เรียกว่าเป็นคู่ขวัญ หรือจะใช้คำว่าเป็นคู่จิ้นตามสมัยนิยมก็ว่าได้สำหรับ “เมฆ วินัย ไกรบุตร” และ “ทราย เจริญปุระ” ซึ่งในวันนี้ (23 มี.ค.67) ทราย ได้เดินทางไปกราบลาพี่ชายคนสนิทเป็นครั้งสุดท้าย ทรายได้เปิดใจทั้งน้ำตา ถึงการสูญเสียเพื่อนร่วมงานที่สนิทที่สุดอีกคนหนึ่งว่า…
“ใจหาย เราเห็นเขาป่วย เราเจอเขาตอนเขาป่วยด้วย เราก็เห็นเขาดีขึ้น ทรงๆ ทรุดๆ แต่เขาเป็นคนสู้ ใจเขาสู้ตลอด เราได้เห็นตอนที่ไปถ่ายหนังเรื่องแดงพระโขนงด้วยกัน ช่วงนั้นดีขึ้นมาก มีแพลนจะไปวิ่งโน่นนี่นั่น เราก็บอกว่าพี่เมฆใจเย็นๆ แต่เขาก็บอกว่าเขาไหว ซึ่งทรายก็รู้สึกว่าสำหรับคนป่วยกำลังใจสำคัญสุดและเขาก็กำลังใจดีมาก หลังจากนั้นเขาก็มีตามข่าวเขาบ้าง ไม่มีคิดในหัวเลยค่ะว่าแกจะไม่โอเค
ที่ทราบข่าวเราอยู่กอง ก็ไม่ได้จับโทรศัพท์ มาดูอีกทีตอนสายๆ เห็นคนโทร.มาเต็มเลย ก็ตกใจ เกิดอะไร ก็เลยเปิดแชตดู ทุกคนส่งข่าวว่าพี่เมฆเสียแล้วนะ เราก็แบบ เมฆ วินัย เหรอ จริงเหรอ คือใจมันวูบ เราทำงานมา 30 ปี เขาเป็นคนที่ทรายเล่นด้วยบ่อยที่สุดแล้ว และส่วนใหญ่ที่เล่นคู่กันก็จะเป็นงานที่คนจำได้ แล้วเราชินกับการ…คือถ้าเล่นกับพี่เมฆ วิธีการเล่น จังหวะเล่น มันคุ้น มันจำกันได้ มันก็รู้สึกแปลกๆ มันจริงเหรอ”
ส่งกำลังใจให้ “เอ๋” ภรรยา ลูกๆ และครอบครัว
“ช่วงที่ถ่ายแดงพระโขนงก็ได้เจอพี่เอ๋ ก็อัปเดตกันเรื่อยๆ ก็คุยกันว่าพี่เมฆกำลังใจดีมากเลยนะ แกรักลูก แกสู้ เก่งมาก ก็บอกพี่เอ๋ว่าเขาเก่ง เก่งมากๆ จริงๆ เพราะดูแลลูกด้วย พี่เมฆด้วยที่ต้องช่วยกันดูแล นาทีนี้ไม่มีใครจะปลอบให้กันได้ดีที่สุดจริงๆ แต่ก็อยากจะส่งกำลังใจให้มากๆ ให้กับแม่พี่เมฆ
นอกจากพี่เอ๋ ก็มีคุณแม่พี่เมฆที่อยากส่งกำลังใจให้ แต่ก็บอกว่ายังมีหลาน หลานน่ารักมาก คนเล็กเหมือนพี่เมฆมาก เคยเจอเขาตอนเล็ก หน้ายังไม่ค่อยออก พอเจอ นี่มันพี่เมฆจิ๋ว”
เล่าความประทับใจที่มีต่อ “เมฆ วินัย” จริงใจ เต็มที่กับทุกงาน ดูแลทุกคนรอบข้าง รักครอบครัว
“แกน่ารักกับเราเสมอ เวลาทรายไปกอง แม่ทรายจะไปด้วย เขาไม่ได้ดูแลแค่เรา แต่ดูแลแม่ด้วย เอาอะไรไหม เมฆหยิบให้นั่นนี่โน้น แกเป็นคนมีน้ำใจ อะไรก็ได้จริงๆ ง่ายๆ สู้ทุกอย่าง ถ้าซีนไหนเล่นกัน 2 คน และซีนน้องยากกว่า ถ่ายน้องก่อน จะได้ไม่เหนื่อย ทั้งๆ ที่เขาก็เหนื่อย ไม่มีใครเหนื่อยกว่าใคร ทำงานก็ทำด้วยกัน ไปด้วยกัน
แต่ก่อนเวลาถ่ายละครเสร็จ ถ้าเสร็จไวเขาก็จะขับรถกลับมาหาพี่เอ๋ ไม่ก็ตีแบด หรือไม่ก็ไปวิ่ง เขาเป็นคนแอ็กทีฟที่สุดเท่าที่ทรายเห็น ทรายดูเป็นคนขี้เกียจไปเลยเมื่อเทียบกับพี่เมฆ ที่เลิกกองแล้วอยากกลับไปนอน แต่พี่เมฆไม่ค้าง จะขับกลับมาบ้าน เขาเป็นคนน่ารัก และเต็มที่กับงาน ให้แต่งหน้าเอฟเฟกต์ บุกน้ำลุยไฟเขาไปได้หมด”
