xs
xsm
sm
md
lg

ตามใจเพราะรัก “ฟลุค” ทุ่มงบไม่อั้นเพื่อวันสำคัญของภรรยา “นาตาลี” ร่ำไห้สุดซึ้ง “นาตาชา” ร่วมวิวาห์พ่อแม่ (คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ฟลุค-นาตาลี” จัดพิธีฉลองมงคลสมรสสุดหวาน คอนเซ็ปต์งานให้ภรรยาเป็นคนคิด 100 เปอร์เซ็นต์ ยกสวนอังกฤษมาอยู่ในโรงแรม เผยงบงานแต่งไม่อั้น แซวภรรยาขำๆ ราคาชุดเจ้าสาวโหดกว่างานแต่ง บอกจ่ายไปเยอะแล้ว จัดงานแต่งเถอะ ร่ำไห้อบอุ่น ลูกสาวมาอยู่ในงานวิวาห์ ขอบคุณเจ้าบ่าวตามใจ ฟลุคยันตามใจเพราะรักภรรยา ขอคิดเรื่องมีลูกคนที่ 2 ตอนนี้ฟินมากมีลูกสาวคือนาตาชา



หลังจาก “ฟลุค เกริกพล มัสยวาณิช” และ “นาตาลี เจียรวนนท์”เข้าพิธีวิวาห์เมื่อปี 2563 แต่ต้องเลื่อนงานฉลองมงคลสมรสเนื่องจากสถานการณ์โควิด ซึ่งผ่านมากว่า 4 ปี ล่าสุดทั้งคู่ถือฤกษ์ดีจูงมือกันเข้าสู่พิธีฉลองมงคลสมรสในวันที่ 9 มีนาคม 2567 ณ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ถูกถ่ายทอดผ่านแฮชแท็ก #LeeFlukeEverAfter แสดงถึงความรักเรื่องราวของบ่าวสาว ความหมายคือเราจะอยู่ในความรู้สึกแบบนี้ตลอดไป รักกันตลอดไป ท่ามกลางบรรยากาศของความรักแสนอบอุ่น สไตล์สวนอังกฤษ เต็มไปด้วยดอกไม้โทนสีชมพูอ่อน สีโปรดของเจ้าสาว

ความพิเศษของงานแต่งในครั้งนี้ก็คือการได้มีลูกสาวและลูกชายของทั้งคู่ร่วมเป็นสักขีพยาน ทั้ง “น้องนาตาชา” และ “น้องอชิ” พร้อมหน้าพร้อมตา โดยในเวลา 13.00 น. “ฟลุค-นาตาลี” ได้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่มากันอย่างคับคั่ง ก่อนเข้าสู่พิธีการฉลองมงคลในช่วงเย็น น้องอชิ นำขบวนเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวเข้ามา และมี น้องนาตาชา รับหน้าที่โปรยดอกไม้ เจ้าสาว-เจ้าบ่าว อบอุ่นสมกับเป็นงานแต่งในฝัน

ซึ่งก่อนเริ่มงาน นาตาลี-ฟลุค ได้เปิดใจต่อสื่อมวลชน โดยเจ้าสาวถึงขั้นหลั่งน้ำตาตื้นตัน แม้เลื่อนงานวิวาห์มานานถึง 4 ปี แต่ก็ไม่เคยคิดจะไม่จัดงานเลยสักครั้ง ส่วนเจ้าบ่าวเทงบไม่อั้น ลั่นชุดเจ้าสาวโหดกว่าจัดงานแต่งอีก

ฟลุค : “นานมากจริงๆ กว่าจะถึงวันนี้ เราโชคดีที่ได้รอ 4 ปี เพราะได้มีนาตาชามาด้วย”

นาตาลี : “เมื่อวานปล่อยภาพเป็นออเดิร์ฟ เราถ่ายไว้เยอะนะคะ ก็ขอปล่อยภาพนิดนึง พอใกล้วันเราก็ตื่นเต้นด้วย ก็เลยปล่อยภาพก่อน จริงๆ งานนี้กำหนดต้องเกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว แต่ด้วยสถานการณ์โลกทำให้เราต้องเลื่อนมา ก็รอจังหวะที่ใช่ วันที่ใช่มาเรื่อยๆ จนเป็นวันนี้”

