“หนุ่ม คงกระพัน” ยังคงจะจัดคอนเสิร์ตต่อ เพื่อนำรายได้ส่งต่อให้ครอบครัว “เมฆ วินัย” เผยรู้สึกไม่ดีตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลครั้งล่าสุด ครั้งนี้ดูหนัก แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาจากไปเร็วแบบนี้ บอกถึงเมฆจะดูเป็นคนเข้มแข็ง แต่จริงๆ ใจอ่อน และเซนซิทีฟมาก สิ่งที่เป็นห่วงที่สุดก็คือครอบครัว ชม “เอ๋” เข้มแข็ง เป็นหัวหน้าครอบครัวได้ดี
ถือเป็นเพื่อนสนิทที่ดูแลกันมาตลอด โดยเฉพาะช่วงสุดท้ายในชีวิตของ “เมฆ วินัย ไกรบุตร”สำหรับ “หนุ่ม คงกระพัน แสงสุริยะ”ที่ได้มาร่วมส่งเพื่อนเป็นครั้งสุดท้ายที่วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต โดยได้เปิดใจว่าไม่คิดว่าจะจากไปเร็วแบบนี้ แต่ก็แอบกังวลเหมือนกันกับการเข้าโรงพยาบาลครั้งล่าสุด เพราะดูอาการค่อนข้างหนัก
“ก็ทราบข่าวตั้งแต่เมื่อคืนครับ จริงๆ ก่อนเสียชีวิตก็ได้คุยกับน้องเอ๋ภรรยาพี่เมฆนะครับ คุยกันมาเป็นสัปดาห์แล้ว ก็กังวลมากเหมือนกัน เพราะรอบล่าสุดที่เข้าโรงพยาบาลอาการก็ค่อนข้างหนัก แต่เราก็ไม่คิดว่าจะไปเร็วขนาดนี้ ก็คิดว่าคงเหมือนกับทุกครั้งที่เข้าโรงพยาบาลด้วยอาการโน้นอาการนี้ แต่รอบนี้ค่อนข้างหนัก เพราะว่าคุยกับเอ๋ตลอดว่าพี่เมฆเป็นยังไงบ้าง เขาบอกว่าไม่รู้สึกตัวเลย ความดันตกเยอะ อยู่ห้องไอซียู
ทีนี้เมื่อคืนผมก็อยู่ จ.ร้อยเอ็ด เตรียมตัวที่จะกลับกรุงเทพฯ ไปทำงาน ก็รู้สึกไม่ค่อยดี นอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืนวาน จนมาเมื่อวานก็บอกแฟนให้โทร.หาเอ๋หน่อย เพราะว่าไม่กล้าโทร.ไปหาเขาเยอะ เพราะอยู่โรงพยาบาลเราก็รู้ว่าเขาคงยุ่ง พอโทร.ไปถามว่าเป็นยังไงบ้าง เขาบอกว่าอยู่ห้องไอซียู ไม่ดีเลย ความดันลดลง ก็กังวล เขาบอกว่าจะอยู่เฝ้าถึงเที่ยงคืน
พอเที่ยงคืนกว่าๆ ผมก็พยายามขึ้นไปนอนนะ แต่ก็นอนไม่หลับ จากนั้นเอ๋ก็โทรศัพท์มา ก็รู้แล้วว่าต้องเป็นอะไรที่ไม่ดีแน่ ไม่ได้อยากฟังนะ แต่ก็ต้องฟัง เขาบอกว่าพี่เมฆไปแล้ว ก็บอกว่าจะทำยังไง ให้พี่ช่วยอะไรไหมก็ถามเขาว่าพิธีศพจะทำในรูปแบบไหน เอ๋ก็บอกว่าอยากทำแบบคนพุทธ เพราะว่าเคยคุยกับพี่เมฆ พี่เมฆบอกว่าแล้วแต่เอ๋เลย เอ๋ก็มองว่าถ้าทำแบบคนพุทธ คนที่เป็นแฟนคลับหรือคนที่รักพี่เมฆจะได้มีโอกาสมาร่วมงานได้เยอะ ก็เลยเลือกแบบนี้ ครอบครัวก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร”
ยอมรับก่อนหน้านี้กังวลเรื่องวันงานคอนเสิร์ต กลัวจะไม่ไหว
