กลายเป็นมหากาพย์เลยทีเดียว กรณี “จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม” หรือ “นรเศรษฐ์ ทรงกลด” ตลกชื่อดัง เบี้ยวเงิน “แม่ปูนา” แม่ค้าปูนาดอง เกือบ 3 แสนบาท จนถึงขั้นอีกฝ่ายต้องขึ้นป้ายทวงเงินกลางห้างดัง ก่อนที่ต่อมาทั้งคู่จะเผชิญหน้ากันในรายการโหนกระแส ทางช่อง 3 จนกลายเป็นข่าวดรามาสะเทือนไปทั้งโลกออนไลน์ ดรามาครั้งนี้กระทบต่อชีวิตตลกดังให้เปลี่ยนไปตลอดกาล
จากตลกที่มีอนาคต สู่ตลกไร้อนาคต
ชีวิตก่อนหน้าที่ความดังจะดิ่งลงเหวของจั๊กกะบุ๋ม เคยเป็นตลกฝีมือดีอนาคตไกลมาก่อน เริ่มเข้าสู่วงการตลกจากการชักชวนของ “ตู่ ตาหวาน” ซึ่งหลังเรียนจบประถมศึกษาก็เริ่มได้รับโอกาสในการแสดง โดยเริ่มจากการเล่นตลกคณะคาบาเรต์ ก่อนจะย้ายกลับมาเล่นตลกคาเฟ่กับคณะป่องฮาหนูหริ่ง จากนั้นก็ได้ย้ายไปอยู่ในหลาย ๆ คณะ อาทิ คณะหม่อมเหยิน , ยอด นครนายก, เต่า เชิญยิ้ม, สีหนุ่ม เชิญยิ้ม, ถั่วแระ เชิญยิ้ม เป็นต้น
จั๊กกะบุ๋มถือเป็นตลกที่มีพรสวรรค์ทั้งด้านการแสดงและการร้องเพลง สามารถเลียนแบบเสียงนักร้องได้หลายคน โด่งดังจากการเล่นซิตคอมเรื่อง “บ้านนี้มีรัก” ในบท “สกล” โผล่หน้าจอทีไรก็เรียกเสียงฮาได้ตลอด เป็นขวัญใจแฟนๆ ซิตคอมเลยก็ว่าได้
สารพัดวีรกรรมฉาว พ่วงปัญหาเรื่องเงิน
แต่ความสามารถสุดท้ายถูกกลบด้วยสารพัดข่าวฉาว ซึ่งแต่ละข่าว ล้วนส่งผลต่อคะแนนนิยมเจ้าตัว ไม่ว่าจะเป็นการถูกโคโยตี้แจ้งความกักขังหน่วงเหนี่ยว เปิดศึกทะเลาะกับนักร้องชื่อดัง “ศรศักดิ์ สวนแก้ว” หรือ “ศร อิจฉา” อดีตศิลปินเจ้าของเพลงฮิต “อิจฉา” ที่ทวงหนี้แทนสาวรายหนึ่ง ถึงขั้นจั๊กกะบุ๋มเปิดศึกท้าตีท้าต่อย ถูกแฉคลิปขู่เผาบ้าน ราดน้ำมัน และตัดแขนตัดขาภรรยา จนอดีตภรรยาฟ้องร้องตัดความสัมพันธ์ ซึ่งหลายเรื่องราว ล้วนมีเงินเข้ามาเป็นตัวแปร
สวดกันยับ ท่าทีไม่ยี่หระในโหนกระแส
ภาพลักษณ์จั๊กกะบุ๋ม คือตลกกร่าง แต่มีปัญหาเรื่องเงิน! เจ้าตัวหายไปจากความสนใจของคนไทยนานจากข่าวทำร้ายอดีตภรรยา ก่อนที่ชื่อจะกลายมาเป็นข่าวดังอีกครั้ง กับการที่โดน “แม่ปูนา” แฉเรื่องเบี้ยวเงินค่าปูนาดองเกือบ 3 แสน ท่าทีที่แสดงออกในรายการโหนกระแส ทำให้มวลชนพร้อมใจด่าทั้งเมือง สวดยับถึงพฤติกรรม แม้ปากจะบอกว่าขอโทษ แต่บุคลิกที่ขาดความจริงใจ ทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ชั่วข้ามวัน บรรดาเจ้าหนี้ดาหน้าออกมาแฉยับ ถูกขุดวีรกรรมเละแทบไม่มีที่ยืนในสังคม รวมทั้งนามสกุล “เชิญยิ้ม” ที่ติดตัวมาใช้หากินแต่ดั้งเดิมก็ด่างพร้อย ถึงขั้น “เป็ด เชิญยิ้ม” ผู้มีบุญคุณของจั๊กกะบุ๋ม ยังรับพฤติกรรมไม่ได้ เตือนหากไม่คิดถึงใคร ให้คิดถึงนามสกุลที่ใช้อยู่
หงายการ์ดเตรียมบวช ประกาศเลิกใช้นามสกุล “เชิญยิ้ม”
วันนี้ จั๊กกะบุ๋ม ที่ได้ฉายาใหม่ จั๊กกะบิด ไม่อาจต้านทานแรงด่าที่ถล่มใส่ เจ้าตัวได้ออกมาเผยว่ายินดีพิจารณาตัวเอง จะไม่ยึดติดกับนามสกุลเชิญยิ้ม รวมทั้งฝากบอกว่าไม่ต้องห่วงจะคิดสั้น เพราะไม่มีทางทำอยู่แล้ว ชีวิตก้าวข้ามเสียงวิจารณ์ในโซเชียล และหลังจากนี้หากเคลียร์ปัญหาลงตัว จะขอบวชเพื่ออโหสิกรรมให้ทุกคน
ต่อมสำนึกที่ผุพัง!!