ฟลุค : “เพื่อนต่างชาติของผมถามว่าคนไทยเขาถ่ายพรีเวดดิ้งกันกี่ครั้งเหรอ (หัวเราะ) ทำไมเซ็ตมันเยอะจังเลย ทุกคนก็งง คิดว่าแต่งกันไปแล้ว หลายคน”

นาตาลี : “จริงๆ เราจัดงานแต่งตอนเช้าไปแล้ว ก็เหลืองานฉลองวันนี้ค่ะ”

คอนเซ็ปต์งานให้ภรรยาเป็นคนคิด 100 เปอร์เซ็นต์ ยกสวนเมืองนอกอยู่ในโรงแรม
ฟลุค : “ผมให้น้องลีเป็นคนคิด 100 เปอร์เซ็นต์ น้องลีมีปรึกษาบ้าง ผมก็วุ่นวายเฉพาะที่ผมต้องรับผิดชอบ คืออาหารและเครื่องดื่มเป็นหลักวันนี้ออกมาสวยแค่ไหน ดีแค่ไหน ซีเคว้นเป็นยังไง คือเขาล้วน”

นาตาลี : “ต้องขอบคุณพี่ฟลุคด้วยแหละค่ะ เขาให้สิทธิ์ลี 100 เปอร์เซ็นต์ ลีก็จัดเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ยกเว้นเครื่องดื่มและอาหาร แต่เครื่องดื่มและอาหารเราก็ช่วยกันอยู่ดี ลีก็ตั้งใจมากจริงๆ อยากให้งานออกมาดีที่สุด อยากให้แขกประทับใจที่สุด ทุกๆ ดีเทล ลีทำเองหมด ภาพทุกใบ ทุกอย่าง เราก็ตั้งใจจริงๆ หวังว่าทุกคนจะชอบ คอนเซ็ปต์ชอบสวน ชอบบรรยากาศสวนเมืองนอก เรารู้สึกว่าเวลาคนแต่งงานที่สวนเมืองนอกมันโรแมนติกมากเลย แต่ด้วยความที่เราอยู่เมืองไทย อากาศบ้านเราร้อน เราเลยคิดว่าเรายกสวนเมืองนอกให้อยู่ในโรงแรมน่าจะดี แขกทุกคนจะได้ไม่ลำบาก บรรยากาศข้างนอกเลยเป็นสวนอังกฤษ เดินเข้าไปข้างในเป็นแนวสถาปัตยากรรมยุโรป พี่ฟลุคก็ชอบด้วย สมมติเราไปดูโอเปร่า บรรยากาศมีความคลาสสิกของบ้านเมืองนั้น ข้างในก็จะเป็นแบบนั้น รวมถึงสวนด้วย” 
 
งบไม่อั้น ต่อเนื่องจากชุดเจ้าสาว
ฟลุค : “งบต่อเนื่องจากชุดเจ้าสาวก่อน ที่โหดสุดคือชุดเจ้าสาว หลายคนอาจคิดว่าจัดงานแพง แต่ชุดเจ้าสาวไม่ได้แพ้งาน”

นาตาลี : “เดี๋ยวจะมีชุดพิธีอีกหนึ่งชุด และชุดอาฟเตอร์อีกหนึ่งชุดค่ะ แต่ต้องบอกว่าชุดนี้เป็นชุดที่เตรียมไว้ตั้งแต่ 4 ปีที่แล้วนะคะ ไม่ได้เปลี่ยน จะมีเพิ่มคืออาฟเตอร์ปาร์ตี้ค่ะ ขอไม่พูดถึงราคาดีกว่าค่ะ (หัวเราะ)”

