“บี วรรณิศา” อดีตนางเอกยุค 80 ปัดแอนตี้ศัลยกรรม แค่กลัว เชื่อมั่นหมอ ยอมขึ้นเขียงศัลยกรรมครั้งแรกในวัย 55 ปี 4 เดือนได้ผลลัพธ์ดีเกินคาด สามีชมเหมือนได้ลูกสาวเพิ่ม ลั่นกล้าถ่ายรูปกับ “แซม ยุรนันท์” แล้ว ที่ผ่านมาเบรกงานในวงการ ดูแลลูกสาวเปลี่ยนตับ
อดีตนางเอกยุค 80 “บี วรรณิศา ศรีวิเชียร”ตัดสินใจศัลยกรรมครั้งแรกในชีวิตในวัย 55 ปี พร้อมยันที่ผ่านมาไม่ได้แอนตี้ศัลยกรรม แค่กลัว ทำให้ต้องหาข้อมูลอยู่นาน โดยเจ้าตัวเปิดใจต่อสื่อมวลชน ที่ UD CLINIC สาขาสุทธิสาร ยันไม่ได้อยากหน้าเด็ก แค่อยากยกหน้าให้กระชับ แต่พอทำแล้วได้ผลลัพธ์ดีเกินคาด จนสามียังแซวว่าเหมือนได้ลูกสาวเพิ่ม ยอมรับ ก่อนหน้านี้ไม่กล้าถ่ายภาพกับ “แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี” เพราะอีกฝ่ายหน้าเด็ก แต่ตอนนี้ถ่ายรูปคู่ได้แล้ว ลั่นอยากหวนร่วมงานด้วยอีกครั้ง
“ก่อนอื่นที่ตัดสินใจทำที่นี่ ก็คือหลังจากที่พยายามศึกษาจากหลายๆ ที่ ก็มีคุยกับเพื่อนบ้าง พี่บ้างว่าที่ไหนเป็นยังไง ก็สรุปสุดท้ายก็มาเจอคุณหมอกรที่ UD Clinic ซึ่งคุณหมออธิบายได้ดีมาก รับฟังและพาชมห้องผ่าตัด คือสามารถตอบโจทย์ของเราได้ทุกข้อที่ขอ เราก็เลยมั่นใจกับที่นี่มาก ก็เลยเลือกที่นี่ค่ะ”
ไม่ได้แอนตี้ศัลยกรรม แค่กลัว
“อย่าเรียกว่าแอนตี้เลยค่ะ แต่จะกลัวมากกว่า กลัวที่จะต้องโน่นนี่กับตัวเอง คิดว่าจะปลอดภัยไหม แต่เมื่อเราศึกษาหาข้อมูลแล้ว และมาคุยกับคุณหมอแล้ว มันก็เลยลบความกลัวเหล่านั้นออกไปได้ พอคุณหมอให้ความมั่นใจเราได้ เราก็เลยกล้าทำ
เราก็กลัวเจ็บ กลัวเสียโฉม อันดับแรกเลยบีเชื่อว่าพอเราคิดจะทำอะไรขึ้นมากับหน้าตัวเอง อย่างแรกคือถ้ามันผิดพลาด ถ้ามันเสียหาย มันจะกลับมาได้ไหม เขาแก้ให้เราได้ไหม เราก็เลยฝังใจกับความกลัวตรงนี้ และพอเราเห็นว่าวิวัฒนาการต่างๆ มันดีมากขึ้น และตัวคลินิกเองก็สร้างความมั่นใจตรงนั้นให้เรามากๆ ความกลัวก็ยังมีนิดๆ นะ แต่เราเชื่อมั่น ความเชื่อมั่นมันมีมากกว่าก็เลยกล้าที่จะทำ”
ตัดสินใจนานหลายปี
“ก็นานเหมือนกันค่ะ เพราะว่าพยายามดูหลายๆ ที่อยู่หลายปีมากค่ะ ก็เป็นครั้งแรกค่ะที่ทำศัลยกรรม สิ่งที่เปลี่ยนความคิดเราคืออยากสวย (หัวเราะ) คืออยากดูดีขึ้นในวัยที่เราควรจะเป็น คือมีความรู้สึกว่าวัยเราขนาดนี้ มันไม่น่าจะไปไกลกว่านี้ ก็รู้สึกว่าถ้าดึงกลับมาได้หน่อยนึง มันก็สร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง ซึ่งตอนนี้มันได้มากๆ เลยค่ะ
