“แจ๊ส-แจง” พูดไม่จริงขอให้ฉิบหาย! งัดหลักฐานทุกอย่างฟาด “บู๊” ขอตัดขาด ไม่นับญาติ ยอมไม่ได้อีก ลั่นแจ้งข้อหาลักทรัพย์ ข่มขู่ หมิ่นประมาท ไลฟ์อีกก็จะแจ้งความอีก สุดทนพฤติกรรมซ้ำซาก ขู่ฆ่า โชว์รูปปืน หากคนในครอบครัวเป็นอะไรเป็นฝีมือบู๊ ขายบ้านไปแล้วราคาถูก
กลายเป็นปัญหาครอบครัวที่ดูจะยืดเยื้อไม่จบ สำหรับกรณีที่ “แจ๊ส ชวนชื่น” ผดุง ทรงแสง และ “แจง ปุณณาสา พรหมยศ” ออกมาเปิดเผยว่าถูก “บู๊” น้องชายของแจงขโมยรองเท้าของสะสมไปกว่า 3 แสน และทำลายข้าวของในบ้าน ซ้ำยังพบมีสิ่งเสพติดในบ้านด้วย ซึ่งแจงประกาศตัดขาดความเป็นญาติไปเรียบร้อย แจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีถึงที่สุด ล่าสุด แจ๊ส-แจง ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงประเด็นนี้ ณ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จ.ปทุมธานี โดยยืนยันว่าต้องการจะเจอตัวคู่กรณี ขอให้ออกมาคุยกัน
แจง : “จริงๆ เราพอทราบมาคร่าวๆ แล้ว แต่ว่าเรายังไม่มีหลักฐาน ประกอบกับที่เขาไลฟ์สดแล้วมีคนอัดเอาไว้ ในช่วงที่เขาบอกว่ามีคนถามเขาไปว่ารองเท้าพี่แจ๊สป่านนี้ไปแล้วสิ เขาก็เลยบอกมาทั้งหมดว่าเขาเป็นคนเอาไป ก็เอาหลักฐานอันนี้ส่งให้ตำรวจ แล้วก็นัดกับตำรวจว่าเราจะว่างวันที่ 29 มีนาคม เพราะฉะนั้นเราก็เลยผ่านไปหน้าบ้านก่อน เราก็ตกใจว่าประตูหน้าบ้านแตกไปหนึ่งบาน เราเลยโทร.ไป 191 เพื่อแจ้งเหตุให้ตำรวจเข้ามาดู เพราะเราไม่มั่นใจว่ายังมีคนอยู่ในบ้านหรือเปล่า เพราะมีช่วงนึงที่เขาเข้ามาแล้วออกไป เราเลยให้ตำรวจเข้ามาที่บ้าน
ทีนี้พอตำรวจมาเห็นประตูแตก แต่มีการล็อกกุญแจด้านนอกไว้ เขาเลยแจ้งไปที่ สน.มีนบุรีเพิ่มเติมเพื่อให้กำลังเสริมเข้ามา เราในฐานะเจ้าบ้าน แต่ไม่มีกุญแจ ก็เลยงัดเข้าไป ตรวจดูในบ้านมีร่องรอยของคนอยู่ ก็เลยไปตรวจที่ห้องชั้น 3 ที่เป็นห้องรองเท้าก่อน ซึ่งเมื่อประมาณเดือนกรกฎาคมของปีที่แล้ว เราถ่ายคลิปวิดีโอเก็บไว้ว่ามาเยี่ยมบ้านหลังเก่า เลยมีรูปภาพและวิดีโอของรองเท้าที่ยังอยู่ที่นั่น ส่วนคนที่ถามว่าทำไมไม่ย้ายของออก เพราะเรายังไม่ได้ทำห้องค่ะ”
แจ๊ส : “ยังไม่ได้ทำห้องเสื้อผ้า เลยเก็บรองเท้าโซนที่เป็นคอนเวิร์สไว้บ้านหลังนี้ คู่อื่นก็เก็บไว้ก่อน”
แจง : “บ้านหลังนี้ ห้องนั้นคนที่มีกุญแจคือพี่ต่อ เพื่อนแจ๊สที่จะเป็นคนดูแลของทั้งหมดของแจ๊ส ทีนี้ห้องนั้นมันเปิดได้เลย แปลว่ามันมีร่องรอยการถูกงัด พอเข้าไปพบว่ารองเท้าหลายๆ คู่ ที่เป็นแรร์ไอเทมหายไป ก็กลายเป็นว่าวิดีโอนั้นมันมีมูลความจริง ตำรวจก็เลยเรียกกองพิสูจน์หลักฐานทั้งหมดเข้ามา แต่ทีนี้ในห้องนึงที่เป็นชั้น 3 ตรงข้ามห้องรองเท้า มีร่องรอยของการพักอาศัย แล้วพบอุปกรณ์เสพยา พบถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วและยังไม่ได้ใช้ ทำให้รู้ว่าบ้านเรามีคนอยู่จริงๆ แล้วลงไปชั้น 2 ห้องนอนเก่าของแจงกับแจ๊ส พบห้องนั้นล็อกอยู่ ตำรวจเลยงัดพังประตูเข้าไป ก็พบว่าแอร์เหมือนเพิ่งจะปิดไป ทิ้งของใช้ส่วนตัว เช่น นาฬิกา โทรศัพท์มือถือไว้
