ปิดตำนานเทพธิดาบาร์โฮสต์ “ใบเฟิร์น” ตั้งเป้าอยากมีผัวแล้ว อะไรที่ไม่ใช่ก็ไม่เสียเวลา ลั่นอยากให้แม่สามีในอนาคตเอ็นดู “จตุรงค์” บอกอยากให้ลูกมีผัวมาก อยากอุ้มหลาน รถไฟขบวนสุดท้ายแล้ว ใครจะเข้ามาต้องกล้าและหน้าด้าน แฮปปี้เปิดธุรกิจลูกชิ้นหมูหัน มั่นใจเกิดแน่ ลองผิดลองถูกครึ่งปี อยากตั้งสแตนดี้ “เจ๊แต๋ว” หน้าร้าน ท้า “พชร์ อานนท์” ไม่พอใจก็ให้ฟ้อง มั่นใจชนะแน่นอน เพราะหน้ากู! เตือนดาราทุกคน ทำอาชีพเดียวไม่ได้
เป็นพ่อลูกที่ทั้งเก่งและขยัน สำหรับตลกชื่อดัง “จตุรงค์ พลบูรณ์”หรือ “จตุรงค์ มกจ๊ก” และ “ใบเฟิร์น พัสกร พลบูรณ์” ล่าสุดต่อยอดธุรกิจครัวลุงรงค์ ด้วยการเปิดร้านขายลูกชิ้นหมูหัน ที่ตลาดสดธนบุรี ซึ่งทั้งสองคนได้เปิดใจต่อสื่อมวลชน มั่นใจว่าเป็นธุรกิจที่ต้องเกิดแน่ๆ เพราะเป็นเจ้าแรกเจ้าเดียวในเมืองไทยและในโลก
จตุรงค์ : “วันนี้อาจพูดมากหน่อย เสียงลูกสาวไม่ดี”
ใบเฟิร์น : “ป่วยนิดหน่อย”
จตุรงค์ : “เอาหมูหันมาทำลูกชิ้น ไม่ใช่เศษหมูหันนะ หมูหันตัวนึงเลย แล้วเอามาผสมกับเนื้อลูกชิ้นครึ่งต่อครึ่ง เป็นสูตรพี่เฟิร์นเขา น้ำจิ้มก็สูตรพี่เฟิร์นเขา เวลากินจะมีหนังหมูติดกรึ๊บๆ ในเนื้อลูกชิ้น จะมีกลิ่นควันไฟ เพราะหมูหันเราย่างด้วยเตาถ่านไม้โกงกาง เป็นเจ้าแรกเจ้าเดียวในประเทศไทย ในโลกด้วย เป็นลูกชิ้นหมูหันจริงๆ”
ใบเฟิร์น : “ก่อนหน้าเราขายลูกชิ้นหมูหัน เรามีน้ำพริกอยู่แล้ว กิมมิกของมันคือใส่สามชั้นทอดน้ำปลา ซึ่งสามชั้นทอดน้ำปลาเป็นเมนูที่ขึ้นชื่อที่ครัว เราก็รู้สึกว่าเราจะทำเมนูอะไรที่มันต่อยอดของที่ขึ้นชื่อที่ครัว ถ้าใครพูดถึงลุงรงค์จะพูดถึงหมูหัน ก็เลยรู้สึกว่า ถ้ามีลูกชิ้นหมูหันจะได้ไหม จะอร่อยไหม ก็เลยลองทำดู”
จตุรงค์ : “ลองผิดลองถูกประมาณครึ่งปี”
ใบเฟิร์น : “ทำทิ้ง ทำทิ้งเยอะมาก”
จตุรงค์ : “จนสุดท้ายอร่อย แล้วมีกลิ่น มีหนังหมูกรุบๆ ปนอยู่ รวมกับน้ำจิ้มพี่เฟิร์นด้วย มันเลยอร่อย เลยทำขาย กะจะเปิดร้านแบบนี้หลายๆ ที่เลย แต่อันนี้เป็นเจ้าแรก ไม่ได้ขายเฟรนไซส์ กลัวไม่คุณภาพ จะเปิดขายเอง ไปออกบูธหลายที่”
ใบเฟิร์น : “น้ำจิ้มถ้าใครได้กินไป จะมีความหอมอะไรบางอย่างเป็นสูตรเฉพาะ ลองคิดค้นดู ต้องลองชิม”
ธุรกิจแรกที่ทำด้วยกัน เถียงกันทุกอย่างยกเว้นเรื่องเงิน