คืนก่อนจะมาผ่าตัดถึงขั้นตื่นเต้นนอนไม่หลับเลยค่ะ แม้กระทั่งมาถึงคลินิกแล้วก็ยังคิดว่ากลับบ้านดีไหม (หัวเราะ) ก็แอบมีจะเปลี่ยนใจเหมือนกัน ชวนคุณสามีแล้วว่าแดดดี้กลับกันดีไหม แดดดี้ก็บอกว่ามาแล้วนะ ตัดสินใจแล้ว ซึ่งแดดดี้เป็นคนที่ไม่อยากให้เราทำเลย แต่พอถึงวันที่จะทำจริงๆ เขามีความมั่นใจยิ่งกว่าเราอีก เขาบอกไม่เป็นไรนะบี เดี๋ยวสวยๆ จากแดดดี้ที่ยังไงก็ไม่ยอม กลายเป็นคนซัปพอร์ตเราเต็มที่เลย”
เพื่อนดาราที่เคยทำบอกทำแล้วมีความสุข
“ก็มีถามค่ะ จะมีหลังไมค์ไปคุยกับเขา เขาก็บอกว่ามีความสุขมากหลังจากที่ได้ทำ คือถ้าคนเรามีความสุขที่ทำมาแล้ว แสดงว่าเขาต้องแฮปปี้และทำออกมาดีมากๆ คือทำแล้วไม่ให้มันเกินหน้าจริง ขอเป็นเราคนเดิม ขอเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ตั้งใจทำให้มันเด็ก ให้แบ๊วหรืออะไร แค่ขอให้เป็นหน้าเรา ไม่เพิ่ม ไม่เติม แต่เอาส่วนที่มันหย่อนคล้อยออกเท่านั้นเอง ซึ่งคุณหมอก็ทำตามนั้นได้หมดเลย”
ผ่านมา 4 เดือนแฮปปี้มาก
“ผ่านมาจะ 4 เดือนแล้วค่ะ แฮปปี้มาก ความสวยความงามกับผู้หญิงมันจะคู่กัน เวลาเราส่องกระจก เวลาจะออกจากบ้านความมั่นใจมันกลับมา จากที่เรารู้สึกว่ามันดร็อปลงไป ต้องเติมตรงนั้นตรงนี้ แต่ ณ วันนี้ไม่ต้องเติมอะไรเลย สามารถออกจากบ้านโดยที่ไม่ต้องแต่งหน้าก็ได้“
พอใจกับตอนนี้ ไม่คิดทำเพิ่ม
“ณ ตอนนี้ยังไม่ได้คิดค่ะ (หัวเราะ) เรารู้สึกพอใจตรงนี้แล้ว เหมือนทำครั้งเดียว ครั้งแรกแล้วมันได้ครบหมดโดยที่เราไม่ต้องคิดว่าเราต้องทำนู่นนี่เพิ่มอีก”
สามีบอกเหมือนได้ลูกสาวอีกคน
“คุณสามีบอกว่าเหมือนมีลูกอีกคน (หัวเราะ) เหมือนได้ลูกสาวเพิ่มมาอีกคนนึง เขาก็บอกว่าในบ้านพ่อแก่คนเดียวเลย บีทำตรงส่วนของแก้มที่มันห้อย มันเลยทำให้ร่องแก้มชัดคืออาจจะกรรมพันธุ์ด้วย เพราะครอบครัวบีเป็นต่างชาติ พอมีอายุแก้มก็จะห้อยๆ กันหมดเลย เราก็มีความรู้สึกว่ามันเร็วไป เรายังไม่ถึง 60 เลย (หัวเราะ) รู้สึกว่ามันมาเร็วเกินไป ก็เลยขอเอาออกแล้วกัน ก็เหมือนยกกระชับแค่นั้นค่ะ
ที่ทำไม่เกี่ยวกับหมอดูทัก
“ไม่มีเลยค่ะ ปกติเป็นคนที่ไม่ได้เชื่อ ไม่ได้ฟังคำหมอดู แต่จะเชื่อฟังคุณหมอมากกว่า เพราะบีเป็นคาทอลิกด้วย ก็เลยไม่ได้คิดว่าจะต้องมูเตลูอะไร แต่ถ้าทำแล้วดีขึ้น สบายใจขึ้น มีความสุขมากขึ้นก็ทำอย่างนั้นมากกว่า”
บาลานซ์ทั้งข้างนอกข้างใน อายุ 55 แต่เหมือน 35