“ก็รู้สึกไม่ค่อยดี จริงๆ ก่อนหน้านี้พอหายมา พี่เมฆก็จะขึ้นๆ ลงๆ อยู่แล้ว เป็นปีๆ มาแล้ว เดี๋ยวดี เดี๋ยวไม่ดี เราก็พยายามช่วยทุกวิถีทาง จนตอนหลังก็เหมือนดีขึ้นมานะ โรคที่เป็นอยู่ก็ดี ตุ่มก็ไม่ขึ้น แต่แป๊บนึงก็เข้าโรงพยาบาลผมก็ถามว่าเป็นอะไร เขาก็บอกว่าเกล็ดเลือดไม่ดี ก็เติมเลือดเข้าไป แต่ก็ยังไม่ดี พอเที่ยวนี้ก็เลยกังวลนิดนึง ช่วงก่อนหน้านี้ เราก็จะทำคอนเสิร์ตให้วันที่ 26 มี.ค. ก็คิดอยู่ว่าไม่รู้จะไหวผ่านคอนเสิร์ตหรือเปล่า อันนี้ผมคิดอยู่คนเดียวนะ แต่ไม่ได้คุยกับทีมที่ช่วยจัดคอนเสิร์ต กลัวเขากังวล
ได้คุยกับพี่เมฆล่าสุดก็หลายสัปดาห์มาแล้ว คือผมไม่ได้คุยกับเขาโดยตรง ปกติจะคุยผ่านเอ๋ ก็คุยเหมือนอยู่ข้างๆ นี่แหละ ผ่านเสียงมาโน่นนี่นั่น พี่เมฆเขาเป็นคนเข้มแข็ง ถึงเขาจะไม่ไหวแค่ไหนเขาก็จะไม่พูดหรอก บอกว่ามึงไม่ต้องมาเยี่ยมหรอก บอกไอ้หนุ่มมันไม่ต้องมาประมาณนี้ เราก็จะรู้กันว่าเป็นห่วงนะ แต่ไม่ได้พูดคุยกันทุกวันสมัยที่เขายังดีกว่านี้เขายังเล่นไลน์ เราก็จะมีไลน์กรุ๊ปเพื่อน เราก็จะเห็นเขาส่งโน่นส่งนี่ แต่พอหลังๆ เขาป่วยมากๆ ก็ไม่เห็นแล้ว ก็จะถามผ่านเอ๋ว่าเป็นยังไงบ้าง เอ๋ก็จะคอยบอกอาการ ก็ไม่ได้นึกว่าจะไปเร็ว คิดว่าคงหนักแหละ เหนื่อย แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขั้นเสียชีวิต”
เผย “เมฆ” อาจเป็นคนที่ดูเข้มแข็ง พูดจาโผงผาง แต่จริงๆ เป็นคนใจดี ใจอ่อน เซนซิทีฟมาก
“จริงๆ พี่เมฆเป็นคนเหมือนจะดูโผงผาง พูดจาตรงไปตรงมา แต่ลึกๆ เขาเป็นคนที่เหมือนแข็งนอกอ่อนใน เป็นคนที่เซนซิทีฟมาก เหมือนเป็นนักรบบางระจันเข้มแข็งนะ แต่จริงๆ เขามีความอ่อนไหว และใจดี เป็นคนปากร้ายใจดี ภายนอกนะ แต่ถ้าเป็นเพื่อนที่สนิทกันจะรู้ บางทีเขาพูดไปก็ไม่ได้อะไรหรอก พูดไปด้วยอารมณ์ ณ ขณะนั้น แต่จริงๆ ลึกๆ แล้วเขาเป็นคนจิตใจดีและเป็นคนอ่อนไหว ขี้น้อยใจ คนสนิทจะรู้ ถ้าคนที่ไม่ค่อยสนิทจะมองไม่ค่อยออก นึกว่าเขาเป็นคนเข้มแข็งมาก
จริงๆ เขากังวลมากนะ ผมรู้ เพราะว่าตั้งแต่ป่วยเขาก็กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องลูก เพราะเขาเป็นเสาหลักของครอบครัว สิ่งที่เป็นห่วงก็คงเรื่องนี้แหละ แต่นี่ก็คงสู้ไม่ไหวจริงๆ เพราะเขาเป็นคนสู้มาก เจ็บป่วยเยอะๆ ขนาดนี้ 5 ปีที่ผ่านมาสภาพจิตใจเขาแย่ นอกจากป่วยทางร่างกายแล้ว ใจก็คงแย่ไปด้วย หงุดหงิดไปหมด เพราะมันเจ็บปวดไปหมด แสบผิว อะไรก็ไม่ได้อย่างใจ คือคนเป็นนักกีฬา เป็นคนขยับเขยื้อนตลอดเวลา ออกกำลังกายตลอดเวลา กลายเป็นคนที่เหมือนทำอะไรไม่ได้ ผมว่าเขาเครียดมากด้วย”