จตุรงค์ : “เขาเป็นเจ้าของ เราเป็นแผนพีอาร์ เขาจะเป็นคนตัดสินใจ เพราะเป็นสูตรของเขา คิดค้นของเขา มีหน้าที่ตาม (เป็นลูกน้อง?) เราเป็นพ่อมัน (หัวเราะ)”
ใบเฟิร์น : “ถามว่าเถียงกันไหม ไม่ต้องเรื่องธุรกิจ เราก็เถียงกันตลอดเวลา แต่พอโตขึ้น จุดมุ่งหมายเดียวกัน เถียงกันเพื่อไปจุดมุ่งหมายเดียวกัน มันก็เลยจบด้วยดี”
จตุรงค์ : “เป็นธุรกิจที่เรื่องเงินไม่เถียงกันเลย มึงจะเอาเท่าไหร่ก็เรื่องของมึง สมมติได้กำไร 100 มันจะเอา 90 บาทก็แล้วแต่มัน แต่ไม่สงสารกูบ้างเหรอ กูเหนื่อยนะ ถ้าผลกำไรออกมาจะเอาเท่าไหร่ก็เรื่องของคุณ เงินไม่สำคัญ สำคัญคือมึงอย่าขัดใจกูมาก เรามีคนรู้จัก ก็เลยเป็นแผนกพีอาร์”
ใบเฟิร์น : “พ่อมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจ ทุกอย่างก็ต้องฟังเขา”
มีประสบการณ์เจ๊งมาเยอะ แต่มั่นใจลูกชิ้นหมูหันไม่เจ๊งแน่นอน
จตุรงค์ : “เคยทำธุรกิจ เจ๊งมาเยอะมาก ประสบผลสำเร็จอยู่อย่างเดียวคือครัวลุงรงค์ แล้วต่อมาก็น้ำพริกเผา แต่ลุงมั่นใจว่าลูกชิ้นหมูหันอร่อย มั่นใจว่าจะไม่เจ๊ง จะดี สิ่งสำคัญที่สุด ถ้าทำของกินต้องอร่อยก่อน สองต้องไม่เหมือนใครก่อนลูกชิ้นหมูหันยังไม่มี น้ำพริกเผาผสมสามชั้นส่วนใหญ่เป็นกากหมูยังไม่มี ครัวลุงรงค์ที่เอาบ้านมาทำร้านอาหารไม่มี ชิม แล้วคุณจะรู้ ต้องชิม”
คาดหวังเป็นธุรกิจที่มั่นคง จตุรงค์ฝากถึงดาราทุกคน ทำอาชีพเดียวไม่ได้
ใบเฟิร์น : “ทำธุรกิจทุกอย่างก็คาดหวังหมด อยากให้ประสบความสำเร็จ แต่ว่าดำเนินการก็ต้องเรียนรู้ไป เพราะเรายังใหม่มากในธุรกิจนี้ ต้องฟังคำแนะนำพ่อเยอะๆ ก็อยากให้มันมั่งคง เป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เพราะโตแล้ว แก่แล้วอยากสนใจเรื่องธุรกิจต่างๆ ในชีวิตมากขึ้นแล้ว”
จตุรงค์ : “เป็นดาราอย่างเดียวไม่ได้ ปัจจุบันเป็นดาราอย่างเดียว คุณดาราทั้งหลาย ที่กำลังเป็นดาราอยู่ คุณเป็นดาราอย่างเดียวไม่ได้ คุณต้องมีอะไรเสริมในชีวิตของคุณ เพื่อให้หลังจากคุณเป็นดารา วันนึงคุณก็ต้องลง แล้วสุดท้ายถ้าไม่มีอะไรมา ชีวิตคุณจะแย่นะ ชีวิตนานๆ โผล่มาที วอนผู้จัดของานหน่อย ไม่ได้นะ เดี๋ยวนี้อาชีพเดียวไม่ได้แล้ว คุณดารา ฟัง คุณต้องมีงานเสริม มีรายได้ที่สามารถจะเลี้ยงครอบครัวคุณได้ อย่าไปยึดอาชีพดาราอย่างเดียว”
ไม่หวั่น “พชร์ อานนท์” ฟ้อง อยากตั้งสแตนดี้เจ๊แต๋ว ลั่นหน้ากู!