ฟลุค : “(ถอนหายใจก่อนหัวเราะ) มันมีการตัดสินใจตอนแรกว่าจะจัดดีหรือไม่จัดดี แต่เรามีการคำนวณไว้แล้วว่า สิ่งที่เราจ่ายไปแล้วมันเยอะกว่า (หัวเราะ) จัดเถอะ ไม่งั้นจะใส่ไปไหนชุดขนาดนี้ ใส่ไปดินเนอร์เดี๋ยวเขาก็งงนะ” 
นาตาลี : “เอาตรงๆ เลยนะ ตอนแรกลีเข้าใจว่าเราจัดเตรียมงานมาเยอะแล้ว ตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว ลีเข้าใจว่ามันเหลืออีกนิดเดียว คงใช้เวลาน้อยๆ จึงตัดสินใจจัดวันนี้เมื่อตอนปลายเดือนม.ค. เหลือเวลาอีกเดือนเดียว ลีคิดว่าโอ้ย ทัน แต่พอเอาจริงๆ เราขาดดีเทลอีกเยอะมาก แม้กระทั่งชุดก็ต้องแก้ (หัวเราะ) จาก 4 ปีที่แล้วก็มีการแก้ ทุกอย่าง ชุดนาตาชาก็เสร็จเมื่อคืน”

ฟลุค : “ของผมก็เสร็จเมื่อคืน เสร็จก่อนสองตัวเมื่อคืนหมด แก้ใหม่”

นาตาลี : “ทุกอย่างพอมาเข้าดีเทลจริงๆ งานเพิ่งจัดเสร็จเมื่อเช้ามั้ง กลายเป็นว่าวุ่นมาก เนื่องจากเวลาบีบคั้นจริงๆ กลายเป็นดีเทลอะไรต้องเปลี่ยนค่อนข้างเยอะ อย่างตอนแรกของชำร่วยทำแล้วก็ต้องเปลี่ยนใหม่ หลายอย่างก็ต้องเปลี่ยนใหม่ ปรับนิดๆ หน่อย แต่ก็มีเบสเดิมอย่างโรงแรมเราตั้งใจโรงแรมนี้ตั้งแต่แรก ธีมหลายอย่างก็ไม่ได้เปลี่ยน แต่ที่เปลี่ยนที่สุด ที่พิเศษสุดคือเรามีน้องนาตาชาค่ะ ถึงแม้เราต้องเลื่อนในวันนั้น”

ฟลุค : “มันไม่มีจังหวะจัดสักที จนวันที่เหมาะสม ในจังหวะที่เราคิดว่าเขาพูดได้แล้ว รู้เรื่องแล้ว”

นาตาลี : “เราก็รอด้วยค่ะ เขายังเด็กมาก ไม่รู้หรอกงานแต่งงานคืออะไร แต่พอใกล้วัน เริ่มเอาเขาตัดชุด ก็จะเล่าว่าจะมีงานแต่งแม่กับป่ะป๊านะ นาตาชาก็มาร่วมงาน เขาชอบดีสนีย์ เราก็บอกว่าเหมือนไปงานเต้นรำของเจ้าชายเจ้าหญิงเลยนะ เขาก็จะเริ่มตื่นเต้น แต่เขาไม่เข้าใจคำว่างานแต่งหรอก นาตาชาแล้วแต่อารมณ์มาก วันนี้น้ำตาแทบไหล ลุ้นมากว่าชุดที่เตรียมให้จะใส่หรือเปล่า เราทำค่อนข้างเวอร์ๆ ปรากฏลูกวิ่งหนีๆ เขาเป็นตัวของตัวเองมาก เขาจะเลือกสิ่งที่ใส่ไม่ใส่ เราก็คิดว่าไม่รอดแล้ว ก็ต้องเอาแบบที่น้อยที่สุด ผ้านุ่มที่สุด ให้เขาเลือกจับผ้าเอง เลือกผ้าไหนเอาอันนั้นเลยเขาจะได้แฮปปี้ แต่ก็ลุ้นกันว่าวันนี้จะเป็นอย่างที่ตั้งใจหรือเปล่า”

ฟลุค : “เมื่อกี้ใส่แล้ว แต่ก็ลุ้นว่าตอนเย็นจะใส่ไหม ต้องลุ้นต่อ”
 
นาตาลีร่ำไห้อบอุ่นที่มีลูกสาวร่วมงานด้วย
ฟลุค : “ผมว่ามันอบอุ่นดี มันครบดี”

นาตาลี : “พูดแล้วก็ปลื้มนิดนึง (ร้องไห้)”

ฟลุค : “อย่าร้องไห้สิ”

นาตาลี : “เขามาอยู่ตรงนี้ ในความโชคร้ายตอนนั้นที่ถูกเลื่อนงาน”