แปลว่าวันนั้นเขาหนีออกไปทางหลังบ้าน คลาดเคลื่อนกัน คิดว่าเขาน่าจะรู้ เพราะแจงให้คนไปดูหน้าบ้านแล้วรอบนึง เขาเลยหนีไป แต่ทั้งหมดทั้งมวล มีคำถามว่าทำไมแจงถึงเงียบได้ขนาดนี้ แจงไม่ได้เงียบนะ ตั้งแต่เขาออกมาไลฟ์เดือนธันวาคม แจงได้แจ้งความไว้ที่ สน.ลาดพร้าว โดยมีทนายเป็นตัวแทนไปแจ้งความวันที่ 26 ธันวาคม 2566 แต่ที่แจงเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไร พูดตรงนี้เลยว่าสิ่งที่แจงและครอบครัวโดนกระทำมามันสุดจริงๆ แล้วทำไมเราต้องมาพูดให้ทุกคนเข้าใจเราด้วย แต่การที่เราไม่พูดกลับกลายเป็นมองว่าเรายอมรับ แล้วเราไม่เคยปกป้องแจ๊ส”
แจ๊ส : “บอกก่อนว่าตอนนี้ผมกับแจงกำลังสร้างตัวกัน ผมเชื่อว่าไม่มีใครยอมใครนะ ถ้าใครมาร้ายกับคุณ แต่ผมต้องเงียบ ผมต้องทำงานหาเงิน ถ้าไปปะทะบางทีมันมีผลกับงาน แล้วบางทีที่เขาไลฟ์เหมือนต้องการให้พวกผมเสียชื่อเสียง ไม่มีงาน แต่เมื่อวาน (28 มี.ค.67) เงียบไม่ไหวแล้ว คนเราไม่ได้อยากโดนกระทำย่ำยีบ่อยๆ หรอก”
บอกทนไม่ไหวกับพฤติกรรมซ้ำๆ แถมยังขู่ฆ่า โชว์รูปปืนขู่อีก
แจง : “แจงก็นั่งถามตัวเองนะว่าแจงผิดอะไร นั่งนึกย้อนไป 2 ปี ตั้งแต่ออกจากคุกมาช่วงโควิดวงไม่มีงาน พอเริ่มมี 1-2 งาน ก็ให้มาช่วยขับรถส่งของ ทีนี้เริ่มมีฤทธิ์กับที่บ้าน เอารถส่งของที่เป็นของบริษัทแจ๊สไปขนหน้าบ้านแม่ที่มีนบุรี มีเรื่องไปเคลียร์ที่โรงพัก แจงไม่เคยเอามาบอกเพื่อทำลายใครนะ แต่วันนี้แจงกับแจ๊สโดนทำลายจนแย่ไปหมดแล้ว แจงขอพูดบ้าง (โชว์ภาพ) เป็นภาพที่ไปเคลียร์กันที่ สน. มีนบุรี มีท่านผู้กำกับท่านเดิมอยู่ในเหตุการณ์ ก็จบด้วยการรอมชอม บอกว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ผ่านไปแป๊บนึงเพราะเหตุผลอยากจะมีรถขับ แจงก็ซื้อรถ CIVIC ปี 2564 เนื่องจากว่าน้องมือกีต้าร์ไม่มีเงินส่ง กำลังจะถูกยึด แจงซื้อคืน 7.9 แสนบาท เพื่อให้เขา
ถามว่าทำไมแจงโอนชื่อให้เขาเลย เพราะเหตุการณ์แบบนี้มันเคยเกิดขึ้น นานมากแล้วแต่ไม่อยากพูด ไม่อยากให้มีปัญหาถึงตัวแจงและแจ๊ส เพราะแจงเชื่อว่าเขาไม่ได้มีความบริสุทธิ์ใจ ต่อมาเมื่อได้รถไปมีปัญหาอีก นี่คือหนี้การพนัน (โชว์หลักฐาน) สิ่งที่เอาหนี้สินมาให้แจงกับที่บ้านใช้เยอะมาก แต่แจงก็ทนเพื่อให้โอกาสเขา แจงกับแจ๊สหาเงินเหนื่อยมาก แต่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ แจงแค่มองว่ามันไม่แฟร์กับแจงเลย กับสิ่งที่เขาออกมาด่าแจง โพสต์ว่าแจงโน่นนี่นั่น ลามมาถึงลูกแจง ขู่ฆ่า ขู่ปืน แจงเก็บหลักฐานไว้หมด บางทีคนเราโดนขู่มากๆ มันไม่ได้รู้สึกดีนะ ตอนแรกแจงไขว้เขวนะ รู้สึกว่าแจงประมาทเพราะว่าสามีเราทำงานในที่แจ้ง ลูกเราอีก จนเมื่อวานนี้รู้สึกว่าแจงยอมไม่ได้แล้ว แจงขอใช้ความเป็นผู้หญิงออกมาสู้เลย ออกมาเลย มาวัดกัน ว่าจะเอายังไง”