จตุรงค์ : “ขอลิขสิทธิ์เหรอ กูจะทำอะไรก็ได้ มันเป็นกู เจ๊แต๋วมันเป็นกู พชร์อานนท์ มึงฟ้องกูเลย มึงเป็นคดีความกับกูเลยพชร์ อานนท์ ดูสิใครจะชนะ มันหน้ากู หนังมึงก็จริง แต่มันหน้ากู (พชร์ อานนท์ เหมาไป 200 ไม้?) (ยกมือไหว้) พี่พชร์ ช่วยเหมาหน่อย (หัวเราะ) แต่ถ้ามันไม่เหมา อีพชร์ อยากเอาสแตนดี้มาตั้ง แต่ว่าเดี๋ยวก่อนให้ทางสถานที่เขาอนุญาตก่อน ไม่มีปัญหากับพี่พชร์ มีปัญหากูก็จะทำ กูอยากมีเรื่องกับพชร์ อานนท์ ยังไงก็ต้องเอาเราไปเล่นอยู่ดี ภาคต่อไปก็มี เชื่อเหอะ ภาค 9 มันก็ตอแหลไปวันๆ”
ใบเฟิร์น : “ธุรกิจมันไม่เหมือนกัน แต่เราก็ต้องใช้ประสบการณ์ บางอย่างประสบความสำเร็จมากน้อย แต่ก็ต้องเอาธุรกิจมาเป็นบทเรียน แต่เราก็คาดหวังให้ธุรกิจมันดี”
จตุรงค์ : “ชีวิตธุรกิจเฟิร์นไม่ค่อยทำ เขาทำบาร์โฮสต์เป็นหุ้นส่วน ไม่ใช่เจ้าของ ลุงแอบไปดูแล้ว มีผู้ชายเต้นกระเด้าๆ ดีมากเลย ลุงนั่งดูอยู่ เขามีเพื่อน ไม่ต้องอะไรมากมาย”
ไม่ได้ไปบาร์โฮสต์ เพราะอยากมีผัวจริงๆ จังๆ อยากอยู่ในจุดที่แม่ผัวในอนาคตจะเอ็นดูเรา
ใบเฟิร์น : “เฟิร์นแค่เป็นหนึ่งในหุ้น เขามีพี่ใหญ่ในวงการเยอะมาก เราแค่มีโอกาสได้ทำธุรกิจหลายอย่าง เอาเงินไปลง คนติดภาพ จะติดภาพอะไรก็ได้ ขอให้มันมีรายได้ อย่าเรียกเจ้าแม่บาร์โฮส ให้เรียกเทพธิดาบาร์โฮสดีกว่า ส่วนต้นหอม (ศกุนตลา เทียนไพโรจน์) เป็นเจ้าแม่ มันมีผลกำไรตลอดเวลา แต่เราไม่ได้คาดหวังว่าต้องโอ้โห ร่ำรวย เราศึกษาธุรกิจต่างๆ ช่วงหลังๆ ไม่ค่อยได้ไป เพราะอยากมีผัวจริงๆ จังๆ เราเลยพยายามอยู่ในจุดที่แม่ผัวในอนาคตเขาจะเอ็นดูเรา”
จตุรงค์ : “ตอนนี้มีไหม กูรู้เท่าพวกมึงนี่แหละ”
ใบเฟิร์น : “ยังไม่มี”
จตุรงค์ : “มีใครสนใจไหมครับ ลูกลุงรงค์ยังไม่มีผัว”
ใบเฟิร์น : “สเปกขอผู้ชายที่เขาดูแลเราได้ทุกด้าน แล้วก็จิตใจดี”