ฟลุค : “ซึ่งตอนนั้นเขาร้องไห้เยอะมาก เพราะมันเตรียมงานไปเยอะมากแล้ว ก็รู้สึกว่าทำไมต้องเป็นเรา ถ้าเราเร็วกว่านี้อีกอาทิตย์นึงมันก็จะไม่เกิดเหตุการณ์นี้ หรือเราไปจัดวันเดียวกับที่เราหมั้นและแต่ง เราฉลองเลยเหมือนที่หลายๆ คนทำ เราก็จัดได้แล้ว แต่เราเลือกไม่ทำวันเดียวกันเพราะเราคิดว่ามันน่าจะเหนื่อยไปสำหรับเราเองและผู้ใหญ่ของเรา เราก็คิดว่าแยกวันเถอะ พอแยกวันก็กลายเป็นไม่ได้จัด”

นาตาลี : “ตอนนั้นหลายอารมณ์มาก เรียกว่าเสียใจเลยดีกว่า แต่เป็นอะไรที่เข้าใจได้จริงๆ มันเป็นสถานการณ์โลก จัดไปเราก็ไม่แฮปปี้ แขกที่มาก็ไม่แฮปปี้ มันเป็นความกลัว ตอนนั้นเราไม่รู้เลยว่าอะไรคือโควิด มันหนักแค่ไหน พอเราประกาศเลื่อนปุ๊บ อีก 2 วันรัฐบาลก็ประกาศห้ามจัดงานแล้วค่ะ ยังไงก็ต้องเลื่อน พอมาวันนี้ก็เป็นความโชคดีแล้วแหละ ถึงวันนั้นจะเศร้าก็จริง แต่น้อยคนนะที่จะได้มีลูกมาร่วมงานแต่งด้วย เขาได้ร่วมโมเมนต์ เป็นความน่ารัก เป็นความทรงจำทั้งชีวิต ก็เลยคิดว่าเราโชคดีในวันนั้น หลายคนก็ถามว่าผ่านมา 4 ปียังแต่งอีกเหรอ ไม่เหนื่อยเหรอ ถ้าความรู้สึกลี ลีไม่เคยคิดจะล้มเลิก เรารู้สึกว่าวันนั้นเราตั้งใจ เรารักกันมาเป็นสิบปีแล้ว เราก็รู้สึกว่าสถานการณ์ วิกฤต เราควบคุมไม่ได้ แต่ลีจะไม่ปล่อยวิกฤตให้มาทำลายความตั้งใจของเราได้ ยังไงก็จะจัด แต่รอเวลาที่เหมาะสม”

ฟลุค : “วันนั้นที่เราจัดมีแค่ครอบครัวเป็นหลัก และเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว ไม่มีแม้กระทั่งเพื่อนสนิทหลายๆ คน เราก็รู้สึกว่าเราน่าจะมีโอกาสได้ฉลองกับเพื่อนของเรา และผู้ใหญ่ที่นอกเหนือจากญาติที่สนิท เพราะตอนนั้นห้องเล็กมาก ได้จำนวนแค่ประมาณนึง ตอนนี้เราได้โอกาสเหมาะสม ที่จะได้เชิญเพื่อนที่เรารักและครอบครัวของเราที่กว้างขึ้นให้มาด้วย แม้กระทั่งรุ่นเด็กด้วย เพราะตอนนั้นแม้แต่รุ่นเด็กก็ไม่มีโอกาสได้เข้าเลย”

นาตาลี : “ตอนนั้นตั้งใจอยู่แล้วว่าแต่งตอนเช้าเป็นครอบครัว ทุกคนเป็นตอนเย็น ฉะนั้นไม่ล้มเลิกค่ะ”

ฟลุค : “ผมว่าเป็นดวงของน้องนาตาชาว่าจะได้เกิดและได้มางานให้พ่อแม่แต่งให้เสร็จนะ แล้วหนูจะรีบเกิดและมางาน โควิดก็ซาช่วงไม่นานนี้เอง ถ้าเร็วกว่านี้น้องก็ยังไม่พร้อม เราก็ไม่พร้อม”

