางทีผู้กำกับคนนี้มีบุญคุณกับเรา มีความคุ้นเคยกัน บางทีเราไม่คุยเรื่องค่าตัวเลย นักแสดงเรื่องนี้ทุกคนมาด้วยใจและลงทุนกับตัวเองเพื่อคุณอาทรนง”
ส่วนนักแสดงรุ่นเก๋าอย่าง “อุม วิยะดา อุมารินทร์” ก็มาร่วมแสดงในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน และรับหน้าที่เป็นอาจารย์สอนการแสดงให้กับนักแสดงในเรื่องทั้ง 1,500 คนด้วย โดยเผยว่า
“ต้องบอกว่าพอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ทำให้นักแสดงทุกคนเสียเรื่องเวลาด้วย เพราะเราต้องล็อคคิวเอาไว้ ก็ไปรับงานที่อื่นไม่ได้ มีปฎิเสธหนังต่างประเทศไปหลายเรื่องเลย เพราะอาจารย์ทรนงบอกว่าจะเปิดกล้องเดือนนี้ๆ แล้วพอมีหนังเรื่องอื่นมาติดต่อ เราก็ต้องบอกผ่าน เพราะเราอยากจะทุ่มเทให้กับอาจารย์ เพราะเป็นเหมือนเทคนิคสมัยใหม่ที่เราอยากทำ ที่มันจะก้าวไปสู่ภาพยนตร์ต่างประเทศได้ เราก็มีความสนใจ ก็มีความหวังว่าเราจะได้ไปไกล ไปเดินพรมแดงต่างประเทศ หนังไปฉายฮอลลีวูดบ้าง เราก็เลือกทางนี้ และสลัดคิวอื่นไป ก็คือความเสียหายของเราที่อาจารย์ต้องเลื่อนเปิดกล้องไปเรื่อยๆ ซึ่งนักแสดงทุกคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าเกิดปัญหาอะไร จนกระทั่งอาจารย์เพิ่งจะมาบอกว่านักลงทุนเขาหายเงียบไป แต่เราทุ่มเทกันไปแล้ว 8 เดือน เราเองก็ถูกให้เป็นอาจารย์สอนการแสดงนักแสดงกว่า 1,500 คน แล้วจะยังไงล่ะทีนี้ ก็เลยต้องมาขอให้ทนายเดชาช่วยค่ะ”
ส่วนทางด้าน “ทนายเดชา” เผยว่าคดีนี้เข้าข่ายคดีฉ้อโกงได้ เพราะถ้าสืบจากหลักฐานพยานทุกอย่างแล้วตรงตามที่ผู้กำกับบอกก็จะดำเนินการแจ้งความได้ทันที
“ก็ถ้าฟังจากพี่ทรนงและข้อเท็จจริงเป็นตามนี้ ผมก็ยังไม่รู้ว่ามันมีอะไรยังไง แต่ถ้าเกิดมีการหลอกให้ทำสัญญากันจริง และทำให้เขาได้รับความเสียหาย ก็เป็นฉ้อโกงได้ ก็สามารถที่จะแจ้งความได้ ก็เหมือนกับนักแสดงซีรีย์วายที่มาร้องเรียนกับผมหลายคดี ถ้าไปหลอกให้ทำสัญญาแล้วไม่ได้ตังค์ แบบนี้เรียกว่าฉ้อโกง ถึงแม้ทางพี่ทรนงจะไม่ได้เสียเงินเสียทองอะไร แต่ต้องมาทำสัญญาข้อตกลงและนักแสดงทั้งหลายที่ถูกทำในลักษณะนี้ก็แจ้งความฉ้อโกงได้ เขาเรียกว่าฉ้อโกงโดยหลอกให้ทำเอกสารสิทธิ์"
"ถ้าข้อเท็จจริงเป็นไปอย่างที่พี่เขาว่านะก็สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ ก็ต้องไปดูก่อนว่ามันดำเนินการได้มั้ยครับ ก็ไม่น่ามีอะไรน่าหนักใจครับ เพราะถึงเขาจะหนีหายหรือตามตัวไม่ได้ พอเราแจ้งความเสร็จ ตำรวจก็จะไปร้องต่อศาลขอออกหมายจับต่อไป ถ้าข้อเท็จจริงเป็นไปอย่างที่พี่ทรนงว่านะครับ แต่ก็อยากฝากไปถึงนักแสดงหรือผู้กำกับทุกคนด้วยนะครับ เงินที่มันเยอะแยะเป็นหมื่นๆ ล้านแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นความจริง อันนี้ก็ต้องระมัดระวังอย่าไปหลงเชื่อง่ายครับ”