จตุรงค์ : “สเปกพ่อคือมีงานทำหน่อยนะ ดูแลลูกกูได้นะ”
ใบเฟิร์น : “มีแฟนก็ต้องผ่านพ่ออยู่ดี ตอนแรกคิดว่าคงไม่ผ่านหรอก แต่ท้ายที่สุดแล้วยังไงก็ต้องเอามาให้เขาดู”
จตุรงค์แซว ขบวนสุดท้ายแล้ว อยากมีหลาน
จตุรงค์ : “สุดท้ายฉันก็ต้องเห็นว่าไอ้นี่หัวนอนปลายตีนมีไหม มีอะไรเป็นหลักเป็นแหล่งไหม มีงานไหม เงินไม่เป็นไร ลุงมีอยู่แล้ว หวงมาก ขบวนสุดท้ายแล้วนะ อยากให้มีแล้ว อยากมีหลาน ก็เป็นห่วง มันอายุขนาดนี้แล้ว ผู้ชายที่จะเข้ามาจีบบุคคล คนนี้ ต้องเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่ง กล้าหน้าด้าน ลุย กล้าโดนอำ โดนแซว โดนอะไรหลายอย่าง”
ใบเฟิร์น : “ไม่เอา อย่าแซวเขา ก็ต้องดูเป็นคนๆ ไป ถ้าเขาตำแหน่งหน้าที่สูงจะไปแซวอะไรเขาล่ะ”
จตุรงค์ : “เราก็ดูอยู่ ถ้าโอเค เราก็ได้ครับลูกเขย”
ยังไม่ได้ฝากไข่ ขอมีแฟนก่อน
จตุรงค์ : “ยังเลย ยุ่งกับเรื่องนี้”
ใบเฟิร์น : “ขอมีแฟนก่อน เห็นดาว (ณัฐภัสสร สิมะเสถียร หรือ ดาวโอเกะ) แกงส้ม (ธนทัต ชัยอรรถ) เป็นคนฉีดให้ ไม่มีใครฉีดให้ ตอนนี้อยากให้มันดีที่สุด ไม่รู้หรอกชีวิตเราใครจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งชีวิตเรา แต่เรารู้แล้วว่าพ่อชอบแบบนี้ แม่ชอบแบบนี้ ตัวเราเองสะดวกใจจะอยู่กับคนแบบไหน ผ่านอะไรมาก็เยอะแล้ว อายุไม่ใช่น้อย คงไม่มานั่งเสียเวลากับชีวิตรักแล้ว อะไรไม่ใช่ก็ไม่เสียเวลา”
จตุรงค์ : “ไม่ต้องปลอบใจ ครอบครัวนี้ไม่มีการแบบ ลูก ใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวก็มีผัวแล้วนะ ลูกจ๋า เป็นห่วงลูกจังเลย ไม่มี แต่ถ้าภาษาบ้านๆ ก็เรื่องของมึง ผัวจะเป็นยังไงก็เรื่องของมึง ดีไม่ดีมึงเองได้รับผลตอบแทน ไม่ใช่พ่อ พ่อผ่านมาเรียบร้อยแล้ว มีแม่เขา แม่เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด แค่นั้นเอง ไม่รำคาญ”