นาตาลี : “ปีแรกที่เขาเกิดก็ไม่มีใครพร้อม เพราะตอนนั้นก็โควิดอยู่ดี ปีที่แล้วก็คิด แต่เผอิญเราต้องไปอเมริกา จังหวะไม่ได้เลย แต่ปีนี้เราคิดว่าต้องแต่งแล้ว เพราะเราจะเปิดร้านอาหาร”

ฟลุค : “ถ้าไม่ทำตอนนี้ก็ต้องรอเลื่อนหลังจากเปิดร้านไป 2-3 เดือน ซึ่งอาจเป็นปลายปีก็ได้”

นาตาลี : “ก็เลยเอาดีกว่า เดี๋ยวจะนานเกินไป”

แพลนลูกคนที่ 2 ยังขอคิดก่อน ตอนนี้ฟินมีลูกสาวเป็นนาตาชา
ฟลุค : “คุณแม่ว่าไง”

นาตาลี : “กำลังถกกันเลยว่าจะเอายังไงดี ตอนแรกถ้าส่วนตัวอยากมี 2 คน ผู้ชายผู้หญิง พี่ฟลุคก็แล้วแต่ แต่พอมีนาตาชาเป็นผู้หญิง เขาน่ารักจริงๆ เราฟินมาก จนรู้สึกว่า...”

ฟลุค : “ผู้หญิงเถอะ”

นาตาลี : “ไม่ หมายความว่าเราฟินจนเรารู้สึกว่าหรือไม่ต้องมีอีกคนแล้ว เขาเติมเต็มจนเราอยากทุ่มเวลาให้เขาเต็มที่ เรารู้สึกว่าเราไม่ต้องการอะไรแล้ว ฟินสุดๆ กับนาตาชา แต่พอผ่านเวลามา ก็รู้สึกว่าหรือจะมีน้องให้เขาดี เอายังไงดี ถ้ามีจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ลืมผู้ชายไปเลย เพราะผู้หญิงฟินมาก แล้วพี่ฟลุคเขามีผู้ชายแล้ว”

ฟลุค : “ผมก็เลยสบาย อย่างน้องนาตาชา เขาเป็นคนห่วงคนสูงมาก สมมติเดินมา เขาจะเห็นทุกคน แล้วถามว่าทำไมพี่หล่อจัง พี่สวยจัง เขาชอบชมคน พูดแต่สิ่งดีๆ ตลอดเวลา”

นาตาลี : “เราก็เฮ้ย จะเอายังไงดี เสียดายคาแรกเตอร์ ถ้าเขามีน้องก็คิดว่าคงแฮปปี้ ตอนนี้เขายังไม่ 3 ขวบเลย ยังไม่รู้เรื่องอะไร คาแรกเตอร์เขาสวีตซะจนทำให้เราคิด ตอนนี้ยังเคาะไม่ได้ค่ะ (หัวเราะ)”

4 ปีเปลี่ยนไป เป็นคำว่าครอบครัว
นาตาลี : “ถ้าถามลี ตั้งแต่คบ เราไม่มีคำมั่นสัญญาอะไร เราไม่มีอะไรที่บอกว่าต้องเป็นแบบนี้ ต้องเป็นแบบนั้น แต่เราก็ใช้การกระทำมากกว่า แต่ถามว่า 4 ปีที่แล้วกับปีนี้เปลี่ยนไปไหม บอกได้เลยว่าเปลี่ยนไปมากเพราะมันเป็นคำว่าครอบครัวแล้ว เมื่อก่อนเราเป็นคู่รัก แต่งงานใหม่ๆ เดือนแรกๆ ก็คู่แต่งงานใหม่ แต่ช่วงหลังคือครอบครัวเต็มๆ มันเปลี่ยนแน่นอน”

ฟลุค : “คล้ายๆ กัน ตอนแรกชีวิตมีแค่เรา ตอนนี้มีน้องนาตาชา ก็กลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นครอบครัวมากกว่าคำว่าสองคน เราก็แฮปปี้กับสิ่งนี้มาก”

