ในปีที่ผ่านมา T-POP มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและโด่งดังไปสู่ระดับสากล หนึ่งในนั้นคือลาตินอเมริกา กลุ่มประเทศที่ถูกยกให้เป็นตลาดเพลงที่ใหญ่อันดับต้น ๆ และเป็นหนึ่งในประเทศที่ศิลปินไทยอีกหลายคนอยากจะมีโอกาสได้ไปร่วมแสดงบนเวทีคอนเสิร์ตสักครั้ง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีสำหรับคนในวงการดนตรีว่าการที่จะพาเพลงไทย รวมถึงศิลปินไทยไปยังตลาดเพลงโลกนั้น ต้องประกอบไปด้วยการดำเนินการในหลายส่วน และเป็นการดำเนินการที่ค่อนข้างละเอียดและซับซ้อน ที่นอกจากจะเป็นเรื่องความสามารถของศิลปินเองแล้วนั้น ต้องอาศัยจังหวะโอกาสอีกด้วย สำหรับประเทศไทยยังมี promoter อีกหลายท่านที่พยายามพาเพลงไทยไปสู่ตลาดสากล หนึ่งในนั้นคือ คุณ โอ๊ต สิทธิพร ห่วงแก้วพราย Music Business Development ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของการนำศิลปินไทยและเพลงไทยไปสู่ตลาดสากลได้ในหลายประเทศและนับว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่คนของประเทศไทยที่สามารถพาศิลปินไทยไปจัดคอนเสิร์ตที่ลาตินอเมริกาได้
เนื่องด้วยปี 2566 ศิลปินวง 4MIX ซึ่งเป็นวงT-POP ที่มีท่าเต้นเป็นเอกลักษณ์และมีความแตกต่างจาก T-POP ทั่วไป ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา ได้มีโอกาสไปจัดแสดงคอนเสิร์ตของตัวเองที่ประเทศเม็กซิโก โดยได้รับการสนับสนุนจากทางสถานทูตไทยในประเทศเม็กซิโกทำให้ 4MIX มีโอกาสได้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นในประเทศเม็กซิโก จนเกิดกระแสไปยังกลุ่มประเทศลาตินอเมริการวมไปถึงประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย จากกระแสที่เกิดขึ้นในประเทศเม็กซิโก ทำให้ในปีเดียวกันนั้น 4MIX ได้มีโอกาสไปแสดงคอร์นเสิร์ตอีกครั้งที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ณ กรุงวิชิงตัน ดี.ซี. โดยได้รับการสนับสนุนจากสถานทูตไทย ณ ณ กรุงวิชิงตันดี.ซี.อีกด้วย และเมื่อต้นปี 2567 คุณ โอ๊ต ได้มีโอกาสพาศิลปินไทย ไปแสดงที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ณ กรุงวิชิงตัน ดี.ซี. อีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้เป้าหมายคือ ต้องการเผยแพร่ Culture Thai Modern สู่สายตาโลก ที่นำเสนอการผสมผสานพิณไทย กับแนวดนตรี EDM ที่นำเสนอโดย เอ้ BOTCASH DJและProducer มากความสามารถทีมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ปลายในปี 2567 นี้ คุณ โอ๊ต ยังมุ่งหน้าที่จะผลักดันศิลปินไทยไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเขากำลังเตรียมการกับโปรเจคใหญ่อีกครั้งกับการพา 4MIX ไปบุกตลาดประเทศลาตินอเมริกา โดยครั้งนี้เป็นการไปในทัวร์คอนเสิร์ตและเฟสติวัลถึง 3 ประเทศด้วยกัน ได้แก่ Brazil, Mexico และ Chile ซึ่งทั้ง 3 ประเทศ เป็นการไปโชว์คอนเสิร์ตของ 4MIX อย่างเต็มตัว จากการร่วมงานของผู้จัดงานระดับต้นของทั้ง 3 ประเทศ ที่เล็งเห็นความสามารถและกระแสของ 4MIX เป็นอย่างมาก
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ กับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของโอ๊ต สิทธิพร ห่วงแก้วพราย ที่ยังคงมองหาช่องทางในอีกหลายประเทศต่อจากนี้ เพื่อจะนำศิลปินไทยและเพลงไทยไปสู่ตลาดเพลงสากลในแบบฉบับของตนเองได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงขยายฐานในด้านธุรกิจของอุตสาหกรรมดนตรีเพื่อหวังดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศมาสู่ประเทศไทยโดยสิ่งที่มุ่งหวังยิ่งกว่าชื่อเสียงของศิลปิน การยกระดับของอุตสาหกรรมดนตรีและการเผยแพร่ศักยภาพของคนทำงานในอุตสาหกรรมดนตรีของไทย ก็เป็นเป้าหมายสำคัญของคุณ โอ๊ต เช่นกัน
