“นิว วงศกร” โอดติดสกินชิพ คิดถึงกลิ่น “นาว” เข้าปีที่ 2 แล้ว ไม่ได้ฉลองครบรอบด้วยกัน รัก 11 ปีหวานฉ่ำ คุยเฟซไทม์ก่อนนอนทุกคืน ภูมิใจแฟนสวย ไม่หวงแม้มีคนมาจีบ สงกรานต์เตรียมบินไปหา พาไปเที่ยววันหยุด นับถอยหลังอีก 9 เดือนจะเรียนจบ แต่ไม่รู้จะคัมแบ็กงานในวงการไหม ส่วนงานแต่งเคยคุยกันแล้ว ว่าคงไม่จัด
ถึงแม้ว่าวันครบรอบ 11 ปี จะไม่ได้อยู่ฉลองด้วยกัน แต่ความคลั่งรักของหนุ่ม “นิว วงศกร ปรมัตถากร” ที่มีให้สาว “นาว ทิสานาฏ ศรศึก” นั้น ก็ไม่ได้ลดลงเลย เพราะทั้งรูปคู่และแคปชั่น อ่านแล้วก็หวานไปถึงออสเตรเลีย ล่าสุดเจอหนุ่มนิว ในงานบวงสรวงละคร “ดั่งธรณี” เจ้าตัวก็ได้เผยให้ฟัง ว่าสงกรานต์นี้เตรียมบินไปหาอีกแล้ว เรียกว่าออสเตรเลียก็แค่ปากซอยของแท้
“ปีนี้ครบรอบรัก 11 ปี ไม่ได้อยู่ด้วยกันก็คิดถึงครับ คิดถึงอยู่แล้ว ตอนนี้ก็กำลังจะเข้าปีที่ 2 แล้ว ที่เขาไปเรียน ถามว่าความรู้สึกมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนบ้างไหม ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปนะครับ แต่ว่าเข้าใจมากกว่า ว่าด้วยภาระหน้าที่ของแต่ละคน ก็ต้องรับผิดชอบ ส่วนเรื่องของความรัก มันก็ต้องช่วยกันประคับประคอง ระยะทางมันไกลก็จริง แต่ว่าเราก็คุยกันตลอดอยู่แล้ว เดี๋ยวก็จะไปหาเขาอีก คือเราเฟซไทม์ก่อนเข้านอนด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว ตั้งแต่ก่อนที่เขาไปแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าเหมือนอยู่ด้วยกันทุกวัน”
ไม่มีของขวัญวันครบรอบ ให้ความสำคัญที่ความสัมพันธ์มากกว่า
“ไม่ได้มีครับ ปกติเราก็ไม่ได้ให้ของขวัญอะไรเป็นพิเศษอยู่แล้ว แต่ว่าก็จะมีซื้อของให้กันบ้าง แต่ไม่อยากนับ ว่ามันเป็นของขวัญวันครบรอบ เราให้ความสำคัญที่ความสัมพันธ์มากกว่า ไม่ได้เน้นที่ของครับ วันนั้น”
คำพูดพิเศษก็ไม่ค่อยมี แต่แสดงออกด้วยการกระทำ
“คือผมไม่มีคำพูด แต่ผมทำให้เขามั่นใจ และทำให้เขารู้สึกว่าเรารู้สึกอะไรและคิดอะไร ต้องการให้เขาเข้าใจว่ายังไง เราก็แสดงออกด้วยการกระทำของเรา แต่ไม่ค่อยมีคำพูดบอกรักหรืออะไรครับ”
โอดระยะทางมีผลเพราะเป็นคนติดสกินชิพ ไม่ได้ดมหัวแฟนนานๆ แล้วมันคิดถึง
“มี คือผมเป็นคนค่อนข้างติดแฟนและชอบสกินชิพ ชอบได้กลิ่นเขา ชอบดมหัวเขา พอไม่ได้กลิ่นนานๆ แล้วมันคิดถึง แต่จะให้บินไปหาถี่ๆ มันก็ไม่ขนาดนั้น เพราะค่าตั๋วมันก็แพง ก็ต้องกลับมาทำงานก่อน แล้วรอช่วงเทศกาลที่กองถ่ายหยุด เราถึงบินไปได้ ช่วงปีใหม่ ช่วงสงกรานต์ เราก็ไป เขาเหลืออีกเทอมเดียวจะจบแล้วครับ น่าจะอีกประมาณ 9 เดือน ถามว่าบินไปหารอบนี้ ตั้งใจเก็บเกี่ยวการดมหัวอย่างเดียวเลยไหม ก็ไปเที่ยวครับ เขาปิดเทอมพอดี”
ไม่รู้ “นาว” จะกลับมาทำงานในวงการหรือเปล่า แต่พร้อมสนับสนุนทุกอย่างไม่ว่าจะเลือกทางไหน