คบกันนาน 14 ปีเพราะความเข้าใจ
นาตาลี : “ความเข้าใจ และความเป็นตัวเอง ตลอดเวลาที่เราคบกัน เราเป็นตัวของตัวเองมาก ไม่มีใครแกล้งทำเป็นแบบโน้นแบบนี้ เป็นตัวเองกันตั้งแต่แรกๆ ทำให้เรารู้จักซึ่งกันและกันเยอะ มองก็รู้แล้วว่าคิดอะไร ทีนี้ก็จะตามมาด้วยความเข้าใจ เราก็เข้าใจว่าเขาเป็นแบบนี้”

ฟลุค : “อย่างตอนจัดงานก็แยกกันเลย ใครจะดูแลส่วนไหน เราก็ให้เขาตัดสินใจเป็นหลัก แม้กระทั่งความเห็น ให้ความเห็นน้อยมาก เพราะเราพูดอะไรออกไปหรือคิดอะไรออกไปมันอาจไม่เหมือนกันได้ เช่นเขาอาจชอบชนบท ชอบดอกไม้เยอะๆ ถ้าเอาความเป็นจริง ผมชอบในเมืองมากกว่า แต่เราจะชอบอาหารคล้ายๆ กันมากกว่า แต่ถ้าเราให้คนใดคนหนึ่งตัดสินใจไปเลย หลีกในบางเรื่องที่เราคิดว่าเขาเก่งกว่าเราแหละ ก็เหมาะสมแล้วที่เขาจะเป็นคนจัดการ แล้วงานแต่งงานจัดเพื่อเจ้าสาวอยู่แล้วก็ต้องตามใจเขา เขาอยากได้อะไรก็ต้องได้ แค่นั้น ไม่ต้องคิดเยอะ เขาอยากได้อะไรก็ทำ งานก็เลยออกมาอย่างที่เขาอยากให้เป็น เราไม่เคยมีปัญหากัน มันก็เลยง่ายส่วนเรื่องที่ผมเก่งและละเอียดเรื่องนี้ๆ เขาก็จะไม่ยุ่ง เขาให้ผมตัดสินใจ 100 เปอร์เซ็นต์ มันก็เลยไม่มีปัญหาอะไรกันเลย ค่อนข้างจะง่าย”

พิสูจน์คำปรามาส ไปกันไม่น่ารอด
ฟลุค : “ก็อาจเป็นอย่างนั้น แต่ผมคิดว่าเราเข้ากันได้ตั้งแต่ต้น เราคล้ายกันในหลายๆ เรื่อง เหมือนชอบอะไรเหมือนๆ กัน สมมติสั่งอาหาร มี 5 อย่าง เราต้องสั่ง 3 อย่าง ผมมั่นใจว่า 3 อย่างจะเป๊ะว่าชอบอะไร ผมรู้ว่าอะไรที่เขาไม่กิน และอันนั้นส่วนใหญ่ผมก็ไม่ชอบ ที่เหลือก็จะเป๊ะเกือบทุกอย่าง สั่งอาหารก็ไม่เคยมีปัญหา ใครหยิบเมนูไป ส่วนใหญ่ก็คือง่าย เพราะรู้ว่าอีกคนชอบอะไร”
 
ปรับจูนเข้าหากันเยอะหลังมีน้องนาตาชา
ฟลุค : “เยอะครับ เพราะเขาจะเป็นคุณแม่ที่อยากให้ลูกเป็นอย่างนี้ๆ เวลาต้องถูกต้อง ส่วนผมเองเป็นแนวไม่เป็นไรหรอก วันเดียว ไม่เป็นไรหรอกๆ เอางี้แหละ ถามว่าตามใจน้องไหม ผมเคยเป็นเด็ก ก็จำความเป็นเด็กของเราได้ เวลาแบบนี้ก็ปล่อยเราบ้างเถอะ เราก็โตมาได้ไม่เห็นเป็นไรเลย (หัวเราะ) แต่ทางเขาจะสตริ๊กกว่าในหลายๆ เรื่อง แต่ส่วนใหญ่ก็จะให้เขาแหละ”

นาตาลี : “ถ้าเรื่องลูกพี่ฟลุคจะปล่อยลีตัดสินใจ เขาเป็นสายชิลและสปอยอย่างเห็นได้ชัด ฉะนั้นเราก็ปรามๆ นิดนึง เพราะวิธีก็ต่างกัน เราไม่อยากให้ตามใจขนาดนั้น”

