ผ่านพ้นด้วยความงดงาม กับงานแคมป์ไฟดนตรีมาลีฮวนน่า ภาคพิเศษ Live in Sangkhlaburi สมความมุ่งหมายของผู้จัดงานทุกประการ เป็นคอนเสิร์ตเล็กๆ ท่ามกลางขุนเขาและสายน้ำ เคียงข้างชายแดนไทย-เมียนมา แต่ทว่ามีพลังและความหมายยิ่งนักต่อชาวสังขละบุรีและเด็กๆ ชาติพันธุ์
เหล่าแฟนเพลงมาลีฮวนน่าส่วนใหญ่ไม่เคยมาสัมผัสความงดงามของสังขละบุรี ที่มีธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลายทางชาติพันธุ์ทั้งกะเหรี่ยง มอญ ลาว พม่า และไทย ต่างประทับใจกับความงดงามของสังขละบุรี เพราะการเดินทางมาสังขละบุรีหากมาจากกรุงเทพฯ ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าหกชั่วโมง ต้องผ่านเส้นทางคดโค้งและสูงชันในบางช่วง หากพวกเหล่าแฟนคลับไม่มีหัวใจรักภักดีต่อมาลีฮวนน่าคงไม่มีใครอยากเก็บเป้ใส่หลังมานั่งฟังเพลงมาลีฮวนน่าในพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลจากกรุงเทพฯ กว่าสี่ร้อยกิโลเมตร หลังจากบทเพลงสุดท้ายจบลง แววตาและใบหน้าผู้ชม ต่างอิ่มเอิบและตื้นเต็มในหัวใจ ศิลปินวงมาลีฮวนน่าไม่เคยทำให้เหล่าแฟนเพลงของพวกเขาผิดหวัง
บทเพลงกว่าสี่สิบเพลงกับเวลากว่าสี่ชั่วโมง สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับเหล่าผู้ชมทั้งแฟนคลับที่เดินทางไกลมาจากหลากหลายจังหวัดและผู้ชมที่เป็นคนในพื้นที่ที่ได้มีโอกาสได้ชมการแสดงของวงมาลีฮวนน่าเป็นครั้งแรกในชีวิต บางคนเป็นบุคคลไร้สัญชาติ ไม่สามารถเดินทางออกนอกพื้นที่สังขละบุรีได้ การที่พวกเขาได้มีโอกาสได้ชมการแสดงดนตรีของวงมาลีฮวนน่าศิลปินวงโปรดของพวกเขา
บางคนที่ผู้เขียนได้มีโอกาสพูดคุยด้วย เขาบอกว่าคืนนี้เป็นค่ำคืนที่พิเศษคืนหนึ่งในชีวิตเขา เพราะเขาไม่เคยเดินทางออกไปไหนนอกพื้นที่สังขละบุรี ไม่เคยคิดฝันว่าจะได้ดูมาลีฮวนน่าในพื้นที่ใกล้บ้านของตัวเอง หากวงมาลีฮวนน่าไม่มาแสดงคอนเสิร์ตที่นี่ ชีวิตนี้เขาคงไม่มีโอกาสได้นั่งดูนั่งฟังเพลงมาลีฮวนน่าที่เขาร้องตามได้เกือบทุกเพลง
นับเป็นความสำเร็จก้าวแรกของคณะผู้จัดงานที่ร่วมแรงร่วมใจให้เกิดงานดีๆ และมีความหมายต่อชาวสังขละบุรี ก่อนการจัดงานผู้เขียนแอบห่วงใยน้องๆ ผู้จัดงานซึ่งเป็นน้องนุ่งที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งคอนเสิร์ตนี้ไม่มีผู้สนับสนุนงบประมาณการจัดงานแต่อย่างใด ค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้มาจากการจำหน่ายบัตรเพียงอย่างเดียว
หากไม่มีหัวใจที่มุ่งมั่นอยากสร้างคุณประโยชน์ต่อพื้นที่สังขละบุรีที่พวกเขาอาศัยอยู่ และอยากสนับสนับสนุนการศึกษาของเหล่าเด็กๆ ชาติพันธุ์ พวกเขาคงไม่สุ่มเสี่ยงที่จะทำงานอะไรแบบนี้ เพราะต้นทุนในการจัดงานนั้นสูงกว่าการจัดงานในเมืองเป็นเท่าตัว เนื่องจากระยะทางที่ยาวไกล วัสดุ อุปกรณ์ เวที แสง สีเสียง และเครื่องปั่นไฟต้องเช่ามาจากในเมืองทั้งสิ้น ทว่าพวกเขากลับทำงานนี้ประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม น่าประใจและน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย เงินจำนวนห้าหมื่นบาทถูกนำไปมอบให้กับเด็กๆ ชาติพันธุ์ในพื้นที่ห่างไกล ดังนี้
1. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านโมรข่า ซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดท้ายชายแดนไทย-เมียนมา ไม่มีไฟฟ้าและสัญญาณโทรศัพท์
2. ศูนย์การเรียนชุมชน ศรีสุวรรณสะเนพ่อง หมู่บ้านสเนพ่อง ชุมชนกะเหรี่ยงดั้งเดิม ที่อยู่กันมายาวนานกว่าสี่ร้อยปี ไม่มีไฟฟ้าและสัญญาณโทรศัพท์
3. คณะการแสดงรำกะเหรี่ยงบ้านเขาไม้แดง และเด็กๆ ชาติพันธุ์โรงเรียนอุดมสิทธิศึกษา
ขอปรบมือดังๆ ให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดงานนี้ทุกท่านด้วยความจริงใจ