กาย ริตชี่ นับเป็นคนทำหนังที่มีสไตล์โดดเด่นและมีลายเซ็นอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ได้รับความนิยมจากคนดูหนังจำนวนไม่น้อย
หนังยุคแจ้งเกิดของเขา ทั้งเรื่อง Lock, Stock and Two Smoking Barrels และ Snatch ถูกปักหมุดว่าเป็นสุดยอดผลงานของเขา และเป็น ‘ทาง’ ที่เขาถนัดและเอาอยู่มือแม้จะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่คนดูหนังหน้าใหม่ ๆ ก็พร้อมจะรักหนังสองเรื่องนี้อยู่เสมอ
ความตลกร้าย แบบตลกสถานการณ์ คือสิ่งที่เป็นภาพจำ เมื่อนึกถึงหนังของผู้กำกับคนนี้ ด้วยเรื่องแต่งที่มักจะผลักตัวละครให้ต้องเจอกับสิ่งที่ไม่คิดฝันว่าจะได้เจอ ไม่อยากจะเจอ หรือเรื่องบางเรื่องที่ไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้ หรือยิ่งแก้ปัญหา กลับดูเหมือนว่า สถานการณ์จะยิ่งวายป่วงบานปลายไปมากกว่าเดิมจนเข้าขั้นพังพินาศ จนอยากจะถามว่า มันเกิดอะไรขึ้น (วะ)
ขณะที่ตัวละครก็มักจะมีพฤติกรรมพิลึกพิลั่นหรือคาดเดาอะไรไม่ค่อยได้ หรือไม่อย่างนั้น ก็เป็นพวกที่ถูกบางสิ่งบางอย่างเข้ามายั่วยวนและชักพาให้ทำอะไรบางอย่างซึ่งกลายเป็นเงื่อนไขให้สถานการณ์พลิกเปลี่ยนและวายป่วงเข้าไปอีก
แน่นอนว่า ส่วนประกอบทั้งหมดที่กล่าวมา มีอยู่อย่างครบครันในผลงานล่าสุดของเขา อย่าง The Gentlemen ซีรีส์ที่สตรีมทางเน็ตฟลิกซ์ในเวลานี้ โดย กาย ริตชี่ รับหน้าที่เป็นครีเอเตอร์และกำกับ 2 ตอนแรก จากจำนวน 8 ตอน และเหมือนเป็นการรวมเอาทักษะที่ถนัดของเขามาให้ชมกันแบบยาว ๆ
ทั้งนี้ กาย ริตชี่ เคยทำ The Gentlemen เป็นหนังฉายโรงเมื่อปี 2563 มีชื่อไทยที่ถือว่าตั้งมาได้ดีมาก คือ สุภาพบุรุษมาหากัญ ซึ่งน่าจะเป็นการบิดมาจากคำว่า มหากาฬ และตรงคอนเซ็ปต์ของเรื่องอย่างมาก เนื่องจากซีรีส์เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับกัญชา อีกทั้งตัวละครที่ดูเหมือนจะ 'มหากาฬ' แต่ก็ไม่ได้มหากาฬจริง
แต่ดูทรงเหมือนจะเมา ๆ มึน ๆ ไปกับสถารณ์ต่าง ๆ เหมือนคนเมากัญชาก็อาจจะว่าได้ แทนที่จะ “มหากาฬ” จึงกลายเป็น “มาหากัญ(ชา)” ไป
อย่างไรก็ดี ในเวอร์ชั่นซีรีส์ได้มีการปรับเรื่องราวและตัวละครให้แตกต่างไปจากเวอร์ชั่นหนัง ดังนั้น ใครที่เคยดูหนังแล้วก็ไม่ต้องห่วงว่ามันจะซ้ำ
เพราะรสชาติความสนุกยังมีพร้อมเสิร์ฟแบบจัดเต็ม โดยพล็อตย่อ ๆ มันเล่าถึงทหารหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นทายาทมหาเศรษฐีที่ได้รับมรดกจากพ่อเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ ที่จะว่าไปก็คล้ายเป็นทุกขลาภซะมากกว่า เพราะไป ๆ มา ๆ เขาก็ได้พบว่า ภายใต้คฤหาสน์หลังโตนั้น มันซุกซ่อนธุรกิจผิดกฎหมายไว้และทำกำไรอย่างงามให้กับพ่อของเขามานานหลายปีโดยที่เขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่นำพาให้เขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวพัวพันกับแก๊งอาชญากรซึ่งมาพร้อมกับปัญหาที่เขาต้องหาทางแก้จนเวียนหัว นั่นยังไม่นับรวมวีรกรรมวีรเวรซึ่งพี่ชายขี้ยาของเขาเคยก่อไว้และดูเหมือนจะก่อขึ้นใหม่อีกไม่รู้จบ ไหนจะคนอื่น ๆ ในทีมงานของเขา ที่ช่างสร้างสรรค์ปัญหาใหม่ ๆ ได้ไม่จบไม่สิ้นเช่นกัน แบบที่เห็นแล้วอยากจะร้องว่า “อิหยังวะ” กันเลยทีเดียว