บอกเรื่องการไปขอขมากรรม ก็เชื่อว่าคงหมดกรรมแล้วจริงๆ
“จริงๆ เรื่องของการขอขมากรรมก็เป็นสิ่งที่เราก็พยายามหาวิธี อย่างที่บอกว่าเราไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นยังไง แต่มันก็ไม่เสียหายอะไร เราก็ทำในสิ่งที่ดีๆ ทำบุญ ไหว้พระ ขอพร ส่วนนึงของการที่ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง เรื่องของการหมดกรรมก็มีเหตุการณ์นี้อยู่ด้วย คือบางคนที่เขาหมดกรรมบางทีเขาก็หาย บางทีเขาก็ไปเลย ถามว่าผมเชื่อแบบนั้นไหม เราก็ไม่รู้หรอก เรื่องนี้เราก็ไม่มีความรู้พอที่จะตอบได้ แต่ก็เป็นวิถีทางที่เราก็ทำให้เขาดีที่สุด ตอนที่พี่เมฆป่วยหนักๆ ผมก็โทรหาอาจารย์ไพศาล แกบอกต้องไปปล่อยปลา ทำบุญเพิ่ม ให้ญาติพี่น้องไปก็ได้ ช่วยเขา เขาอาจจะหมดกรรมจริงๆ คือถ้าเป็นคนที่เชื่อเรื่องนี้ มันก็จะมีกรรมหลายภพชาตินะ มันก็มีส่วนที่เขาอาจจะหมดกรรม และไปสบาย ไปในที่ใหม่ ไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป พวกเราที่เหลือก็จะทำบุญเยอะๆ ให้เขา
ก็บอกเขาว่าไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลอะไรนะ พี่เมฆทำดีที่สุดแล้ว ผมรู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่ชอบดรามาให้คนมานั่งเศร้าเสียใจอะไรกับเขาเยอะๆ เราก็พยายามตั้งสติ ไม่ฟูมฟาย และพยายามไม่พูดอะไรให้ทุกคนรู้สึกเสียใจและแย่มากขึ้น เพราะทุกคนก็เสียใจมากแล้ว ก็พยายามตั้งสติและใช้ชีวิต ทำหน้าที่ของเราต่อให้ดีที่สุด คือจริงๆ ในเรื่องนี้เราก็มีความคิดอยู่บ้างแล้ว ตั้งแต่เขาป่วยมาก็มีความคิดอยู่ลึกๆ ว่าจะไหวหรือเปล่านะ ไม่ใช่ว่าทำใจไม่ได้นะ มันไม่ได้กะทันหัน ก็เผื่อใจไว้ตลอด เพราะเขาก็ป่วยรุนแรง”
เผยคอนเสิร์ตวันที่ 26 มีนาคมนี้จะยังดำเนินต่อไป
“26 มีนานี้ ตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงตีหนึ่ง ที่โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง เลียบทางด่วนฯ เรามีคอนเสิร์ตที่จะทำให้พี่เมฆตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เริ่มมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว มีความตั้งใจว่าจะทำคอนเสิร์ตเพื่อหารายได้ช่วยเหลือทางครอบครัวพี่เมฆและตัวเขา แต่เขามาเสียชีวิตก่อน ทีมงานก็คุยกันว่าคอนเสิร์ตจะยังคงมีต่อไป เพราะถึงพี่เมฆไม่อยู่แต่ครอบครัวก็ยังอยู่ เชื่อว่ารายได้ทั้งหมดที่จะไม่หักค่าใช้จ่ายเลย ก็จะช่วยครอบครัวพี่เมฆได้เยอะ และเชื่อว่าแฟนๆ รวมถึงคนที่รักพี่เมฆรอคอนเสิร์ตนี้ รอที่จะมาช่วย ทีมงานก็จะเดินหน้าต่อ