คนไทยโดยทั่วไปมักมีความเห็นอกเห็นใจ ยามที่ใครสักคนล้มพลาด หลายครั้งคนทำผิดออกมายอมรับอย่างสำนึกผิดจากหัวใจ สังคมก็ให้อภัย แต่ทำไมกับจั๊กกะบุ๋ม ถึงดูสวนทาง นั่นเป็นเพราะคนไทยสัมผัสได้ถึง “ต่อมสำนึกที่ผุพัง” โดยเฉพาะวิธีเลือกจัดการกับปัญหาหนี้สิน ที่ตัวเองเป็นคนก่อขึ้นมาเองทั้งนั้น จั๊กกะบุ๋มทิ้งปัญหาให้คนข้างหลัง โนสนโนแคร์ชีวิตเจ้าหนี้ ประหนึ่งการเป็นหนี้คือเรื่องชิลๆ หาได้เมื่อไหร่ค่อยใช้ ไม่มีให้ก็ต้องรอ! ซึ่งสิ่งนี้คือเรื่องที่คนไทย “รับไม่ได้” นอกจากนี้ท่าทีปากแจ๋ว ไม่สลดของเจ้าตัวยิ่งสะท้อนตัวตน ยิ่งทำให้สังคมเดือดดาล
10 กว่าปีในวงการบันเทิง ปัญหาของจั๊กกะบุ๋มมักพ่วงมาพร้อมปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ เหมือนคนที่ชินชากับการเป็นหนี้ ไม่สนว่าเจ้าหนี้จะทุกข์ร้อน ต้องเผชิญความยากลำบากแค่ไหนกับความเมตตาใจดีที่หยิบยื่นให้ ใช้ชีวิตลอยตัวเหนือดรามา ใครเตือนใครด่าก็ฟัง แต่อาจไม่ได้สำนึก!
เป็นหนี้อะไรนักหนา!
หนึ่งในข้อกังขากับหนี้สินของจั๊กกะบุ๋ม 10 กว่าปีเจ้าตัวเป็นหนี้อะไรนักหนา ทำไมถึงต้องส่งหนี้รายวัน วันละ 4 หมื่น ซึ่งตกเดือนละกว่าล้าน! จั๊กกะบุ๋มมีปัญหาตรงไหนกันแน่ ซึ่งตอนนี้คนส่วนใหญ่เทใจไปแล้วว่าเจ้าตัวติดการพนัน ถึงแม้ตลกดังจะยืนยันว่าไม่ใช่ความจริง
สำหรับเรื่องหนี้สินนั้น จั๊กกะบุ๋มเคยเล่าเอาไว้ในรายการหนึ่งเมื่อสองปีก่อน ระบุว่าตัวเองมีหนี้สินจากการทำธุรกิจกับแฟนเก่าเป็นเงินกว่าล้าน ชีวิตพัวพันกับการเป็นหนี้รายวัน รายเดือน รายปี และเคยหนีไปบวช 15 วันมาก่อน ยืนยันว่าไม่หนีหนี้ ขอโอกาสจากสังคม ขอโอกาสทำงาน
หากอยากจบเส้นทางหนี้ ปัญหาเกิดจากตรงไหนก็ต้องแก้ไขที่ตรงนั้น ไม่สร้างหนี้เพิ่ม ตั้งหน้าจ่ายหนี้ เปลี่ยนตัวเองใหม่ จะได้ไม่ต้องออกมากราบขอโอกาสอยู่เรื่อยๆ ชีวิตวนลูปเดิมอย่างที่เป็นอยู่
