xs
xsm
sm
md
lg

“ปิ่น เก็จมณี” เผยชีวิตหลังเลิก “เจ” เป็น น.ส. ครบ 1 ปี! รับรอเวลาเลิกจนลูกพร้อม แค่คิดเริ่มต้นใหม่ก็ขนลุกแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ปิ่น เก็จมณี” กลับมาใช้ น.ส. ครบปี เผยสาเหตุตัดสินใจจบชีวิตคู่ “เจ เจตริน” ในวันที่ลูกพร้อม ลั่น 5 ปีคุยเรื่องแยกทาง ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน ร้องไห้มาเยอะ รับมีแฟนคนเดียวมา 30 ปีแค่คิดเริ่มต้นใหม่ก็ขนลุกแล้ว รับมีทอมเข้ามาจีบ ลูกบอกอยู่เฉยๆ เถอะมัม ขู่ใครเข้ามาจะต่อยให้ตาย

พร้อมออกมาเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต ทั้งในแง่สุขและทุกข์ หลังตัดสินใจแยกทางกับสามี “เจ เจตริน วรรธนะสิน” ครบ 1 ปี พอดี ซึ่ง “ปิ่นเก็จมณี พิชัยรณรงค์สงคราม” เปิดใจแบบหมดเปลือกครั้งแรกในรายการ WOODY FM หลังหย่าขาดจากอดีตสามีที่คบกันมาเกือบ 30 ปี ลูกๆ 3 เจ้า “เจ้านาย เจ้าขุน เจ้าสมุทร” รับรู้ทุกอย่างมาตลอดหลายปี แค่รอเวลาเลิกกันเมื่อลูกพร้อม

ในวันนี้ ปิ่น เก็จมณี พร้อมที่สุดในการถ่ายทอดความรู้สึกเป็นครั้งแรกให้กับทุกๆ คนว่าเราได้เจอกับอะไรในเหตุการณ์นี้ คิดว่าอะไรคือสิ่งคนอาจจะเข้าผิดในช่วงที่ผ่านมา แล้วเราไม่ได้ออกมาพูด ?
“ปิ่นไม่รู้นะว่าเข้าใจผิดเรื่องอะไร เพราะเรารับแต่พลังบวก ก็เลยไม่ค่อยได้ทราบว่าเขาเข้าใจอะไรผิดกันบ้าง แล้วก็เหมือนมีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้น จริงๆ แล้วมันไม่มีอะไรไม่ดีสักเท่าไหร่ อาจจะมีบ้างซึ่งเป็นธรรมดาของมนุษย์ ปัญหาครอบครัวก็ต้องมีอยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็เป็นนางสาวครบ 1 ปีพอดี เมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมาได้กลับมาเป็นสาวอีกครั้ง (หัวเราะ)”

กี่ปีแล้วที่คบกัน ?
“ตั้งแต่ 1995 28 ปี เกือบ 30 ปี เป็นแฟนกันมานานมาก มันไม่มีอะไรแน่นอนเลย”

ภาพนี้ไม่ใช่ภาพที่ปิ่นคิดว่าจะเกิดขึ้น ?
“ไม่คิดเลย ไม่เคยคิดเลย เพราะว่าปิ่นเป็นคนที่มีความฝันที่จะมีครอบครัว มีความสุขเหมือนผู้หญิงทั่วไป เนื่องจากว่าครอบครัวตัวเองมีการหย่าร้างเกิดขึ้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งแต่เรา 2 ขวบ ก็เลยมุ่งมั่นมากว่าเราจะทำครอบครัวให้เพอร์เฟกต์ อบอุ่น ไม่ว่าเราจะต้องเสียสละอะไรเราจะทำให้ถึงที่สุดตลอดชีวิต แต่ระหว่างทางมันก็ขรุขระ ไม่ได้สวยงาม ไม่ได้แบบทุ่งลาเวนเดอร์หรอก แต่ด้วยเราเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะหาเรื่องยิ้มทุกวัน หาเรื่องสนุกทุกวัน หาเรื่องมีความสุขในความทุกข์ก็ได้ มันก็ผ่านมาได้ด้วยดีเรื่อยๆ”