แจ๊ส : “คือเมื่อวานมันก็ไม่ไหวเหมือนกัน จิตมันหลุดจริงๆ ทั้งผมทั้งแจง จิตหลุด แต่ผมมีสติที่ผมจะพูด เพื่ออยากให้ทุกคนรู้ว่าจริงๆ มันคืออะไร อันไหนมันจริง อันไหนไม่จริง คนเวลาฟังเขา คนเชื่อเยอะ เขาเป็นญาติแจง แต่ถ้ามาคุยกันต่อหน้าจริงๆ เอาจริงๆ เลยนะ คุยกันต่อหน้าแบบนี้ คุณได้รู้แน่ว่าจริงๆ มันคืออะไร“
แจง : “ที่แจงไม่เอาหลักฐานทุกอย่างออกมาพูดหรือให้ใครเห็น เพราะแจงคิดว่ามันเป็นเรื่องของคนในครอบครัวและเราไม่ได้ทำ เราใช้หนี้ให้คุณจริงๆ เสียใจมาก ถามว่าตอนนี้ยังนับญาติกันได้ไหม ไม่ได้ค่ะ มันเสียใจจนพูดไม่ออก ทุกคนบอกว่าทำไมแจงไม่ออกมาพูด ทำไมแจงไม่ปกป้องแจ๊ส จริงๆ ทุกคนไม่มีใครรู้เลยว่าในใจเราทำอะไรกันอยู่ เขาขู่เราสารพัด เรามีหลักฐานครบค่ะ เราห่วงความปลอดภัยคนในครอบครัว ตอนแรกแจงเป็นบ้าเลย ถามแจ๊สดู”
แจ๊ส : “ต้องบอกกันก่อนเลยนะ ผมไม่เคยมีปัญหากับใครอยู่แล้ว ถ้าผมกับครอบครัวเป็นอะไร ก็คือเขา แค่นั้นเองที่ผมจะบอก และตอนนี้ผมไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหนด้วย”
แจง : “ตอนนี้ไม่ระแวงแล้ว ตอนแรกๆ ระแวงมาก แจงเป็นหนักกว่าทุกคน เพราะเราเป็นโรคแพนิค เอาจริงๆ นะที่ไม่อยากเอาหลักฐานออกมา เพราะอยากให้เขามีเส้นทางทำมาหากิน แจงไม่เคยทำร้ายใครเลย ตลอดเวลาที่อยู่กับแจ๊สมา 13 ปี ไม่เคยสร้างเรื่องลำบากใจให้ใครในบ้านทั้งสิ้น”
แจ๊ส : “ที่ออกมาพูดผมไม่ได้จะมาพูดเอาความดีมาโชว์ว่าผมดีกับเขา อันนี้ผมพูดจากใจ ผมพูดจริงๆ จากที่ผมเห็นมา คบกับแจงมา แจงดูแลเขามาตลอดเลย แจงไม่เคยทิ้งพี่น้อง แล้วไม่เคยทำร้ายพี่น้องด้วย แต่ครั้งนี้มันหนักจริงๆ มันหนักมากๆ แล้วตอนนี้ในส่วนของผม เรื่องรองเท้า ผมโกรธ ตังค์ผมกว่าจะหามาได้ พ่อแม่ผมไม่ได้รวย ผมทำงานหาเงินสุจริต หาเงินซื้อของของผม แล้วคุณมาเอาของของผม
พูดตรงๆ ตอนนี้ผมซื้อใหม่ก็ได้ แต่ความรู้สึกตรงนั้นที่ผมเก็บไว้ มันตั้งแต่ครั้งแรกในชีวิตของผมที่อยากมีรองเท้าคอนเวิร์สที่ผมอยากได้คู่แรกของผม มันอยู่ในตู้นั้นหมดเลย ตอนนี้คุณแสดงตัวเถอะ แสดงตัวออกมาเลย คุณอยากจะออกรายการกับผม อยากให้คนในประเทศรู้ คุณมาได้เลย ขอให้คุณแสดงตัวเถอะตอนนี้ พวกผมพร้อมแล้ว ผมพูดเสมอว่าผมพร้อมกับคุณมากๆ คุณอยู่ที่ไหน”