ร้องไห้บอก “เมฆ วินัย” คนรักพี่เยอะจริงๆ ทุกคนจะช่วยกันดูแลครอบครัวพี่
“วันนี้ก็มาบอกพี่เมฆหนูคิดถึงพี่นะ คือเวลาเห็นแกเป็นเยอะๆ ช่วงที่อาการมันกำเริบ ก็รู้สึกว่า อย่างน้อยพี่ก็ไม่เจ็บแล้วนะ พี่ไม่ต้องเจ็บแล้ว ที่งานพี่เอ๋มีคนมาช่วยดูกันเยอะเลย มาช่วยกันดูแลพี่เอ๋ ดูแลหลาน ดูแลคุณแม่ ถึงว่าลูกยังเล็กๆ แต่เพื่อนๆ น้องๆ พี่ๆ ก็ยังอยู่นะ ทรายรู้ว่าแกกังวล คนมีลูกเล็กมันก็คงจะกังวลเรื่องแบบนี้ แต่อย่างน้อยพี่ก็ไม่เจ็บแล้ว มีคนรักพี่เยอะมากๆๆๆๆ จริงๆ (ร้องไห้) วันที่แกเสียทรายเขียนถึงแกในเฟซบุ๊ก คนแชร์เยอะมากๆ หนังมัน20 กว่าปีแล้วคนยังจำพี่ได้อยู่เลยนะ เขารักพี่กันจริงๆ คือพี่เมฆเขาจะเป็นคนกังวลเรื่องคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ ก็เลยไม่อยากให้เขาห่วงตรงนั้น
(ผลงาน “นางนาก” ที่เล่นคู่กันเป็นภาพจำไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย คนก็ยังจดจำภาพของเราคู่กับเมฆ?) เราแปลกใจมากนะ จากวันนั้นจนถึงวันนี้มันก็มีหนัง มีละครหลายเวอร์ชั่น ตัวทรายเองกับพี่เมฆยังได้เล่นในเวอร์ชั่นอื่นเลย แต่หลายคนก็ไม่ลืม วันที่เขียนถึงพี่เมฆ เขาก็มาเล่าในพาร์ตที่เขาเคยดูตอนเด็กๆ น่ากลัวมาก ก็บอกพี่อยู่ในใจคนเยอะมากนะ ในชีวิตของการเป็นนักแสดงอะไรพวกนี้มันมีค่าที่สุดแล้วสำหรับคนที่จากไป คนได้นึกถึงเขาในบทบาทการแสดง มันเป็นบทบาทที่เขาตั้งใจมากๆ เขาสมควรที่จะได้รับความรักและการระลึกถึงแบบนั้นจริงๆ”
ถามเรื่องที่ “หมอปลาย พรายกระซิบ” เคยออกมาบอกให้ “เมฆ วินัย” ไปขอขมา “นางนาก” เพราะจิตวิญญาณแม่นากผูกพันกับเมฆ ที่รับบทเป็นพี่มาก โดยทราบตอบเรื่องนี้ว่า…
“ย้อนไปตอนที่ถ่ายทำก็ไหว้กันเยอะ ถ้าเอาตามตำนานในเรื่องที่ทำทรายจะต้องไปก่อน ถ้าเอาตามเรื่องคนที่ต้องลา คนที่เรียกว่าหมดบุญกันไปในเรื่องก็คือตัวของแม่นาก ทรายว่ามันเป็นจังหวะชีวิตแหละ ความที่ทั้งทรายและพี่เมฆเล่นบทพีเรียด เล่นเป็นคนโบราณเยอะ ชาวบ้านบางระจันก็เล่น เราคิดว่าเราให้ความนับถือ ก่อนจะทำงานเราก็ไหว้ ระลึกถึง แต่ก็ไม่ขนาดที่ว่าเราจะไม่กล้าทำงาน จนไม่สามารถทำงานได้
ตอนนี้ทรายว่ามองให้สบายใจดีกว่า ยังไงเจ้าตัวก็ไม่อยู่แล้ว พี่เอ๋ หลานๆ คุณแม่ยังอยู่ ทรายว่าถ้าอันนี้มันทำให้คนอยู่ไม่สบายใจ เหมือนเราไปพลาดอะไร พลาดตรงไหน ทรายไม่อยากให้ไปมองมุมนั้น เพราะคนที่ยังอยู่จะคิด แล้วซึ่งมันก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว อีกส่วนหนึ่งมันเป็นเรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ มันเป็นโรคหายากก็ตาม มันมีโอกาสเกิดขึ้น โชคร้ายที่มันเป็นพี่เราเท่านั้น เอาเป็นเรื่องๆ ไปตรงนี้ดีกว่า”