กับวินาทีที่ตัดสินใจแยกทาง ?
“มันน่าจะไม่ใช่วันนั้น มันเป็นอะไรที่มาเรื่อยๆ ค่อยๆ มา จนสุดท้ายถึงวันที่เราตัดสินใจด้วยสติ ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง รวมทั้งหมดแล้วเราคิดว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่า เป็นพ่อเป็นแม่ของลูกกันดีกว่า ในเวลาที่ลูกพร้อมแล้วด้วย ในเวลาที่ทุกคนมีความสุข”

แล้วเขาตกลงเลยไหม ?
“มันก็ใช้เวลาเป็นปีๆ นะ มีหลายครั้งที่เราคุยกันเรื่องนี้ตั้งแต่หลายปี 5 ปี ว่าแยกกันไหมหรือยังไงดี ก็ไม่เคยที่จะแยกกัน ก็ไม่เคยจะยอมแยกกัน สุดท้ายแล้วก็กลับมา ก็ดีขึ้นทุกครั้ง แต่ครั้งสุดท้ายที่พอคุยกันแล้วเขาบอกโอเคก็ตกใจเหมือนกันนะ ก็โหวงเหมือนกันนะ (หัวเราะ) ไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนี้ เขาก็โอเคได้เลยเดี๋ยวนัดวันมา เดี๋ยวดูแลให้”

อาจจะเพราะเรื่องราวที่สะสมจนอึดอัดหรือเปล่า ความรู้สึกเป็นยังไง ?
“ก็เหมือนไลฟ์สไตล์มันต่างกันออกไปเยอะมาก จากที่เราเคยสนุกด้วยกันตั้งแต่เด็ก เพราะเราคบกันสนุกมาก เราบู๊ล้างผลาญด้วยกัน เราเล่นกีฬาด้วยกัน ไปที่ไหนก็ไปด้วยกัน แต่ตอนหลังมาอาจจะเรื่องของสุขภาพของปิ่น ที่ปิ่นใส่สะโพกเทียมไปซนด้วยไม่ได้แล้ว เขาก็คงจะต้องไปสนุกของเขา ปิ่นก็สนุกของปิ่น เวลาทำงานก็ไม่ตรงกันเขาก็ทำงานกลางคืน เราก็จะต้องนอน ก็ต้องดูแลไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของเรา ลูกของเรา เวลามันก็ต่างกันแล้ว ก็เลยค่อนข้างที่จะห่างกัน แต่ก็เหมือนพยายามจะกลับมาหาอะไรทำที่เหมือนๆ กัน ร่วมกันได้บ้างมันก็คงน้อยลง”

ตอนนั้นเพื่อนส่งข้อความมาหาเยอะไหม ?
“เยอะมาก อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง เพราะว่าบางทีมันจี๊ด ยิ่งคนมาโอ๋มันยิ่งร้องไห้ แบบไม่อยากร้องแล้ว”

แปลว่าร้องไห้มาเยอะ ?
“(ถอนหายใจ) เฮ่อ! จะบอกว่าไม่เยอะก็ไม่ได้ มันก็เป็นวันๆ เนอะ บางทีแบบวันนี้แฮปปี้จังเลย เหมือนไบโพลาร์ อีกวันหนึ่งคือร้องไห้อย่างบ้าคลั่งอยู่คนเดียว เตะน้ำ ตีน้ำ”
หลายคนเลือกที่จะไม่แยกแล้วอยู่ต่อเพราะลูก แต่เราคิดว่าในยุคสังคมที่เปลี่ยนไปแล้วลูกที่โตขึ้นก็ต้องทำความเข้าใจมากขึ้น อยากจะรู้ในมุมมองของลูกแต่ละคนจะมีผลกระทบไหม ?
“แน่นอนค่ะ สิ่งแรกที่คิดถึงคือลูก แล้วก็เราคุยกันมาโดยตลอด ลูกรู้ทุกอย่างตลอดเวลา เราเป็นเพื่อนกัน”

แล้วลูกดูแลคุณยังไงในโมเมนต์ที่เราพีกที่สุด ?
“ดูแลอย่างดีทุกคน น่ารักมาก ลูกกลายเป็นผู้ใหญ่ไปเลย ตอนที่เราไม่อยู่บ้านลูกก็ดูแลสัตว์เลี้ยงให้เราด้วย โดยเฉพาะ เจ้าขุน มันอยู่กับหมาจนหมาเสียหมาหมดเลย นิสัยเหมือนกัน (หัวเราะ) เพราะปิ่นเป็นคนดุมาก มีระเบียบวินัย มีกฎเกณฑ์ทุกอย่าง แต่พอเราออกจากบ้านไปขุนก็รับอาสาดูแลให้ ก็คือเอาหมามาบ้านคุณแม่บ้าง อยู่กับขุนบ้าง แต่เจออีกทีหมาเสียหมาหมดเลย (หัวเราะ) คำนี้ได้ใช้เลย ขุนก็บอกว่าก็นิสัยเหมือนขุนน่ะมัม เละตุ้มเป๊ะยังกับผ้าขี้ริ้ว”