แจง : “รองเท้าที่หายไปเอาคร่าวๆ ที่เรารู้มาคือ 5 คู่ก่อน ตอนนี้ได้คืนมา 1 คู่ค่ะ แต่การที่นำออกมาขายน่าจะประมาณ 5 คู่ แล้วอีกอย่างก่อนที่จะมาเป็นแบบนี้ พอเราใช้หนี้สินให้เขาครบหมดแล้วประมาณ 7 แสนกว่าบาท หลังจากนั้นก็ไปหาเรื่องแม่อีกที่บ้านเมื่อปีที่แล้ว จำได้ว่าวันที่ 14 ก.พ. ทุกวันเกิดแม่จะมีการทำบุญอยู่หน้าบ้าน เขาเดินเข้าไปแล้วก็ไปหาเรื่อง เจตนาที่เข้าไปมันไม่ดี เข้าไปต่อยหลาน”
แจ๊ส : “ไปต่อยพี่ชายของแม่แจง แล้วลูกเขาก็มาช่วย แล้วเขาก็โดน พอเขาโดนก็มีอาการ สิ่งที่เขาพูดบอกว่าคนในบ้านเอาปืนจะไปยิงเขา ในบ้านนั้นไม่มีใครพกปืนครับ พอเขาออกมาแล้วรถคันนั้นเป็นรถวงผม รถที่ขนเครื่องติดรูปแจ๊สเลย”
แจง : “อันนั้นเป็นครั้งแรก แต่ครั้งที่สองพอไปสน.ก็กลายเป็นว่ามีเรื่องกับน้องชาย น้องชายเป็นคนแจ้งจับจนเขาติดคุกไปเดือน มี.ค. ตั้งแต่เดือนมี.ค. เขาบอกว่าแจงไม่เคยส่งเงินอะไรเลย แต่เราส่งทุกอย่าง ถ้าไม่ใช่แจง ใครจะส่ง เพราะไม่มีใครเอาแล้ว ก็มีแต่อีนี่คนเดียวเลย สุดท้ายอยู่คุกได้ประมาณ 3 เดือน ส่งจดหมายออกมา (โชว์หลักฐาน) ว่าขอให้แจงและแม่ยอมความ จะทำตัวเป็นคนดี จะขอโทษทุกคน จะเป็นคนดีของสังคม จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนัน นี่คือหลักฐาน (โชว์หลักฐาน) ไม่อยากเอาออกมาเปิดเลยนะ มันเหมือนประจานคนในบ้าน แต่แจงก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ครั้งนี้แจงต้องออกมาปกป้องตัวเอง ปกป้องแจ๊ส ปกป้องครอบครัวที่แจงดูแลอยู่
ไม่ใช่ว่าแจงจะกลัวหดอยู่รูหนูอย่างเดียว บอกเลยนะบู๊ กูคนเก่าหายไปแล้วนะ นี่คือคนใหม่นะ เนี่ยหลักฐานที่เขาออกจากคุกมา แล้วเราครอบครัวนัดกินข้าว ประชุมเอายังไง สรุปสุดท้ายเพื่ออนาคตเขา ก็ไปเซ็นให้ออก บอกว่าข้อแม้ หนึ่ง ต้องมานั่งคุยกัน แล้วต้องเซ็นสัญญาเลยว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก ต่างคนต่างอยู่ สุดท้ายก็หนี ไม่มาทำตามสัญญาที่พูดสักคำ แล้วก็เริ่มเลย พอแจงไม่เอาตัดขาด เราไม่เคยโดนไง คนที่บ้านเราโดนหมด เราคนเดียวที่ยังไม่เคยโดน พอเราตัดไปวันนั้นไม่ได้จ่ายค่าใดๆ ทั้งสิ้นก็มาที่นี่ (ชี้ตัวเอง) เราเลยรู้ว่า อ๋อ..ตอนที่พวกเขาโดนมันเป็นอย่างนี้นี่เอง เขาคิดแต่ว่าเรากลัวแสงมาก กลัวว่าเราจะไม่มีงาน ยังไงเขาโพสต์ออกมาแจงมันไม่กล้าหรอก”
แจ๊ส : “ตอนนี้ผมก็ฝากบอกผู้ใหญ่ทุกคน ผมไม่ทำอะไรเสื่อมเสียแน่นอน แต่ผมจะทำในสิ่งที่ถูกต้องที่ผมควรจะทำ ถ้ามันมีผลกระทบกับอะไรตรงไหนผมขอโทษด้วย เพราะผมอยู่ในแสง ผมผิดอยู่แล้ว แต่ว่าที่เอามาพูดจะเชื่อหรือไม่เชื่อพวกผมก็ได้นะครับ แต่สิ่งที่เขาพูดใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ แค่คุณดูว่าอะไรมันคือความเป็นจริง ผมอยู่กับความเป็นจริงมาตลอดชีวิต ผิดผมกล้ายอมรับผิด ถูกก็คือถูก ไม่ตะแบง คือสรุปเลยนะ ตอนนี้เขาหนีอยู่ ไม่รู้ว่าหนีไปไหน ใครที่เห็นเขา อยากให้ทุกคนได้รู้และช่วยพวกเราหน่อย ช่วยกันแจ้งเบาะแส ให้เขามามอบตัว หรือเขาข้องใจก่อนที่เขาจะมอบตัวอยากจะพูดอะไรที่คลายความสงสัยของทุกคน มาพูดรวมกันเลย”
