กรณีคุณป้ารายหนึ่งขึ้นป้ายกลางห้างดังทวงเงิน “จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม” อดีตตลกชื่อดัง ขอให้เมตตาคืนเงิน 284,400 บาท เงินอาจไม่เยอะสำหรับบางคน แต่สำหรับครอบครัวของตนคือลมหายใจ 4 ชีวิต โดยไนน์เอ็นเตอร์เทน ได้รายงานว่า คุณป้ารายนี้ได้เล่าทั้งน้ำตา ระบุว่าได้ทำธรกิจเลี้ยงปู ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัว ทำและขายเองตามอีเวนต์และห้างต่างๆ ได้มีโอกาสเจอกับจั๊กกะบุ๋ม ซึ่งขายของในงานเดียวกัน มีการ มีการว่าจ้างให้ทำปูดองส่งให้ขาย โดยจะติดแบรนด์ตัวเอง และตกลงกันไว้ว่ารับของไปขาย 1 รอบ เมื่อขายเสร็จ ต้องนำเงินมาจ่าย ตนทำของส่งให้คู่กรณีกว่า 20 รอบ ส่งไปเรื่อยๆ และได้ทวงถามค่าจ้างตลอด แต่อีกฝ่ายอ้างว่ายังขายของไม่ได้ไม่มีเงินนำมาให้ ขอให้ทำของให้ใหม่ก่อนและจะนำเงินมาเคลียร์ให้
เป็นแบบนี้ตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 66 จนมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 67 ตนก็เริ่มชะงักและไม่ทำของให้ ซึ่งคู่กรณีก็บอกว่าถ้าไม่มีของมาขายจะนำเงินที่ไหนมาให้ ตนจึงทำให้ถึงรอบสุดท้าย และขอกำหนดในการชำระยอด คู่กรณีได้นัดชำระเงินวันที่ 24 มีนาคม หากเคลียร์ยอดที่ค้างตนจะทำของให้วันที่ 27 มีนาคม เพื่อนำมาขายที่ห้างแห่งนี้ แต่พอถึงกำหนดคู่กรณีไม่จ่ายเงินตามที่ตกลง พอตนทวงถาม คู่กรณีบอกขอให้จบงานที่ห้างนี้ก่อนเนื่องจากมีการคลาดเคลื่อนได้ของไม่ครบ ตนจึงไม่ทำของให้อีก พอวันที่ 29 มีนาคม ตนมายืนดูการค้าขายของคู่กรณีที่ห้าง เพื่ออยากรู้ว่าขายไม่ได้จริงๆ ใช่ไหม และไม่มีรายได้จริงๆ ใช่ไหม แต่ 4 ชั่วโมงที่ตนมายืนดูคู่กรณีขายของได้ประมาณหมื่นกว่าบาท
ตนจึงบอกว่าให้นำเงินมาเคลียร์ตนสัก 2,000-3,000 บาทก่อน เพื่อจะได้นำไปเป็นทุนทำของและนำของมาให้เพื่อวางขายในงานนี้ แต่เขาบอกว่าไม่ให้ และไล่ให้ตนกลับไป จริงๆ ไม่อยากทำแบบนี้ แต่สถานการณ์บีบบังคับ ตนนำป้ายไปติดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ยอดเงินทั้งหมดที่คู่กรณีต้องจ่ายคือ 284,400 บาทไม่มีให้ตนทั้งหมดตนเข้าใจ แต่คู่กรณีกลับโพสต์เฟซบุ๊กว่าจะไปแจ้งความ ซึ่งมันสวนทางกับความจริงที่ควรจะมาเจรจากัน โดยป้าผู้เสียหายเผยทั้งน้ำตาเชื่อใจเพราะเป็นว่าเป็นดารา เป็นตลก คงไม่มาโกงกับตาสีตาสาแค่เงินไม่กี่บาท คาดหวังอยากให้คู่กรณีมาเจรจากัน แต่กลับไม่เคยมาพูดคุย พูดแต่ว่าไม่มี ไม่ให้ ตนกับครอบครัว 4 ชีวิต ไปต่อไม่ได้ อยากให้มาเคลียร์หนี้ อย่านิ่งจนด้านแบบนี้
ขณะที่ “จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม” ได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่สภ.บางใหญ่ ตอนแรกก็ตกใจว่าเขาทำเพื่ออะไร ก่อนหน้านี้ก็มีการพูดคุยกันตลอด ล่าสุดก็คุยกันเมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ส่วนเงินที่เป็นหนี้มันไม่ได้เป็นเงินกู้ยืมแต่เป็นเงินที่ลงทุนทำธุรกิจร่วมกัน ตนบอกเขาว่าหลังเสร็จงานนี้ตนก็จะเคลียร์เงินส่วนหนึ่งคืนให้ ไม่ได้หนีไปไหน ยังโฟสต์เฟซบุ๊กบอกตลอด ซึ่งตนมีหลักฐานในการพูดคุย สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นต้องขอโทษพ่อหม่ำและน้องเอ็มผู้จัดงานรวมถึงทางห้างด้วย ที่ทำให้เสียชื่อเสียงจนขยายเป็นวงกว้าง ส่วนวันนี้ที่เดินทางมาลงบันทึกประจำวันก็เพื่อเป็นหลักฐานว่าตนไม่ได้หลบหนีหรือเบี้ยวหนี้แต่อย่างไร
และต้องกราบขออภัยเจ้าหนี้ทุกคนที่ตนมีปัญหาเรื่องเงินด้วย ในเรื่องของความคลาดเคลื่อนและล่าช้าเพราะเนื่องจากช่วงนี้ตนประสบปัญหาเรื่องการเงิน แต่ตนก็ไม่ได้นิ่งเฉยก็พยายามหาเงินเพื่อมาใช้หนี้ให้กับทุกคนอยู่ ส่วนป้าคนดังกล่าวตนขอเรียกว่าแม่ก็แล้วกัน โดยรู้จักกับแม่ก่อนหน้านี้ตามงานแสดงสินค้าต่างๆ และทางแม่ก็ได้ทักเข้ามาหาตนทางเฟซบุ๊ก และทักเข้ามาทางแชตว่าจะขอทำสินค้าให้ เสนอทำสินค้าให้ตน 2 แบบ มีอ่องมันปูและปูนาดองโดยที่ตนไม่ต้องเสียเงินเลยสักบาท ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคมปี 66 แต่จะให้จ่ายเงินเป็นรอบๆ ไปหลังได้รับสินค้าและขายหมดแล้ว
ซึ่งเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นการเข้าใจผิด การสื่อสารอาจจะคลาดเคลื่อน ที่ผ่านมาคู่กรณีไม่เคยแจ้งรายละเอียดข้อมูลราคาสินค้าที่ส่งมาให้ตนเลย อยู่ๆ ก็มาบอกว่าตนติดหนี้ค่าของอยู่เป็นแสนๆ แล้ว ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ทางคุณแม่เองก็เข้ามาหาตนที่ร้านและได้มีการเจรจากันว่าจะรอให้จบงานวันที่ 2 เม.ย.นี้ก่อนจึงจะจ่ายเงินได้ ส่วนยอดเงิน 284,400 บาทเนี้ย ตนยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตนติดหนี้เขาตามยอดนี้หรือเปล่าเพราะที่ผ่านมาตนไม่เคยเห็นรายละเอียดหรือราคาของที่สั่งไปเลย