ตอนที่ปิ่นจับเข่าคุยกับลูก คุยพร้อมกันทั้ง 3 คนเลยไหม หรือแยกกันคุย ?
“ก็มีบ้างค่ะ แยกกันบ้าง มันจะเป็นอะไรที่ค่อยๆ เกิดขึ้นเรื่อยๆ แล้วลูกก็เห็นมาทุกอย่างเลย แต่ก็เคยที่คุยว่าจะเป็นเพื่อนกันนะ ซึ่งเขาก็บอกเขายังไม่พร้อม ขอเข้ามหาวิทยาลัยก่อนได้ไหม จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้พูดกับเราโดยตรงนะ แต่เขาแอบพูดกับคนอื่น แล้วคนอื่นมาเล่าให้ฟัง บางคนก็พร้อม บางคนก็ยังไม่พร้อม”

รู้เหตุผลของลูกไหม ?
“ด้วยความรู้สึกที่เขาอยากตั้งใจเรียนก่อน เขาอยากทำงานแบบมีสมาธิ อยากเป็นผู้ใหญ่ก่อน เมื่อเขาพร้อมเขาจะบอก พอเขาบอกเราก็เลยโอเค”

แปลว่าคุณรอ ?
“รอๆ รอมาหลายปี”

ดังนั้นคือไม่ใช่เรื่องตื่นเต้น เรื่องฟ้าผ่า ช็อกโลก?
“คือไม่ใช่เรื่องตื่นเต้นเลย แต่ว่าเราเป็นคนไม่ชอบประกาศให้โลกรู้”

เป็นครอบครัวที่ให้ความบันเทิง ลูกทั้ง 3 คนก็โตมากับพี่น้องชาวไทย เราคิดว่าถ้าเขาโอเคไปต่อได้ก็หมดห่วง ?
“เจ้านาย เจ้าขุน เจ้าสมุทร ก็ไปได้ด้วยดีมากตอนนี้”

เจ้าสมุทร รู้ตัวหรือยังว่าเขาจะเป็นอะไร ?
“เขาก็ชอบทุกอย่างเหมือนพี่ แต่เหมือนหลายคนไปเตือนเขาว่าชอบจริงหรือเปล่า ใช่เหรอ จนเขาสับสน ไปๆ มาๆ เขาก็เลยไปสนใจทางด้านถ่ายรูปแล้วตอนนี้ก็อินมาก นั่งอยู่ได้เป็นวันๆ”

ตอนนี้เป็นห่วงคนไหนที่สุด ?
“ไม่ห่วงค่ะ คือห่วงไปตามวัย ตามแต่ละคน แต่ละเรื่อง ก็แสบกันคนละแบบ ด้วยความที่เราสนิทกันมาก เพราะฉะนั้นก็คุยกันทุกสเต็ปอยู่แล้ว”

เขาเล่าให้คุณแม่ฟังทุกอย่างไหม ?
“ทุกอย่างจนไม่อยากจะฟัง บางทีแบบฉันไม่ต้องจินตนาการเลย ก็เล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว ก็สนุกดี ก็มีทุกอารมณ์ ทุกรส แล้วก็จะมาปรึกษาว่าทำแบบนี้ดีไหม คนนี้เป็นยังไง เวลาไปหึงเขาแล้วเขาก็โกรธ เราหึงได้ไหม งอนได้ไหม หรือว่าไปขอโทษยังไงดี ง้อยังไง ก็คุยกันหมดทุกอย่าง”

ตอนนี้คุณตกลงว่าจะแบ่งกันยังไงในการดูแลลูก ?
“ก็สลับไปมา ก็ยังเป็นเพื่อนกัน เรื่องดีๆ จากเหตุการณ์นี้คือเราได้รู้ว่าใครรักเรา จริงใจกับเราเยอะมากขนาดนี้ พวกหวังดีประสงค์ร้ายก็มี ก็เลือกจะเหลือวงกลมให้มันเล็กลง ไม่ค่อยพูดอะไรกับใครเยอะ บางทีปากต่อปากแล้วความมันเปลี่ยน มันไม่สนุกเลย แล้วปิ่นรักลูกมาก ทุกอย่างที่ออกจากปากปิ่น ปิ่นแคร์ลูกที่สุด”

