xs
xsm
sm
md
lg

ประวัติศาสตร์ดำมืดแห่ง Dragonball : หนังฉบับคนแสดงที่ "โทริยามะ" ยังเอือมระอา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ท่ามกลางผลงานระดับตำนานมากมาย แต่เวอร์ชั่นภาพยนตร์คนแสดงของ Dragon Ball กลับกลายเป็นจุดด่างพร้อยที่ "โทริยามะ อากิระ" ยอมรับว่าตัวเองทำใจลืมได้ยากจริงๆ

ในขณะที่บุคคลที่เกี่ยวข้อง, คนที่เคารพนับถือ และเพื่อนร่วมงวงการที่ต่างออกมาไว้อาลัยให้กับการจากไปของ "โทริยามะ อากิระ" ดาราชาวแคนาดา "จัสติน แชตวิน" กลับออกมา "ขอโทษ" ที่เขาเคยมีส่วนร่วมในผลงานที่เรียกว่าเป็น "จุดด่างพร้อย" ของตำนาน " Dragon Ball

“หลับให้สบายนะครับพี่ชาย และขออภัยที่เราทำให้การดัดแปลงนั้นยุ่งเหยิงไปมาก” จัสติน แชตวิน เขียนข้อความไว้อาลัย จัสติน แชตวิน ผ่าน Instagram ของเขา

โทริยามะ บอกว่าทีมงานฮอลลีวูดมีความ มั่นใจแบบแปลกๆ
ข้อความของ จัสติน แชตวิน สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวระดับประวัติศาสตร์ของหนัง Dragon Ball Evolution ที่เขาได้รับบทนำเป็น "โกคู" โดยไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่อง Dragon Ball เลย

Dragon Ball Evolution ผลิตโดย 20th Century Fox ด้วยทุนสร้าง 30 ล้านเหรียญฯ​ หนังทำเงินไป 56 ล้านฯ ​อาจจะไม่ถือว่าเป็นความล้มเหลว หรือ ขาดทุนอะไรมากมาย

แต่การที่ Dragon Ball Evolution กลายเป็นที่เกลียดชังของแฟน Dragon Ball และยังถูกมองว่าเป็นหนึ่งในหนังที่ "ห่วยที่สุดตลอดกาล" ก็ทำให้นี่เป็นประวัติศาสตร์ในส่วนที่ไม่ค่อยมีใครอยากจำนักของ Dragon Ball ก็ว่าได้

โทริยามะ ยอมรับ เคือง เพราะท้วงอะไร ฮลลลีวูด ไม่เคยฟัง
มีการเปลี่ยนรายละเอียดมากมายใน Dragon Ball Evolution หนังใช้นักแสดงชาวตะวันตกแทบจะทั้งหมด เปลี่ยนฉากหลังของเรื่องเป็นโรงเรียนมัธยมปลายอเมริกัน ในยุคสมัยใหม่ แทนที่จะเป็นดินแดนไซไฟแฟนตาซีเหนือจิตนาการแบบในต้นฉบับ

ตัวของ โทริยาม่า เองก็แสดงความไม่พอใจกับการดัดแปลงคนแสดงในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ Asahi Shimbun Digital โดยกล่าวว่า “ในตอนนั้นฮอลลีวูดยังไม่ค่อยเข้าใจอนิเมะมากนัก ผมพยายามเตือนพวกเขา พยายามแนะนำให้เปลี่ยนแล้ว แต่พวกนั้นมีความมั่นใจแปลกๆ และไม่ฟังอะไรเลยจริงๆ สุดท้ายก็ออกมาเป็นหนังที่ไม่สามารถเรียกว่า Dragon Ball ได้เลย ซึ่งผมก็คิดอยู่แล้วว่าจะต้องออกมาแบบนั้นแน่ๆ"

