xs
xsm
sm
md
lg

“ปั๊ป โปเตโต้” ไม่คาดคิดโพสต์รูปห่มจีวรจะกลายเป็นมีมขนาดนี้ ลังเลมีลูก!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ปั๊บ โปเตโต้” คิดไม่ถึงโพสต์รูปห่มจีวรโปรโมตซีรีส์จะเป็นกระแสขนาดนี้ ส่วนตัวยังไม่คิดบวช เลือกฝึกปฏิบัตินั่งสมาธิแทน ส่วนเรื่องมีลูกอยู่ในช่วงกำลังคิดกันอยู่

กลายเป็นมีมในโลกโซเชียล เมื่อนักร้องหนุ่ม “ปั๊บ โปเตโต้” พัฒน์ชัย ภักดีสู่สุข โพสต์ภาพโกนหัว ห่มจีวร พร้อมโพสต์โปรโมตซีรีส์เรื่อง “สาธุ” จนหลายคนนึกว่าบวชจริง และยังเข้าไปแซว ขยันครีเอตสารพัดมุกและคอมเมนต์อย่างฮา ไม่ว่าจะเป็นการล้อกับชื่อเพลง ล้อกับเนื้อเพลง ล้อกับบทสวด จนภาพถูกแชร์นับหลายหมื่นครั้ง บวชปุ๊บพระปั๊บ เต็มฟีด ซึ่ง ปั๊ป โปเตโต้ ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า…

“ตอนนั้นไม่คิดเลยว่าจะเป็นกระแส แล้วทุกคนจะมีความคิดสร้างสรรค์ในการตกแต่งเพลง หรือว่าทำให้ผมเหมือนไปอยู่อีกมัลติเวิร์สหนึ่ง อยู่อีกมิติหนึ่งได้ รู้แหละว่าคงโดนแซวเหมือน แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ หลายคนคิดว่าบวชจริงมีเยอะเลยครับ คือจริงๆ มันมีหลายช่วงมาก โดนทักมาตั้งแต่ก่อนที่จะมีรูปปล่อยออกมาแล้ว บางคนอนุโมทนา สักพักเขาก็รู้ ด้วยสีของจีวรด้วย เป็นสีแก่นขนุน ค่อนข้างซีเรียส หลายคนเลยสงสัยว่าบวชจริงหรือเปล่า

ด้วยความที่หนังถ่ายเกือบ 2 ปี ผมไม่อยากโกหกใครเลย บางคนก็ส่งข้อความมาว่าไม่สบายหรือเปล่า สุขภาพจิตไม่ดี ตอนนั้นผมก็ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ผมยังพูดไม่ได้ แต่จังหวะที่โหดหน่อยก็คือคุณแม่ของภรรยา ผมกำลังวิดีโอคอลอยู่ในรถตู้ แล้วก็ห่มจีวรสีส้มด้วย แม่ก็แบบ…ลูกเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ความที่ตอนนั้นผมกับเตย (ภรรยา) มีปัญหากันด้วย เขาก็คิดว่าผมมีปัญหาแล้วเครียดเลยหนีไปบวช ตอนนั้นถึงต้องบอกเขาว่า…ไม่ๆๆ ทำงานๆๆ หลังจากนั้นสักพักคนอื่นๆ ก็เริ่มรู้ว่าเราเล่นซีรีส์ มันมีเรื่องเยอะมากครับ

กลายเป็นมีม ก็สมใจครับ ได้ทำอะไรเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งเลย ที่เราไม่เคยเจอ เคยเป็น ก็ตามอ่านอยู่เป็นพันคอมเมนต์ เลยรู้สึกว่าจริงๆ ทุกคนสามารถเป็นก๊อปปี้ไรเตอร์ได้หมดเลย แล้วก็มีความฉลาดเฉลียวในการใส่คำหรืออีดิตรูป ดีครับ ผมว่าอย่างน้อยมันก็แสดงให้เห็นว่าคนรู้สึกเหมือนอยากเข้าใกล้มากขึ้น นั่นคือจุดประสงค์ของซีรีส์เรื่องนี้เหมือนกัน คือทำยังไงให้คนเห็นเราแล้วเขาอยากจะดูว่าเป็นยังไงต่อไป เรื่องนี้หลักๆ ไม่ได้นำเสนอในมุมมองพระแบบที่หลายคนอาจจะเคยดูที่ผ่านๆ มา”

โกนได้สบายมากไม่ห่วงหล่อ
“ผมไม่ห่วงเรื่องภาพลักษณ์ ไม่คิดอะไรเลยครับ คิดว่ามันเป็นโปรเจกต์ที่สนุกแน่ๆ แล้วช่วงนั้นผมก็ประหยัดเงินค่าตัดผมไปเยอะมาก เพราะเราก็มีปัตตาเลี่ยนของน้องหมาที่สามารถใช้ร่วมกันได้ เตยตัดให้บ้าง คุณพ่อตัดให้บ้าง ผมแฮปปี้มากครับ”

ลองเป็นพระในซีรีส์แล้วทำให้มุมมองในการมองพระเปลี่ยนไป
“สิ่งที่เปลี่ยนคือผมลดการตัดสินพระไปนะ ส่วนตัวผมหลังจากที่ไปรับบทบาท หลังจากการที่ได้เข้าไปรับบทบาทนี้ คือบางอย่างที่เราได้เห็นในบริบททั่วไปจากข่าว จริงๆ แล้วในมิติของพระมันมีอะไรที่เรายังไม่เข้าใจอีกเยอะ สิ่งหนึ่งที่ผมได้จากเรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่มองว่าพระก็คือคนๆ หนึ่ง คือมนุษย์คนหนึ่งที่ต้องการจะขัดเกลาตัวเอง เพราะฉะนั้นการขัดเกลามันมีทั้งเรื่องที่มันถูกและมันผิด อาจจะมีหลายครั้งที่ต้องผิดบ้าง ตรงนี้มากกว่าที่ผมรู้สึกผิดกับตัวเองที่บางครั้งเราเผลอไปตัดสินพระแล้ว

แต่ยังไม่ได้มีความคิดว่าอยากบวชครับ อาจจะเป็นด้วยอาชีพผมด้วย รวมถึงความที่ผมเป็นคนชอบนั่งสมาธิ ซึ่งนั่งมา 14-15 ปีแล้ว คือเหมือนเราก็ควบคู่กับสิ่งนี้ไปมากกว่า เพราะว่าผมเองก็ยังชอบทางโลกมากเลย”

ยังคิดไม่ตกมีลูกหรือไม่มีดี
“ตอบตามตรงว่าผมกับเตยยังมีความรู้สึกว่าไม่รู้เอาไงเหมือนกัน จะมีหรือว่ายังไง คือไม่ชัดเจนเลย เวลาเหมือนร่นมาเรื่อยๆ เวลามันเลยครึ่งชีวิตมาแล้วก็คงต้องตัดสินใจเร็วๆ นี้ เวลาไปเล่นกับลูกเพื่อนก็มีอารมณ์อยากมีของตัวเองเหมือนกัน ตอนนี้วางแผนไปตรวจเช็กสุขภาพสเปิร์มว่าวิ่งเร็วหรือเปล่า แต่ของภรรยาผมสุขภาพดี จริงๆ เราคุยกันเรื่องนี้บ่อยมากว่าพวกเราจะเอายังไงกันดี จะอยากหรือไม่อยาก”













กำลังโหลดความคิดเห็น