xs
xsm
sm
md
lg

“เจฟ ซาเตอร์” จากคนไม่มีแม้แต่เงินทำเพลง สู่ความปัง ลั่นงานคือชีวิต ทุกปีคือปีทอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เจฟ ซาเตอร์” กวาดทั้งรางวัล เวิลด์ทัวร์ พรีเซ็นเตอร์แน่นๆ เก็บหมดทุกด้าน เพราะทุกปีคือปีทอง ย้อนอดีตจากคนไม่มีแม้แต่เงินทำเพลง สู่ความปัง

เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่สู้มาเยอะกว่าจะมีวันนี้ สำหรับ “เจฟ ซาเตอร์” ล่าสุดในงาน est awaken awesome senses เจ้าตัวก็เผยว่าทุกปีคือปีทอง โดยเฉพาะ 2 ปีที่ผ่านมา ได้ทั้งรางวัล มีเวิลด์ทัวร์ งานพรีเซ็นเตอร์เพียบ เก็บหมดทุกด้าน หนุ่มเจฟเผยว่าทุกสิ่งที่ทำไม่กดดันตัวเอง งานคือชีวิต

ผมเพิ่งเดบิวต์มา 2 ปีเองครับ ผมไม่กดดันตัวเองนะ ผมเชื่อว่าที่ผมทำสิ่งต่างๆ ออกมาได้เพราะผมไม่กดดันตัวเอง เราควรจะใส่ใจกับงาน เรื่องอื่นก็ทิ้งๆ มันไปเสีย เริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน งานทุกอย่างผมตั้งใจทำด้วยความพิถีพิถัน ถ้ามองว่าเป็นปีทอง ผมอยากทำทุกอย่าง ผมรู้สึกว่าเราต้องโยนตัวเองไปหลายๆ ที่ เอาแรงบันดาลใจตรงนั้นมาต่อยอดตรงนี้ แฟชั่น เพลง หนัง ซีรีส์ ผมอยากจะโยนตัวเองไปหลายๆ ที่ ไม่ให้รู้สึกว่าตันเวลาเขียนเพลง”
 
10 ปีที่ผ่านมา ทุกปีคือปีทอง
“สำหรับผมทุกปีคือปีทอง 10 ปีที่ผ่านมาของการอยู่ในวงการผมมันก็เป็นปีทองในแบบของมัน ก็รู้สึกว่าพอเรามองกลับไปในแต่ละปีมันก็มีเหตุผลของมันนะในทุกๆ ปี มันมีด้านทองของมันเพียงแต่เราอาจจะไม่รู้ แต่พอมองกลับไปตอนที่ผมยังไม่มีเงินมาทำเพลง ผมก็ได้ฝึกตัวเองในการทำ

อันนั้นก็ถือเป็นปีทองในการพัฒนาตัวเองในแบบของตัวเอง ฉะนั้นปีนี้ก็เป็นปีทองในแบบที่เราได้ทำอะไรมากมาย คิดว่ามันจะต้องมีอะไรให้สนุกขึ้นไปอีก การได้ทำหลายๆ อย่างสำหรับมันสนุก พอเราทำเพลงเยอะเกินไป พยายามจะเอามาใส่ให้ทำแบบนั้นแล้วมันจะตัน ผมต้องโยนตัวเองไปตรงนั้นตรงนี้เพื่อดึงอินสไปเรชั่นกลับมา เช่น เราไปแสดงหนัง เราได้เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเรา เราก็ได้อินสไปฯ กลับมาในการเป็นคนนั้นกลับมาเขียนเพลง มันเวิร์กสำหรับผม”

งานกับชีวิตคือสิ่งเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องบาลานซ์
ผมยังไม่มีบาลานซ์ครับ ตอนนี้ผมรู้สึกว่างานกับชีวิตมันคือสิ่งเดียวกัน ชีวิตผมคืองาน ต่อให้พักผ่อนก็ยังคิดเรื่องงาน มันเป็นความสนุกมากกว่า ไม่ได้เป็นความรู้สึกว่าเราต้องมาทำงาน เราอยากสร้างสรรค์งาน เลยไม่รู้สึกเหนื่อย เรื่องตั้งรับกับสิ่งต่างๆผมยังระบุไม่ได้ว่าผมจะต้องรู้สึกยังไง เหตุการณ์ไปเร็วกว่าความรู้สึกผม ก็มีคุยกับตัวเองนะว่าเหตุการณ์นี้เราควรจะต้องรู้สึกยังไงดี แต่ก็รู้สึกแค่ว่าเราควรต้องเอนจอยกับมัน กับคนที่อยู่ตรงหน้า สิ่งที่อยู่ตรงหน้าไปก่อน สักวันหนึ่งผมคงตามทัน และเชื่อว่ามันจะมีความสุข”





กำลังโหลดความคิดเห็น