เขายังเคยพูดแบบปลงๆ ถึงเวอร์ชั่นภาพยนตร์ของการ์ตูนตัวเองในวาระครบรอบ 30 ปี ของ Dragonball อีกว่าตัวเองพยายามลืมๆ เวอร์ชั่นหนังไปแล้ว แต่สุดท้ายเมื่อมองว่าเขาสามารถคอมเมนต์, บ่น และขอให้ทีมงานสร้างการ์ตูน Dragon Ball ฉบับอนิเมะแก้ไขผลงานได้เรื่อยๆ ก็ยิ่งให้รู้สึกไม่สบอารมณ์กับ Dragon Ball Evolution มากขึ้นเรื่อยๆ

Dragon Ball ไต้หวัน
สำหรับตัวของ จัสติน แชตวิน จากดาราดาวรุ่งก็กลายเป็นดาราดาวรุ่งที่ปัจจุบันเน้นรับแต่บทสมทบเป็นหลัก ขณะที่ผู้กำกับ เจมส์​ หว่อง ที่เคยเป็นผู้กำกับที่น่าจับตามองจากงานอย่าง Final Destination หลัง Dragon Ball Evolution แล้วก็ไม่ได้มีผลงานใหม่ออกมาอีกเลย

ด้วยความโด่งดังของ Dragon Ball ทำให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีความพยายามในการหยิบเอางานชิ้นนี้มาสร้างเป็นฉบับคนแสดงอยู่หลายครั้ง

เรื่องความ หื่น ฉบับนี้น่าจะใกล้ต้นฉบับมากที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค 90s ที่มีผู้สร้างจากประเทศอื่นในเอเชียได้เลือกสร้าง Dragon Ball แบบ "ไม่เป็นทางการ" หรือสร้างโดยไม่ได้ซื้อลิขสิทธิ์จากญี่ปุ่นนั่นเอง

Dragon Ball : The Magic Begins เวอร์ชั่นไต้หวันที่ไม่ได้เหมือนหยิบเอา Dragon Ball มาสร้างเป็นภาพยนตร์โดยตรง แต่เป็นการหยิบเอาภาพยนตร์การ์ตูน Dragon Ball ตอนพิเศษที่เนื้อเรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องกับจักรวาลหลักมาสร้างเป็นฉบับคนแสดงมากกว่า

ถ่ายทำหลายฉากในเมืองไทย
ที่น่าสนใจก็คือ Dragon Ball : The Magic Begins มีการเดินทางเข้ามาถ่ายทำในเมืองไทยหลายฉาก และมีตัวละครสวมชุดไทยกันหลายตัวเลยทีเดียว

แต่ Dragon Ball: The Magic Begins ก็ไม่ใช่ Dragon Ball ฉบับคนแสดงเวอร์ชั่นแรก เพราะจริงๆ เกาหลีต่างหากที่เป็นประเทศแรกที่หยิบเอา Dragon Ball มาสร้างภายใต้ชื่อ Dragon Ball : Son Goku Fights, Son Goku Wins

โดยว่ากันว่า "ฮอ ซองแท" ที่รับบทเป็น "โกคู" ในหนังเรื่องนี้ "อับอาย" กับการมีส่วนร่วมในหนังมาก เขาพยายามปิดบังว่าตัวเองเคยเล่นหนังเรื่องนี้ และออกจากวงการไปหลายปี เคยทำงานทั้งการขายโทรทัศน์ และในบริษัทท่าเรือ

Dragon Ball ฉบับคนแสดงเรื่องแรกของโลก
กว่าที่ จน ฮอ ซองแท จะประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงอีกครั้ง ก็ต้องรอไปหลายปี กับการได้ร่วมแสดงในซีรีส์ฮิตอย่าง Squid Game นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม แม้ Dragon Ball : The Magic Begins และ Dragon Ball : Son Goku Fights, Son Goku Wins จะห่างไกลจากการ์ตูนต้นฉบับ แต่หลายคนก็ยังมองว่าก็ยังสนุกกว่า Dragon Ball Evolution อยู่ดี

จาก Dragon Ball สู่ Squid Game



กำลังโหลดความคิดเห็น