บอกความรู้สึกกันและกันทุกวัน
ฟลุค : “จริงๆ เราบอกกันทุกวันเลย บอกโดยไม่ต้องพูด มันก็รู้กันอยู่แล้ว เช่นก่อนนอน แค่จับมือ หรือชนไหล่

นาตาลี : “เหมือนวัวกระทิงเลย (หัวเราะ)”

ฟลุค : “มัน 14 ปีแล้ว ไม่มีอะไรที่เราไม่เคยพูดกันอยู่แล้ว สมมติทะเลาะกัน แค่สะกิดกันก็เข้าใจแล้วว่าขอโทษนะ บางทีไม่ต้องพูดขอโทษ แค่สะกิด”

นาตาลี : “ไม่ใช่สะกิดอย่างนั้นนะ (หัวเราะฮา) สมมติงอนกัน ถ้าลีงอนจะไม่พูด จะเงียบ พี่ฟลุคจะเขยิบมาทำเป็นแตะ ไม่ใช่สะกิดอย่างนั้นค่ะ เขาจะแตะหยั่งเชิง”

ฟลุค : “แตะแล้วขยับหรือเปล่าวะ (หัวเราะ)”

นาตาลี : “แตะแล้วเว้นสักพักแตะใหม่ (หัวเราะ) อะไรอย่างนี้ นี่คือวิธีง้อ”

ฟลุค : “อย่างเอาขาไปก่าย ถ้าก่ายได้ก็โอเค ได้แล้ว”

นาตาลี : “ถ้าปัดขาทิ้ง ขยับ สักพักเขาจะมาใหม่ แต่พี่ฟลุคเขาเป็นสายชิล มีอะไรเขาก็จะพูดๆ บ่นเลย ว่าเลย แล้วเขาก็จบไป”

ฟลุค : “ใช่ ผมไม่เก็บ มันเลยไม่มีปัญหา”

นาตาลี : “แต่ลีกว่าจะพูดมันผ่านการกลั่นกรองมาแล้ว บางทีถึงขั้นเงียบ เขาก็จะรู้จังหวะ”

ลึกๆ หวังว่าจะมีฮันนีมูน
ฟลุค : “เรากำลังจะเปิดร้าน ร้านที่เราจะเปิดมีความจำเป็นว่าต้องไปเทรนที่อเมริกา 1 เดือนด้วยกัน เราก็คิดว่าจะพานาตาชาด้วย มันไม่ใช่ฮันนีมูนหรอก แต่เป็นทริปไปทำงาน”

นาตาลี : “ทริปล่มไปแล้วเมื่อ 4 ปีที่แล้ว โบลาโบล่า”

ฟลุค : “อย่าได้ไปเลย จองเครื่องบินยากมาก”

นาตาลี : “เขาไม่รับคนไทย เขายอมคืนเงิน เขาไม่ให้เราไป (หัวเราะ) แต่เราก็ไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะสุดท้ายก็ห้ามบิน ฮันนีนมูนลึกๆ หวังว่าจะมี แต่วันไหนก็ไม่รู้”

ฟลุค : “ผมว่ายาก เพราะไปไหนก็จะคิดถึงแต่นาตาชา เราไม่สามารถไปไหนได้นานโดยไม่มีลูกได้นานแน่ๆ จะเปลี่ยนย้ายมาโรงแรม ตอนเที่ยงๆ ไปเจอลูกงี้เหรอ มันไม่มีทางจากลูกได้เกิน 4 วัน ยากไป”

ติดลูกมาก แต่ยังรักงานในวงการ
นาตาลี : “ที่ผ่านมาติดลูกมาก ยอมรับค่ะ เลี้ยงลูกเป็นหลักจริงๆ มันไม่ค่อยมีเวลาเลย แต่ถ้าถามลี ลีรักงานในวงการมาก รักที่จะเล่นละคร รักงานในวงการ ถ้ามีโอกาสดีๆ ที่เหมาะ ตอนนี้เขาก็เริ่มโตแล้ว ก็คิดว่าอาจจะมีสิทธิ์ที่มีเวลามา หวังว่าจะได้เห็นกัน”