เผยจากนี้จะให้ตำรวจเป็นคนจัดการทั้งหมด
แจง : “เอาเป็นว่าแจงไม่ต่อความยาวสาวความยืดแล้ว เขาอยากพูดอะไรปล่อยเขาเลย เพราะเราไม่มีเวลาว่างเหมือนเขา เรามีงานที่ต้องทำ เราต้องรับผิดชอบอะไรหลายอย่าง ไหนจะงานส่วนตัว เวลาพักผ่อน เอาจริงๆ อินเตอร์เน็ตที่เข้าไปดูเขาแจงยังเสียดายเลย ส่วนเรื่องคดีรองเท้าเราดูครบหมดแล้วว่าใครเป็นคนซื้อขาย มาจากทางไหน ต้องขอบคุณน้องที่เอารองเท้ามาคืนให้ เพราะเขามาแสดงความจำนงเลยว่า ไม่อยากมีเรื่อง เราต้องขอบคุณที่เข้ามาในวันแรก และน้องผู้หญิงที่มาชี้แจงว่าเขาได้รับรองเท้ามาจากไหน แล้วก็มีรูปการซื้อขาย อันนี้จะให้ตำรวจเป็นคนจัดการแทน เพราะเรากลัวว่ามันจะไปยุ่งกับรูปคดี
นอกจากรองเท้าก็ไม่มีอะไรค่ะ เพราะบ้านหลังนั้นไม่ค่อยมีอะไร ไม่มีใครอยู่แล้ว มีคนถามว่าทำไมไม่ติดกล้องวงจรปิด คือถ้าจะติด แจงต้องติดไวไฟ ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก แล้วบ้านหลังนั้นกะไม่ให้ใครอยู่จริงๆ มิเตอร์น้ำก็โดนยึดไปแล้ว แจงก็คิดว่าไม่มีใครสามารถอยู่ได้ แต่เขาก็อยู่ได้ แล้วแจงก็แจ้งทาง รปภ.ของทางหมู่บ้านตามคำแนะนำของคุณตำรวจ คือส่งรูป ชื่อ ใบหมายจับ ให้เรียบร้อยแล้วว่าไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องกัน แต่ตอนนี้มีคดีเกิดขึ้นก็รบกวนทางหมู่บ้านและ รปภ.ช่วยกันเป็นหูเป็นตาและแจ้งกลับมา”
แจ๊ส : “และล่าสุดที่ผมคุยกับเขา ทะเลาะกับเขาอยู่ เพื่อนๆ เขามาโพสต์รูปปืน ถ้าผมเป็นอะไรคือเขา ตอนนี้ผมไม่ยอมจริงๆ แต่ผมจะไม่ทำก่อนนะ ถ้าคุณทำอะไรพวกผมก่อนก็ตามนั้น ถามว่าคิดว่าเขาจะไปถึงจุดนั้นไหม ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมแค่บอกว่าตอนนี้ทุกคนรู้แล้วนั่นแหละ”
แจง : “เขาก็มีรูปปืน แต่เมื่อเช้าเข้าไปดูเขาก็รีบไปลบนะ เอาง่ายๆ ในเฟซบุ๊กเขามีแต่ขู่”
แจ๊ส : “แต่ตอนนี้เราก็เก็บหลักฐานหมดแล้วนะ รู้หมดแล้วว่าใครคนไหน ตอนนี้ผมตั้งรับเต็มระบบเหมือนกัน เพราะว่าผมอยู่ในแสง ผมไม่ได้อยู่ที่มืดไง”
แจง : “ที่เขาขู่ ไม่รู้นะ เอาจริงๆ แจงอ่านใจเขาไม่ถูกเลย อย่างเช่นเมื่อวานแจงขึ้นไลฟ์ด้วยกัน เขาก็คงน่าจะตกใจพอสมควร เพราะแจงไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน เอาง่ายๆ ทุกวันนี้ที่แจงเงียบแจงห่วงแจ๊สคนเดียว ห่วงครอบครัวอย่างเดียว อดทนทุกอย่างเพื่อไม่ให้เขาเสียหาย แล้วเขาเสียหายเรื่องเกิดจากญาติพี่น้องเรา เรายิ่งทุกข์นะ แจงทุกข์มากนะทุกคนแจงบอกเลย ว่าการที่ออกมาแบบนี้ไม่ใช่ว่ามีความสุข คือเราวางแผนว่าเราต้องทำยังไง เราต้องคุยกับตำรวจยังไง เรื่องไปถึงไหน ตอนนี้คดีไปถึงไหนแล้ว คือตามเองทุกอย่างเพื่อให้มันจบ เขาบอกว่ามาแกล้ง เขามานัดเจอตอนที่เขามีหมายจับ แจงถามคำเดียวเมื่อวันที่ 29 ตอน 11 โมง พวกแจงไปถึงหน้าบ้าน ถ้าคุณไม่ผิดคุณหนีทำไม ตอนนั้นยังไม่มีหมายจับด้วยซ้ำ”
