Oppenheimer หนังตัวเต็งแห่งปีคว้ารางวัลออสการ์ปีนี้ไปได้ 7 สาขา รวมถึง 4 สาขาสำคัญ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และรางวัลของนักแสดงที่ดังที่สุดในฮอลลีวูดในยุคนี้อย่าง "โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์" ที่เป็นรางวัลออสการ์ตัวแรกของเจ้าตัวด้วย
ภาพยนตร์ชีวประวัติของ เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ นักฟิสิกส์เชิงทฤษฎีชาวอเมริกันที่ถูกจำจำในฐานะ "บิดาแห่งระเบิดปรมาณู" จากบทบาทสำคัญในโครงการแมนฮัตตัน ซึ่งเป็นภารกิจในสงครามโลกครั้งที่สองที่พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ชิ้นแรก หนังสร้างโดยอิงจากหนังสือชีวประวัติ American Prometheus ปี 2005 ของ ไค เบิร์ด Kai Bird และ มาร์ติน เจ. เชอวิน โดยหนังเล่าเรื่องตั้งแต่ เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ ยังเป็นนักศึกษา จนถึงการทำงานที่ลอสอาลามอส และชีวิตหลังจากนั้นระหว่างการพิจารณาคดีในปี 1954
Oppenheimer คว้ารางวัลไปถึง 7 สาขา โดย คริสโตเฟอร์ โนแลน คว้าออสการ์ 2 ตัวแรกในชีวิตจากงานในค่ำคืนวันนี้ทั้งในฐานะผู้กำกับ และผู้อำนวยการสร้างของหนัง
ส่วน คีเลียน เมอร์ฟี ก็คว้าออสการ์ตัวแรก จากการชิงรางวัลครั้งแรก โดยเขากล่าวว่า “เราสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับชายผู้สร้างระเบิดปรมาณู และไม่ว่าดีขึ้นหรือแย่ลง เราทุกคนต่างก็อาศัยอยู่ในโลกของออพเพนไฮเมอร์
โดยหนังยังส่งให้ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ คว้ารางวัลออสการ์เป็นครั้งแรก ในรางวัลสาขารางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง "Oppenheimer"
“ผมอยากจะขอบคุณวัยเด็กที่เลวร้ายของผม และสถาบันศิลปะและวิทยาการฯ ตามลำดับ” โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ กล่าวหลังรับรางวัล ก่อนจะพูดติดตลกว่า "ผมยังอยากจะขอบคุณสัตวแพทย์ของตัวเอง ผมหมายถึงภรรยาของผม ซูซาน ดาวนีย์ เธอพบผม ที่ตอนนั้นไม่แตกต่างอะไรจากสัตว์ร้ายที่ต้องการความช่วยเหลือ เธอรักผมจนทำให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เธอคือเหตุผลที่ผมมาจนถึงตรงนี้, ขอบคุณ"
เขายังขอบคุณ คริสโตเฟอร์ โนแลน มือเขียนบท ผู้อำนวยการสร้าง และผู้กำกับ Oppenheimer รวมถึงผู้อำนวยการสร้าง เอ็มมา โธมัส และ ซิลเลียน เมอร์ฟี่, เอมิลี่ บลันท์ กับ แมตต์ เดมอน
“นี่คือความลับเล็กๆ น้อยๆ ของผม: ผมต้องการงานนี้มา คริส รู้ดี เอ็มมา ช่วยหาทั้ง สุดยอดนักแสดงและทีมงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล มารวมตัวกัน” เขากล่าว “เอมิลี, ซิลเลียน, แมตต์ เดมอน... มันวิเศษมาก”
ดาวนีย์ จูเนียร์ ยังขอบคุณสไตลิสต์ นักประชาสัมพันธ์ และทนายความ โดยพูดล้อเล่นว่าตลอดการทำงานมาด้วยกันถึง 40 ปี ทนายความของเขาต้องใช้เวลาถึงครึ่งหนึ่งของทั้งหมด "ประกันตัวผม" ก่อนปิดท้ายสุนทรพจน์ด้วยการตะโกนถึงลูกๆ สามคนของตัวเอง
ขณะที่ เอ็มมา สโตน คว้าออสการ์ตัวที่ 2 ในชีวิตจาก Poor Things เทียบเท่ากับตำนานอย่างเมอริล สตรีพ, โจดี้ ฟอสเตอร์ และเอลิซาเบธ เทย์เลอร์ “มันไม่เกี่ยวกับฉัน มันเกี่ยวกับทีมที่มารวมตัวกันเพื่อสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าผลรวมของส่วนต่างๆ ของมัน” สโตนกล่าวขณะรับรางวัล และนั่นคือส่วนที่ดีที่สุดในการสร้างภาพยนตร์ เราทุกคนอยู่ด้วยกัน”
โดย Poor Things ยังคว้ารางวัลรวมไปถึง 4 สาขา ขณะที่ The Zone of Interest คว้าสองรางวัล และมีหนังที่คว้าหนึ่งรางวัลอีกหลายเรื่อง อาทิ American Fiction, Anatomy of a Fall, Barbie, The Boy and the Heron, Godzilla Minus One, The Holdovers, The Last Repair Shop และ 20 Days in Mariupol
พิธีมอบรางวัลออสการ์ครั้งที่ 96 ซึ่งนำเสนอโดย จัดขึ้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2024 ที่โรงละคร Dolby ในฮอลลีวูด ลอสแอนเจลิส โดยนักแสดงตลก จิมมี คิมเมล เป็นพิธีกรรายการนี้เป็นครั้งที่ 4
Oppenheimer คือหนังที่ชิงรางวัลมากที่สุดถึง 13 สาขาตามมาด้วย Poor Things และ Killers of the Flower Moon ที่ได้ 11 และ 10 สาขา ตามลำดับ
ปีนี้ยังเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ของวงการหนังญี่ปุ่น โดย Godzilla Minus One คว้ารางวัลเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม ขณะที่ The Boy and the Heron ของ ฮายาโอะ มิยาซากิ และโทชิโอะ ซูซูกิ คว้ารางวัลภาพยนตร์อนิเมชั่นยอดเยี่ยม
ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: "Oppenheimer"
ผู้กำกับยอดเยี่ยม: คริสโตเฟอร์ โนแลน, "Oppenheimer"
นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม: คิลเลียน เมอร์ฟีย์, "ออพเพนไฮเมอร์"
นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม: เอ็มมา สโตน จาก Poor Things
นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม: โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์, "Oppenheimer"
นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม: ดาไวน์ จอย แรนดอล์ฟ จาก The Holdovers
บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม: Justine Triet และ Arthur Harari จาก Anatomy of a Fall
บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม: คอร์ด เจฟเฟอร์สัน, "American Fiction"
ภาพยนตร์สารคดีนานาชาติยอดเยี่ยม: The Zone of Interest (สหราชอาณาจักร)
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม: The Boy and the Heron
ภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม: "20 Days in Mariupol"
ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: ลุดวิก โกรันส์สัน, "Oppenheimer"
เพลงต้นฉบับยอดเยี่ยม: Billie Eilish และ Finneas O'Connell, "What Was I Made For?" จากเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง "Barbie"
กำกับภาพยอดเยี่ยม: Hoyte van Hoytema, "Oppenheimer"
ตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: Jennifer Lame, "Oppenheimer"
แต่งหน้าและทำผมยอดเยี่ยม: "Poor Things"
ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม: "Poor Things"
การออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม: "Poor Things"
เสียงที่ดีที่สุด: ""The Zone of Interest"
เอฟเฟกต์ภาพยอดเยี่ยม: "Godzilla Minus One"