หยอดหวาน เพราะรักเลยตามใจนาตาลีทุกอย่าง
ฟลุค : “ขอบคุณคนที่ติดตามเราและให้กำลังใจมาตลอด ขอบคุณมากๆ นะครับ แล้วมีแฟนๆ น้องนาตาชาเยอะมาก หลายคนพูดว่าเมื่อก่อนเป็นแฟนคุณพ่อ ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นแฟนน้องอชิ น้องนาตาชาแล้ว เราก็ดีใจที่เอ็นดูลูกเรา ไปไหนก็ตาม เวลาไปห้าง ไปกินข้าว จะมีหลายคนมาขอถ่ายรูปน้องนาตาชาตลอดเลย เรารู้สึกดีใจมาก แต่มีบางรอบ น้องอาจง่วงแล้ว ก็ขอโทษล่วงหน้าไว้ก่อนเลย หรือขอโทษที่ผ่านมาแล้วด้วย เพราะน้องเขาบางทีไม่ยอมถ่าย แต่บางทีเขาก็ยิ้มยอมให้ถ่าย ก็แล้วแต่จังหวะ”

นาตาลี : “ขอบคุณทุกคนในที่นี้ก่อน แม้จะผ่านมากี่ปี ยังสนับสนุนกัน ยังรักกันอยู่ขอบคุณมากๆ ขอบคุณทุกคนที่เอ็นดูคู่เรา ติดตามคู่เรา เอ็นดูนาตาชาด้วย ฝากครอบครัวเราไว้ด้วย สำหรับพี่ฟลุค ก็ขอบคุณนะคะที่ตามใจตลอด (ร้องไห้) เราจะทำอะไรที่ผ่านมาทั้งหมด พี่ฟลุคเขาไม่เคยพูดอะไรหวานๆ ไม่ใช่คนสวีต ไม่โรแมนติกอะไร แต่เขามีการกระทำให้เรารู้ว่าเขารักนะ เขาจะตามใจเป็นคนโชะๆ ชัดเจนว่าต้องการอะไรก็จริง แต่พอสุดท้ายจะมาถามเราตลอดว่าเราคิดยังไง อย่างงานวันนี้ก็บอกว่าให้จัดเลย ที่ผ่านมา 14 ปี เขาก็จะเป็นแบบนี้”

ฟลุค : “เขิน ปกติก็จะรู้อยู่แล้วว่าเราเป็นคู่ที่เข้ากันได้ ถามว่าเวลาให้น้องลีตัดสินใจ ลึกๆ ผมคิดว่าสุดท้ายแล้ว มันจะคิดไม่ต่างกันเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ เขาอยากทำอะไรก็ตาม ในเมื่อต่างกันไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ เราก็ให้เขามีความสุขในสิ่งที่เขาอยากจะทำดีกว่า อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้น วันนี้น่าจะเป็นวันสำคัญในชีวิตเขาวันนึง สำหรับผมด้วย แต่เขาก็คิดมาตั้งแต่เด็กว่าวันนึงจะแต่งงานยังไง ผู้ชายจะมองอีกแบบ ผมว่าส่วนใหญ่ผู้ชายจะมองว่าชีวิตครอบครัวเป็นยังไง ลูกจะเป็นยังไง อนาคตจะเป็นยังไง แต่ผู้หญิงจะมองวันแต่งงานสำคัญมาก ดังนั้นผมคิดว่าในเมื่อเป็นวันสำคัญของเขา เราก็ควรตามใจเขาให้มากที่สุด คงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเจ้าสาว ว่างานจะสวยแค่ไหน ผมคิดว่าเขาน่าจะคิดมาตั้งแต่ 5 ขวบ”

นาตาลี : “ไม่จริง (หัวเราะ) ขอแก้ข่าว ไม่เคยคิดเลยว่าแต่งงานจะเป็นยังไง ธีมนี้คิดไว้เมื่อตอน 4 ปีที่แล้ว (หัวเราะ)”

ฟลุค : “แต่ส่วนใหญ่เจ้าสาวจะคิดมานานแล้ว ก็รักก็เลยตามใจ แค่นี้เขินแล้ว อย่าร้องไห้สิ”

นาตาลี : “อันนี้เขาเรียกร้องด้วยความปลื้ม (หัวเราะ)”