“เคล็ดลับก็คงเหมือนผู้หญิงทั่วไปค่ะ ก็มีทาโลชั่น ทาครีมอะไรปกติ แต่บีจะเน้นเรื่องการทานอาหารมากกว่า พยายามทานที่ร่างกายต้องการจริงๆ จะไม่พยายามทานอะไรที่มันจะสะสมคือมีความรู้สึกว่าถ้าข้างในเรายังดีอยู่ เหมือนตอนนี้เรา 55 จะ 56 แต่ความรู้สึกเรามันยังเหมือน 35 ไม่เกิน 40 แต่หน้าเราเท่านั้นเองที่มันไม่บาลานซ์กัน แต่พอทำแล้วตอนนี้ทุกอย่างมันบาลานซ์กันหมดทั้งข้างในและข้างนอก”
เบรกงานในวงการไปดูแลลูกสาวที่ต้องเปลี่ยนตับ
“ก็นานค่ะ แต่มีช่วงก่อนโควิดที่กลับมารับบ้าง ซึ่งที่หายไปเพราะว่าต้องไปดูแลลูก ลูกสาวเปลี่ยนตับ ก็เลยต้องดูแลเขาอย่างใกล้ชิด ก็มีช่วงก่อนโควิดที่กลับไปรับงานได้ แต่พอเจอโควิดก็เลยต้องหยุด เพราะถ้าเกิดเราติดเชื้อขึ้นมา ลูกเราไม่มีภูมิต้านทานก็จะมีผลต่อลูก ก็เลยทำให้ต้องเบรกงานไว้ก่อน
แต่ตอนนี้ลูกสาวก็ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ยังต้องไปหาคุณหมอ ยังต้องดูแลตัวอยู่ ยังต้องระวังอยู่ค่ะ แต่น้องใช้ชีวิตได้ปกติค่ะ แค่ต้องระวัง เพราะยังต้องทานยากดภูมิต้านทานอยู่ ในชีวิตประจำวันก็ต้องระวังเรื่องอาหาร เรื่องอากาศ เรื่องไข้หวัดทุกอย่าง คือปกติเราเป็นไข้หวัดอาจจะสักอาทิตย์นึง อย่างมาก 2 อาทิตย์ แต่ลูกสาวเป็นคือ 1-2 เดือนเลย ถ้าป่วยขึ้นมาก็คือเรื่องใหญ่เลยค่ะ”
คิดถึงงานในวงการบันเทิง
“คิดถึงตลอดเวลาเลยค่ะ เวลาเราดูเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หรือเด็กรุ่นใหม่ที่เล่น เราก็ยังรู้สึกว่าถ้าเป็นเราก็ดีนะ ถ้าเราเล่นบทนี้ๆ ก็น่าจะดี ก็ยังอยากที่จะกลับไปทำงานค่ะบางทีก็ยังย้อนกลับไปดูหนังเก่าๆ ที่เราเคยเล่น ก็มีเปิดให้ลูกดู เขาก็จะชื่นชมคุณแม่ เราก็มีความสุข ตอนนี้ก็มีติดต่อมานะคะ กำลังอยู่ในช่วงคุยรายละเอียดเรื่องบทกันอยู่ค่ะ บทที่ไม่เคยเล่นน่าจะไม่มีแล้วค่ะ เพราะเล่นมาเยอะมากๆ แล้ว น่าจะครบหมดแล้ว”
เจอ “แซม ยุรนันท์” บ่อยๆ ไม่กล้าถ่ายรูป เพราะอีกฝ่ายเด็กมาก
“เจอกันบ่อยค่ะ ก็มีการพูดคุยกันตลอด พี่แซมยังเป็นพี่ที่น่ารัก ก็ยังเกาะกลุ่มกันอยู่ประมาณ 10 กว่าคน ก็มีไปทานข้าวกันตลอด แล้วพี่แซมก็เด็กมาก (หัวเราะ) บางทียังรู้สึกว่าถ้าถ่ายรูปคู่กันเราอาจจะไม่กล้านะ แต่พอตอนนี้คิดว่ากล้าแล้วล่ะ (หัวเราะ) ถามว่าจะได้เห็นผลงานคู่กันไหม นั่นสิ อยากทำงานคู่กันเหมือนกันค่ะ ก็อาจจะมีนะคะ แต่ยังไม่รู้เหมือนกัน ก็ฝากผู้จัดด้วยนะคะ”