แจ๊ส : “เขาอยู่ไหนแค่นั้นเองตอนนี้”
บอกอีกฝ่ายไม่มีอาการทางจิต เพราะส่งให้แพทย์วินิจฉัยแล้ว
แจง : “แจงว่าเขาไม่น่ามีอาการทางจิต เพราะแจงกับน้องชายตอนนั้นที่เขาออกมาจากทัณฑสถานก็ให้น้องชายเป็นคนพาไปที่โรงพยาบาลรามคำแหง หมอก็บอกว่าเขาปกตินะ แต่แจงเคยคุยกับเขา ถามเขาว่าอยากได้อะไร คือคุยจนไม่รู้จะคุยอะไร คุยแต่เรื่องเดิมๆ เรื่องแบบนี้วนอยู่อย่างนั้น เอาจริงๆ คนเรามันมีอดีตทุกคน แล้วยังไงต่อ ถ้าคุณไม่มูฟออนแล้วมาบอกว่าที่หมั่นไส้แจงเพราะว่าแจงไม่เข้าข้าง แจงจะเข้าข้างคนผิดได้ยังไง ในเมื่อมันผิด มันผิดก็คือผิด แล้วแจงต้องไปอยู่ข้างล่างกับเขาเหรอ ในเมื่อแจงเดินไปข้างหน้าแล้ว แล้วจะมีกี่คนที่มีเงินใช้ มีรถใช้ มีคนใช้หนี้ให้ มีบ้านให้อยู่ ค่าน้ำค่าไฟ มีกี่คน”
แจ๊ส : “พูดไปก็เหมือนลำเลิกบุญคุณ”
แจง : “ใช่ มันไม่ดีไง เราเลยไม่อยากพูด แต่วันนี้มันไม่ไหวแล้ว มันไม่ไหวจริงๆ ไม่ต้องขู่ ไม่กลัว เพราะถ้าเรามัวแต่กลัวก็อยู่แต่ในจุดตรงนั้น เราออกมาไม่ได้เลย แต่วันนี้แจงพร้อมมาก คือแมนๆ คุยกันเลยดีกว่า และที่คนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น มีปัญหาอะไรกัน แจงก็ยังถามตัวเองอยู่เนี่ย”
แจ๊ส : “ผมสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในนี้นะ ถ้าผมพูดไม่จริง ขอให้ชีวิตผมฉิบหายเลย เมียผมไม่ได้ผิดอะไรกับเขาแม้แต่นิดเดียว ครอบครัวไม่มีใครผิดอะไรกับเขาเลย ช่วยมาตลอด จากที่แจงเล่าให้ผมฟัง เดี๋ยวจะหาว่ามาทีหลังแล้วมาพูด น้ำลาย แต่เมียผมไม่ได้ผิด พวกผมไม่ได้ผิดอะไรเลยด้วยซ้ำ และผมไม่มีจุดอะไรด่างพร้อยกับตัวเขาด้วย แต่ใครอยากจะเชื่อก็เชื่อ แล้วแต่เลย ถามว่ามันกระทบกับเรื่องงานไหม คือคนเราอยู่วงการบันเทิง รู้อยู่แล้วผมไม่พูดหยาบคายขึ้นไลฟ์กับเขา แจงก็ห้ามผมตั้งหลายครั้ง พี่ๆ ก็พร้อมจะช่วยทุกคน เราก็ต่างคนต่างห้ามกัน ถ้าพูดหยาบออกลูกนักเลง งานก็เสีย เพราะเราอยู่ในแสงสว่าง ก็อย่างที่บอกว่าอย่าไปให้ค่าเพราะเราอยู่ในแสง ก็ถูก แต่บางทีมันไม่ไหวนะ มันเป็นมานานแล้ว มันพาครอบครัวเดือดร้อน ต้องไปหาตำรวจ”