“เขาเรียนอีก 3 เดือนครับ แล้วก็ฝึกงานอีก 6 เดือน แล้วก็จบแล้ว จบปุ๊บเขาต้องกลับมาก่อน เพราะว่าวีซ่านักเรียนเขาหมดแค่เรียนจบ เบ็ดเสร็จคือเขาต้องไปเรียนที่โน่น 2 ปีครับ ส่วนกลับมาแล้วจะได้เห็นงานละครของเขาไหม ก็อยู่ที่เขาตัดสินใจอีกทีครับ เพราะว่าเขาทิ้งตรงนี้ไปเลือกทางเดินตรงนั้น 2 ปีเนี่ย สำหรับการเสียเวลาในวงการบันเทิง มันถือว่าเยอะนะ ถ้าเขาเลือกทางนั้นแล้ว เราก็สนับสนุนเขา ไม่ว่าเขาจะกลับมาทำงานในวงการหรือเปล่า หรือว่าจะกลับมาทำงานในสิ่งที่เขาเลือก เราก็สนับสนุนทางที่เขาเลือก”
บอก “นาว” ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยตั้งแต่เด็ก เลยยังไม่รู้ว่าชอบงานไหนกันแน่ เพราะไม่เคยลอง
“คือเขาทำงานตั้งแต่เด็ก แล้วก็เรียนไปด้วย เขาเลยรู้สึกว่ายังไม่ได้ลองทำในสิ่งที่เขาชอบเลย ไม่เหมือนผม ที่เรียนจบก่อนแล้วถึงเริ่มทำงาน ผมก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาดอะไรไป แต่เขาเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เขายังไม่ได้ทำอะไรในสิ่งที่เขารักเลย เขาชอบทำขนม อยากเป็นเชฟ แล้วเขาก็ไม่เคยมีโอกาสได้ทดลองทำเลย เขาก็เลยไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาชอบงานในวงการบันเทิง หรือว่าชอบทางนั้น ทีนี้เขาก็เลยทดลองดู ผมเองก็เคยบอกเขาตั้งแต่วันแรกที่เขาไปแล้ว ว่าถ้าสมมติตัดสินใจไม่ไป แล้วอีก 10 ปีจะเสียดายไหม เขาก็เลยตัดสินใจว่าอยากลองดู อยากไป”
อยู่โน่นอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี เพราะทำขนมไปชิมไป
“ใช้คำว่าอ้วนท้วนสมบูรณ์ดีกว่า แฮปปี้ ความที่เป็นเชฟขนมหวาน เขาก็ทำไปก็ชิมไป แต่ว่าเขาก็น่ารักเสมออยู่แล้ว”
ตามไปส่งจนมั่นใจ ว่าน้องอยู่สบายและปลอดภัย เลยไม่กังวล
“ผมไปส่งเขาและไปดูในที่ที่เขาอยู่ ที่ที่เขาเรียน แล้วก็ดูชีวิตความเป็นอยู่ของเขาที่โน่น จนเรารู้สึกมั่นใจแล้วว่าเขาอยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างสบายและปลอดภัย ผมก็กลับมาทำงานต่อ โดยสบายใจมากขึ้น”
ภูมิใจแฟนสวย ไม่ได้หวง มีเล่าให้ฟังแล้วว่าโดนจีบ
“ไม่มีๆ แต่เขามาเล่าให้ฟัง ว่ามีหนุ่มๆ มาจีบนะ ผมก็ภูมิใจว่าแฟนเราสวย ไม่ได้หวงครับ ด้วยส่วนหนึ่งผมมั่นใจในตัวเขา แต่อย่างที่บอกว่าอนาคตเราก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง เราก็ทำในสิ่งที่เราทำได้ให้ดีที่สุด ไม่ว่าสุดท้ายแล้วเราจะได้กลับมาคู่กันหรือเปล่า มันก็เป็นเรื่องของวันนั้นและ เราทำอะไรไม่ได้ แต่ทุกวันนี้ความรักของเราก็ยังดีอยู่ครับ”
เคยคุยกันไว้ก่อนโควิด ว่าจะไม่จัดงานแต่ง เชื่อผู้ใหญ่เข้าใจ แต่คงต้องกลับมาคุยกันอีกที
“เคยคุยกันไว้ ว่าจะไม่ได้จัดงานอะไรอย่างนี้นะ แต่ความคิดมันก็อาจจะเปลี่ยนได้เหมือนกัน อาจจะเป็นพิธีเรียบง่ายภายในครอบครัว แต่ว่าก็ยังไม่ได้กันคุยจริงจัง แค่คิดว่าน่าจะไม่ได้จัดงานแต่งงาน คือเราคุยกันเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนโควิดแล้ว เพราะเรารู้สึกว่าในยุคปัจจุบันนี้ ผู้ใหญ่เขาก็เข้าใจมากขึ้น ว่าการจัดงานแต่งงานมันก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างสิ้นเปลือง แล้วก็ไม่ได้มีผลกับความรักของคนสองคนมากนัก แต่ก็ต้องกลับมาคุยกันอีกที ว่าถ้าถึงวันนั้นแล้วมันจะเป็นยังไง เพียงแค่ว่า ณ วันนี้ มันยังเดินทางไปไม่ถึงจุดนั้นครับ”