เคยมีแบบแม่ลูก 3 คนร้องไห้กอดกันพร้อมกันไหม ?
“มี ช่วงนั้นๆ”

คุณโชคดีที่มีตั้ง 3 สมุนในการดูแล ?
“ใช่ ขอบคุณพระเจ้าเลย แค่มี 3 คนนี้ชีวิตก็เต็มแล้ว เป็นรักที่ไม่มีเงื่อนไข เขาอยู่กับเราตลอด”

ชื่นชมในตัวคุณที่มีความเข้มแข็ง ที่ต้องอยู่กับความรู้สึกนั้น แล้ววันนี้ก็ได้ยกออกไปจากอกแล้วมันก็โล่ง ?
“โล่ง สบาย เจอหน้ากันก็ทักกันคุยกัน แรกๆ ก็อาจจะแปลกๆ นิดหนึ่ง เคอะเขิน แต่ตอนหลังก็ชินแล้ว”

ช่วงนี้ก็มีเวลาเยอะขึ้น ?
“ใช่ ก็ดูแลลูก ออกกำลัง ที่ขาดไม่ได้คือ 50 ปีแล้วค่ะ ก็ต้องดูแลความสวยความงาม”

ตอนนี้เป็นนางสาวแล้ว เริ่มมีความรู้สึกกับผู้ชายคนอื่นบ้างหรือยัง ?
“เรียนตามตรงเลยว่าไม่เอาเลย แล้วไม่มีใครมาจีบด้วย คือความที่เรามีแฟนมาคนเดียวเกือบ 30 ปี อยู่ๆ จะให้เรามีคนคุยมานิดๆหน่อยๆ ก็ขนลุก ปิ่นจ๋า ปิ่นตื่นยังจ๊ะ ปิ่นตื่นมาคุยกับพี่หน่อยสิ เราก็โอ้ย อะไรเนี่ย กูเคยเจอแต่ เฮ้ย! อะไรวะ (หัวเราะ) เราก็ไม่คุ้น

ก็มีทอมมีอะไรมาบ้างนิดๆ หน่อยๆ มันก็ไม่ใช่ คุยกับลูกแล้ว ลูกก็บอกว่าอยู่เฉยๆ เถอะมัม เพราะว่าตัวเองตามพวกผู้ชายเขาไม่ทันหรอก เดี๋ยวก็ร้องไห้ เดี๋ยวก็เศร้า เดี๋ยวก็โดนหลอกอีก ส่วนทอมก็ผู้หญิงเหมือนกัน จะใช่เหรอ แต่ถ้าเขามาดูแล มาขับรถ มาถือของให้ ก็โอเคนะ”

หลายๆ คนไม่ทราบว่า ปิ่น ค่อนข้างที่จะเปิดกว้างมากในแง่ของความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไรก็ตาม ?
“ได้ค่ะลูกเข้าใจ คือตลอดเวลาลูกๆ อยากให้อยู่เฉยๆ แต่เขาก็เหมือนสงสารแม่ กลัวแม่เหงา เพราะว่าไม่มีใครเลย ก็อยากให้แม่มีเพื่อนคุย ให้แม่กระชุ่มกระชวยบ้าง แต่สุดท้ายพอบอกมีคนนั้นคนนี้เข้ามา วันก่อนเจ้านายบอกว่า เอาจริงๆ นะถ้าแม่มีแฟน เจ้านายกัดลิ้นตายดีกว่า (หัวเราะ) แล้วจะมาอนุญาตฉันทำไม อยู่เฉยๆ ฉันก็มีความสุขดี ขุนก็บอกขุนคงต่อยเขา สมุทรก็บอกไม่โอเค เรา 3 คนคงต่อยเขาตายหมด แล้วใครจะกล้าเข้ามาเนี้ย! พูดขนาดนี้ แต่เอาจริงๆ เราก็มีความสุขแล้ว อยู่กับลูกที่น่ารักทั้ง 3 คน แล้วเพื่อนๆ ก็น่ารัก ครอบครัวปิ่นก็อบอุ่นมาก”

















กำลังโหลดความคิดเห็น