แจง : “ตอนนี้งานยังไม่มียกเลิกหรือแคนเซิลนะคะ แจงขอบคุณลูกค้ามากๆ ที่เชื่อในตัวเราและเข้าใจในตัวเรา 2 คน เราไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน เราทำงานให้ทุกคนเต็มที่ เรามาจุดนี้ได้ด้วยความสามารถและโอกาส เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่มี 2 อย่างนี้ เรามาถึงจุดนี้ไม่ได้แน่นอน เราไม่คิดจะทิ้ง 2 อย่างนี้อยู่แล้ว ก็ขอบคุณลูกค้าที่เข้าใจ”
แจ๊ส : “ก็ขอบคุณพี่ๆ ที่อยู่ข้างหลังด้วย ที่คอยเป็นห่วงเป็นใยว่าผมจะเป็นอะไรไหม ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนด้วย”
แจง : “ถามว่าอยากให้จบยังไง ไม่ แจงไม่มีอะไรเลย แจงถึงบอกว่าก็ให้มา”
แจ๊ส : “ตอนนี้อยู่ที่เขาเลย เอาทีละอย่าง อันนี้หมายจับ หมายจับมาแล้ว ก็เคลียร์เรื่องจับกันก่อน ถ้าจับแล้ว คุณจะสู้คดีก็สู้ไป สิทธิ์ของคุณ ตอนนี้เอาแค่นี้ก่อน ส่วนถ้าติดใจข้องใจหรืออยากจะสัมภาษณ์ต่อหน้าก็อีกเรื่องหนึ่ง ตอนนี้มันรวมหลายเรื่อง มันอยู่ที่เขา เขาจะกระตุกแบบไหน ทีละขั้นตอนค่อยๆ ไป แต่อันนี้เอานี่ก่อน”
แจง : “เขาน่าจะไม่กลัวเข้าคุกไหม เพราะเขาก็เข้าๆ ออกๆ มาหลายรอบแล้ว”
เผยขายบ้านที่เกิดเหตุแล้ว
แจง : “ผลกระทบกับครอบครัวเหรอ มาแล้วค่ะ และแจงก็ไม่เข้าใจโซเชียลเท่าไหร่ การที่แจงไม่มาพูดไม่ใช่ว่าแจงยอมรับความจริงทั้งหมดนะคะ แต่ตอนนี้ตำรวจยังจับตัวเขาไม่ได้ แต่ก็ยังเห็นนั่งไลฟ์สดอยู่ ถามว่ามีอะไรมาช่วยป้องกันเราไหม เอาจริงๆ แค่ทีมงานเรา เขารู้อยู่แล้วว่าเขาต้องดูแลพี่แจ๊สอย่างเต็มที่ เวลาเราไปเล่นที่ร้านไหน เราก็จะมีการ์ดช่วยดูอยู่แล้ว เพราะว่าค่อนข้างดังพอสมควรนะคนนั้น แต่ยอมรับว่าเราระแวงนะ แต่มันเมื่อ 2-3 เดือนก่อนน่ะมี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ไม่รู้ว่าจะกลัวทำไม รายละเอียดแจงบอกไม่ได้ ต้องลองให้พี่ตำรวจเป็นคนให้รายละเอียดดีกว่า ก็มาคุยกัน ถ้าไม่ผิดก็มาแก้ต่างให้ตัวเองสิ ไม่จำเป็นต้องหนีเลย แต่ถ้าเจอหน้ากัน อันนี้ตอบไม่ได้เหมือนกัน สำหรับแจงนะ คนมันสุดแล้ว แจงยังคิดว่าถ้าทำดีไม่ได้ดี ก็ไม่ทำกับคนนี้นะ แต่กับคนอื่นแจงก็ทำอยู่”
แจ๊ส : “ตั้งแต่ตอนโกรธแจง ตอนไลฟ์ด่า ผมไปเกี่ยวอะไรด้วย ก็มาโกรธผม เอาปืนมาวางตรงโลโก้วง แต่ก็ลบไปแล้วนะ บอกว่าได้เปลี่ยนนักร้องแน่ ผมก็งงว่าไปทำอะไรให้ ไม่เข้าใจ ผิดอะไร ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวกับผมเลย”
แจง : “ยังมีอยู่ แต่แจงมีหลักฐาน แล้วแจงอยากถาม เงินทั้งหมด ถ้าแจงไม่มีแจ๊ส จะเป็นใคร แจงต้องทำอะไรถึงจะเอาเงินไปใช้หนี้ให้เขาได้ แล้วคนนี้คือคนที่ทำมาหากินอยู่คนเดียว นอกจากไม่เห็นใจแล้วยังทำลาย มันควรจะยืนอยู่บนสังคมนี้ไหม แจงขอถามแค่นี้ เอาแค่วันนี้ แจงอยากขอบคุณแจ๊สและขอโทษแจ๊สแค่คนเดียว ตอนนี้ก็ให้ตำรวจจัดการอย่างเดียวเลยค่ะ ต่อไปนี้คือตัดขาด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น