มีศิลปินอีกกว่า 40 ชีวิต พอบอกข่าวไปก็บอกว่าจะมาช่วย ก็จะทำให้ดีที่สุด ขอบคุณสถานที่ที่ให้ใช้ฟรีและช่วยดูแลเรื่องตั๋ว ทีแรกชื่อคอนเสิร์ตว่า ‘เพื่อนมีไว้ทำไม’ แต่ตอนนี้จะเป็นคอนเสิร์ตเพื่อรำลึกแล้ว แต่ก็จะไม่ทำไปในทางดรามาหรือเศร้าโศกมาก เพราะเท่าที่รู้จักพี่เมฆไม่ใช่คนที่จะมานั่งเสียใจอำลาอาลัยเขาขนาดนั้น มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เราทุกคนก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด วันนี้ก็มาเพื่อรำลึกถึงเขา คอนเสิร์ตก็ยังคงจะสร้างรอยยิ้ม ความสุขให้ทุกคน”
ชม “เอ๋” ภรรยา “เมฆ” ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี
“เมื่อกี้เดินเข้าไปเจอลูกๆ เขา เราก็สะเทือนใจที่สุด เพราะเราก็มีลูก ผมก็บอกภรรยาเขาว่าให้เข้มแข็ง บอกว่าเราก็ต้องทำหน้าที่ต่อไป ต่อไปเขาจะต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว จริงๆ เขาก็ซ้อมเป็นหัวหน้าครอบครัวมา 5 ปีแล้ว ตลอดเวลาที่พี่เมฆป่วยเขาก็ดูแลทุกอย่าง เป็นคนที่คล่อง เก่งมาก เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง ผมชื่นชมและให้กำลังใจเขาทุกคนก็คงรู้ว่าเขาทำหน้าที่ภรรยาได้สมบูรณ์แบบ ดูแลคนป่วยไม่ใช่เรื่องง่าย ผมก็พยายามช่วยให้ได้มากที่สุด เจออะไรดีๆ ก็มาบอกเขาเผื่อทำเป็นธุรกิจได้ จะได้มีรายได้ดูแลลูกและครอบครัวต่อไป รวมถึงอาจจะมีหนี้สินจากการดูแลรักษาพี่เมฆตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ถ้าถามว่าเท่าไหร่ เอาจริงๆ ผมไม่ทราบ ผมไม่เคยถามเขาว่ากี่บาท แต่รู้ว่ามีเยอะ แน่นอนว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เวลาไปโรงพยาบาลก็มีค่าใช้จ่าย มีลูก 3 คน ค่าใช้จ่ายเยอะ คนที่มีครอบครัวมีลูกจะเข้าใจเป็นอย่างดี แต่ถ้าคนติดตามในโซเชียลจะเห็นว่าพี่เมฆพูดบ่อย ก็เยอะ หลักล้าน เราก็ช่วยกัน ซึ่งไม่ได้จะมาเรี่ยไร เราทำตามกำลังที่เราทำได้ หมายถึงแฟนคลับหรือเอฟซีก็ทำตามกำลังครับ ใครว่างก็มาช่วยกัน ต้องขอบคุณศิลปินบางท่านที่ได้ข่าววันนี้ก็โทร.มาถามว่าจะจัดอยู่หรือเปล่า พี่เมฆเสียแล้ว บอกเราบอกว่ายังจัด เขาก็บอกว่าดีเลย ต้องจัด
ผมอยากบอกพี่เมฆว่า ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร ทุกคนที่อยู่ข้างหลังเข้มแข็ง ภรรยาและลูกๆ เขาก็เข้มแข็งมาก ภรรยาก็จะดูแลครอบครัวให้ดีที่สุดแทนพี่เมฆ พี่เมฆทำดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรทั้งสิ้นเลย”