โอ๊ต สิทธิพร ห่วงแก้วพราย กล่าวว่า “ผมอยากเอาดนตรี ศิลปะ วัฒนธรรมไทย ผสมผสานและสร้างรูปแบบของตัวเอง ไปสู่สากลครับ เช่น 4MIX ที่มีความโดดเด่นเรื่องการโชว์ที่มีเอกลักษณ์ แล้วตัวแบรนด์ของวงยังพูดถึงความเท่าเทียมของคนในโลกใบนี้ด้วยครับ และน้องเอ้ BOTCASH ศิลปิน DJและProducer ซึ่งเป็นคนไทยคนแรกที่เอาพิณไทยมาผสมกับดนตรีแนว EDM ให้เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างชัดเจนคนต่างชาติเวลามอง K-POP / J-POP เค้าเข้าใจ แต่ T-POP ยังไม่ค่อยเป็นรู้จักมากนัก แต่ก็ดีขึ้นเรื่อย ตามลำดับ เลยอยากให้ต่างชาติได้ลองฟังภาษาไทย และความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยในอุตสาหกรรมนี้ รวมไปถึงเครื่องดนตรีไทย และจังหวะดนตรีไทยร่วมสมัยในรูปแบบใหม่ ๆ ผมจึงขอเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่พาศิลปินไทย ไปให้เขาได้รู้จักมากขึ้น ในมิติที่หลากหลายครับ”
“โปรเจคลาตินอเมริกานี้ส่งเสริมภาพลักษณ์ของศิลปินไทยรวมถึงคนทำงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง พร้อมยังส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทย ให้คนทั่วโลกได้รู้จักมากขึ้นครับ การทำงานแต่ละครั้งที่พาศิลปินไทยไปต่างประเทศ ก็มักจะเจอปัญหาเยอะเลยครับ เราต้องศึกษาตลาดและวัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ เพื่อให้การจัดงานหรือคอนเสิร์ตลงตัวมากที่สุด แพลนที่ผมวาง ในปีก่อนๆ ที่ผ่านมา ผมจะเริ่มด้วยการไปกับสถานทูตก่อนในแต่ละประเทศ แล้วก็ค่อยๆ ขยับไปพูดคุย กับบริษัทพาร์ทเนอร์ต่างๆ เพราะการมีสถานทูตไทยช่วยดูแลเราที่นั่นและเป็นที่ปรึกษาก็ทำให้เราทำงานง่ายขึ้น และยังปลอดภัยด้วยครับ”
“การต้อนรับจากแฟนคลับต่างชาติที่ผ่านมา ดีมากๆเพราะว่าตอนผมไปยืนตรงนั้นคือภูมิใจมากๆ มันเป็นการลงทุนกับความเชื่อของผม ของทีม รวมถึงศิลปิน ที่เชื่อแบบสุดตัวว่าถ้าไปถึงตรงนั้น ด้วยวิธีในแบบที่ผมคิดไว้ ซึ่งผมมีภาพในหัวว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง หรือถ้าไม่เป็นแบบที่ผมคิดไว้ ผมจะต้องแก้ปัญหากับมันยังไง
จนสุดท้ายพอผมได้เห็นแฟนคลับของศิลปินมารออย่างล้นหลาม มันคือที่สุดจริง ๆครับ และมันทำให้ผมคิดต่อยอดอะไรได้อีกเยอะเลยครับ ซึ่งโปรเจคต่อไปผมจะมองเป็นภาพใหญ่ มองกว้าง ๆไปก่อนและพยามยามเดินไปตาม Roadmap ที่ผมวางไว้ แต่ผมก็จะมีแผนสำรองที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ เพราะทุกวันนี้อะไร ๆมันเปลี่ยนไปไวมาก แต่รับรองว่าในปี 2567 และในปีต่อไป เราจะได้เห็นศิลปิน T-POP ได้มีโอกาสไปโลดแล่นในตลาดประเทศลาตินอเมริกาอย่างแน่นอนครับ เพราะจุดคาดหวังของผมกับการทำโปรเจคลาตินอเมริกาและต่างประเทศ คือ อยากได้ทั่วโลกได้ฟังเพลงไทยและร้องภาษาไทยตามได้บ้าง มากไปกว่านั้นความสามารถของคนไทยในอุตสาหกรรมดนตรีที่เก่งไม่แพ้ระดับโลก คือสิ่งที่ผมอยากให้ต่างชาติได้เห็นรวมถึงพิณไทย ที่อยากให้เป็นเครื่องดนตรีที่อยากให้ต่างชาติได้รู้จักบ้าง”
สุดท้าย ถ้ามีโอกาสจากทางภาครัฐ สิ่งที่ผมอยากทำเพิ่มเติม ก็คือการส่งทีมไปวิจัยเกี่ยวกับอุตสาหกรรมดนตรีของในแต่ละประเทศที่เราอยากพาศิลปินไทยไปทำตลาดครับ เพื่อที่เราจะได้มีข้อมูลเชิงลึกเพื่อนำมาช่วยให้ทีมทำงาน ไปยังเป้าหมายได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้นครับ