และบ้านที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ปัจจุบัน ซึ่งแจงแจ้งขายเอาไว้ในหมู่บ้านอยู่แล้ว และแจงขายในราคาถูกด้วย ตอนนี้มีคนติดต่อเข้ามาเรียบร้อยแล้ว ก็กำลังซ่อมบ้านและทำเรื่องซื้อขาย ตัดขาดไปเลยจบ จริงๆ บ้านหลังนี้ใครไม่มีที่อยู่ แจงจะให้อยู่ ตั้งแต่เด็กวง ใครไม่มีที่อยู่มาอยู่ที่นั่นได้เลย จนทุกคนแยกย้ายไปมีชีวิต ก็แยกย้ายกันออกไป แต่ถ้ามีแล้วมีปัญหาก็ไม่ต้องมี”
บอกแจ้งข้อหาลักทรัพย์ ข่มขู่ และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาไว้เรียบร้อย
แจง : “ข้อหาตอนนี้ก็น่าจะเป็นลักทรัพย์ในเคหะสถานค่ะ”
แจ๊ส : “แล้วมีเป็นทอดๆ ไปอีกนะ คนที่มาขายไล่จากเขาไปอีก ตำรวจบอกว่ายังเป็นความลับทางราชการ แต่ตอนนี้เขากำลังดำเนินคดีทีละคนแล้ว และในส่วนของบ้าน ตอนนี้เขาก็ยังอยู่ในทะเบียนบ้าน”
แจง : “อันนี้มันเป็นข้อนึง แจงก็ถามไปที่สำนักงานเขตว่าทำยังไงถึงจะเอาชื่อเขาออกไปจากทะเบียนบ้าน เพราะว่าเขาก่อเหตุแบบนี้ ทางสำนักงานเขตก็แจ้งว่า คือบ้านหลังนั้นเราไม่ได้อยู่ เราก็ไม่ได้ไปเป็นเจ้าบ้าน แต่ตอนนี้ย้ายคนมาเป็นเจ้าบ้านเรียบร้อยแล้ว อีก 6 เดือนมันจะเด้งออกไปเอง ถ้าโดนโทษก็น่าจะจำคุกประมาณมากกว่า 3 ปีหรือเปล่า”
แจ๊ส : “ไม่รู้เหมือนกัน ก็ทีละสเต็ป ให้เขาเคลียร์อันนี้ของผมก่อน หรือถ้าเขาออกมาจะอะไรยังไง แต่ก็ยังยืนยันว่าตั้งแต่วันนี้ตลอดไป ผมไม่ค่อยมีโจทย์กับใครนะ ผมมีกับเขาคนเดียวที่แล้วกันจบ เขาแค่คนเดียว”
แจง : “ถ้าข้อหาทั้งหมดตอนนี้ก็มีลักทรัพย์ ข่มขู่ และที่ยังอยู่ที่สน.ลาดพร้าวก็จะเป็นหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ถ้าเกิดเขาไลฟ์แล้วพูดอีก แจงก็ไปแจ้งอีก ก็นับเป็นกรรมๆ ไป เขาพูดกี่ครั้งแจงก็เซฟไว้แล้วก็แจ้งความ ถามว่ากลัวไหมว่าเขาจะไม่เข็ด ก็เพราะเขาคิดแบบนี้ไง”
แจ๊ส : “ก็บอกแล้วไงว่าก็เท่าเทียมนะ คุณมาลูกไหนก็ลูกนั้น แต่มันไม่ได้เป็นการแก้แค้นนะ แต่มายังไงก็ยังงั้น แค่นั้นเอง”
แจง : “ก็ให้รู้ว่าเราไม่กลัวแล้ว และเราก็ไม่กลัวว่าชื่อเสียงเราจะเสีย เพราะถ้าคนแบบนี้ ถ้าเสียแล้วจะไม่มีงาน ก็แค่ต้องยอมรับกับมัน แต่ว่าเรื่องลูกเรื่องอะไรตอนที่เขาไลฟ์ แจงแค่รู้สึกว่าการที่เราจะใช้โซเชียล เราควรใช้มันอย่างมีสติ อย่างเช่นเขาพูดเรื่องลูกของแจง และเราก็เห็นคอมเมนต์นึงที่บอกว่าเราเล่าเรื่องแตงโมต่อเลยค่ะ เฮ้ย มันเป็นแบบนี้แล้ว เราเลยคิดว่าถ้าเกิดคุณใช้โซเชียลไม่เป็น แล้วถ้าเราฟ้องหรืออะไรแบบนี้คุณก็อย่าโกรธเรา ว่าเราพูดถึงไม่ได้ พูดอะไรไม่ได้ แต่ถ้าพูดในทางที่ดีหรือพูดในความจริงเรายอมรับได้ เราไม่เคยโกรธ ไม่เคยฟ้องใครเลย เพราะมันเสียเวลา แค่อยากจะแนะนำว่าใช้โซเชียลกันอย่างมีสติค่ะ”