จากประสบการณ์ทำหนังที่เล่นกับสถานการณ์ไม่เป็นใจ กาย ริตชี่ ได้ตอกย้ำความถนัดของเขาอย่างแม่นยำอีกครั้งในซีรีส์เรื่องนี้ คือแม้จะเป็น “เส้นทางเดิม” แต่ความสนุกไม่ลดลงเลย เชื่อว่าใครก็ตามที่รักผลงานของ กาย ริตชี่ มาก่อน ก็คงจะชอบซีรีส์เรื่องนี้ได้ไม่ยาก และอยากจะบอกว่า มันตลกมาก สนุกมาก เช่นเดิม
ขณะที่เนื้อเรื่องมีความกวนและยียวน ซึ่งชวนให้ติดตามได้อย่างไม่รู้สึกเบื่อ ตัวละครก็หลากหลายสีสัน และนักแสดงที่มารับบทก็ถ่ายทอดคาแร็คเตอร์ออกมาได้ดีทุกคน ไล่ตั้งแต่ ทีโอ เจมส์ ที่เล่นเป็นเอ็ดดี้ หนุ่มทหารที่ได้รับมรดกจากพ่อ เขาน่าจะเป็นคนไม่กี่คนในเรื่องที่พอจะพูดได้ว่า คงเส้นคงวามากที่สุด เช่นเดียวกับ “คายา สโคเดลาริโอ” ซึ่งรับบทซูซี่ กสาส หญิงสาวที่ไม่ธรรมดา เพราะนอกจากจะเป็นผู้ดูแลกิจการให้กับพ่อของเอ็ดดี้แล้ว เธอยังมีพ่อที่พูดได้ว่าเป็น “ขาใหญ่แห่งวงการค้ายา” แถมเธอเองก็เส้นสายเครือข่ายกว้างขวางกับคนในวงการผิดกฎหมายด้วย เธอมีส่วนอย่างมากในการช่วยสะสางปัญหาต่าง ๆ ให้กับเอ็ดดี้
อีกหนึ่งตัวละครที่หลายคนดูแล้วคงจะนึกหมั่นไส้ไม่น้อย ก็คงหนีไม่พ้น “เฟรดดี้” (แดเนียล อิงค์ส) พี่ชายของเอ็ดดี้ที่ขยันก่อเรื่องไม่สิ้นสุด และด้วยความเป็นขี้ยา ส่งผลให้สติหลุดอยู่เรื่อย ๆ ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย บอกให้ทำอย่างหนึ่ง แต่กลับทำอีกอย่าง กลายเป็นการสร้างปัญหาเพิ่มไปอีก แน่นอนว่า ตัวละครแบบนี้คือ “ของมันต้องมี” ในหนังของกาย ริตชี่ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ แล้วแดเนียล อิงค์ส ก็เล่นได้สมบทบาท ยียวนกวนประสาทเอาเรื่อง แต่ก็มีความฮาในตัวเอง โดยเฉพาะซีเคว็นซ์ที่เขาต้องเต้นท่าไก่ เล่นเอาหัวเราะไม่หยุดเหมือนกัน
นอกจากนี้ยังมีตัวละครอีกมากมายที่พร้อมจะมาปั่นสถานการณ์ให้ป่วนและมอบรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะให้คนดูผู้ชม และแต่ละคนก็ต้องบอกว่าแสบ ๆ ทั้งนั้น ทั้งบาทหลวงที่แท้จริงแล้วเป็นขาใหญ่ในวงการค้ายา
แม่ค้าขายรถที่โหดและจิตเหมือนคนป่วยประสาทอย่างไม่น่าคบหา หรือแม้แต่แม่สาวแสนสวยที่เข้ามาทำให้คนสำคัญของธุรกิจกัญชาของเอ็ดดี้เคลิบเคลิ้มหลงใหลใ จริงอยู่ที่ภาพเบื้องหน้าของ The Gentlemen มันคือหนังแก๊งสเตอร์ แต่แก่นหลักมันคือหนังตลก และเป็นตลกร้ายที่ต้องบอกว่ามีอะไรให้ชวนขำทุกฉากทุกตอน
The Gentlemen จึงพอสรุปได้ว่า มันคือซีรีส์ที่ตอบสนองความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบ สาระอะไรไม่ต้องไปคิดให้ปวดหัว แค่ตามฮาตามขำกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวละครก็ฟินแล้ว เหมือนอย่างที่เขาพูดว่า “ดูเอาฮา” นี่คือคำที่ใช้ได้กับ The Gentlemen สุภาพบุรุษมาหากัญ ได้อย่างเหมาะเหม็ง
โดยส่วนตัวผู้เขียนที่ชอบหนังทางนี้ของกาย ริตชี่ อยู่แล้ว ก็คงมีแต่อยากเชียร์ให้คนอื่น ๆ ได้ดู เพราะมันตลกและสนุกจริง ๆ