“โน้ต เชิญยิ้ม” แฮปปี้ฟ้าเปิด งบไม่อั้น สร้างหนัง “หลวงพี่เท่ง Come Back” ปรึกษากูรูศาสนา ไม่อยากให้เกิดดรามา บอกอยากฉลองรายได้ 500 ล้าน ให้เกียรติเด็กรุ่นใหม่ ชี้มีประโยชน์ เด็กสมัยนี้ฉลาด รู้มากกว่าตน เอามาปรับใช้ ลูกๆ ไม่อยากให้ทำงานหนักแล้ว
หวนกลับมาอีกครั้งในรอบ 19 ปี สำหรับภาพยนตร์เรื่อง หลวงพี่เท่ง Come Back ที่สองตลกรุ่นเก๋า “โน้ต เชิญยิ้ม” บำเรอ ผ่องอินทรกุล และ “เท่ง เถิดเทิง” พงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ นั่งแท่นกำกับคู่กัน อำนวยการสร้างโดย พระนครฟิลม์ ซี่งมีการบวงสรวงไปเรียบร้อยแล้ว ณ บริษัท พระนครฟิลม์ จำกัด ประชาชื่น 48 โดย โน้ต เชิญยิ้ม เผยว่าการกลับมาทำเรื่องนี้ ได้ขอคำปรึกษาจาก “อาจารย์จตุรงค์ จงอาษา” นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา
“เรื่องพระที่ทำเราก็ระวัง ช่วงต้นพอเขียนบทก็ได้ให้ทีมงานโทร.ไปหาอาจารย์จตุรงค์ จงอาษา ถามท่านว่าอันนี้ๆ ได้หรือไม่ได้ แล้วผมก็เป็นเด็กที่โตมากับวัด เรารู้ว่าสิ่งใดที่เรียกว่าโลกวัชชะ คือโลกติเตียน เราก็พยายามห่างๆ เราสร้างหลวงพี่เท่งคัมแบ็ก คือเป็นพระสอน ไม่ใช่พระเสพ ดังนั้นจึงมีหลักธรรมในตัวไดอะล็อกของมันที่อยู่ในนั้น มันจะมีคำสอดแทรกอยู่ในนั้นอยู่แล้ว เราระวังมาก เพราะเราเป็นคนพุทธ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ เราก็ระวังตรงนี้อยู่แล้ว
แต่ก็ลุ้นเรื่องดรามานี่แหละ แต่ผมจะพยายามทำไม่ให้มี สมมติถ้ามีเราก็จะน้อมรับ ก็อยากให้ติเพื่อก่อ อย่าติเพื่อทำลายเรา ติเพื่อให้กำลังใจพวกเราดีกว่า เพราะพวกเรามีแต่ความตั้งใจ เรื่องงบก็ไม่อั้นด้วย เมื่อวันที่ 29 คุยกับเฮีย เฮียยังบอกว่าขาดเหลือยังไงก็บอกเลย อย่าเกรงใจ พอฟังคำนี้ฟ้าเปิดมาก เราถึงอยากจะเอาใครเข้ามาเป็นสีสันในเรื่องเรา ว่าบางซีนมันน่ามีไอ้คนนี้ บางทีน่ามีไอ้คนนั้นเป็นต้น เดี๋ยวเอาไว้ไปเซอร์ไพรส์กันในหนังครับ”
เผยช่วงนี้พยายามคุมเรื่องอาหาร เพราะมีภาวะเบาหวานขึ้นนิดหน่อย
“ปีนี้อายุ 70 แล้วครับ ผมมีปัญหาเรื่องเข่าบ้างนิดหน่อย แต่อย่างอื่นไม่เป็นไร แต่มีเบาหวานแถมมานิดนึง แค่ก็คุมอยู่ เพราะผมเป็นคนกินง่ายไง ใครจัดอะไรมาก็กิน เวลาอยู่ในกองถ่าย หรือเวลาอัดรายการเราก็กินหมด อาทิตย์หน้าก็ต้องไปเจาะเลือดดูค่าน้ำตาลว่าเป็นยังไง ตอนนี้ก็ต้องดูแลเรื่องอาหารเยอะ กินผลไม้ คุณหมอก็แนะนำมา ก็ต้องห่วงตัวเองหน่อย โดยเฉพาะพอเปิดกล้องหนังมันจะหนักมากกว่าเก่า เพราะงานทีวีเราก็จะทุกวันอยู่แล้ว 3 รายการของเวิร์คพ้อยท์
ลูกๆ ก็ห้ามทุกคน แต่จะบอกกับลูกว่าถ้าป๋าอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยมันจะเหนื่อย แต่ถ้าทำงานแล้วมันไม่เหนื่อย ผมก็คิดว่าทำงานให้เหมือนไปเที่ยว ทุกอย่างจะมีความสุข คือต้องเอาธรรมะเข้าช่วย จะทำหนังพระแล้ว โลภ โกรธ หลง โกรธให้น้อย โลภให้น้อย สิ่งที่เราอยากได้ อยากได้รถยี่ห้อนั้น อยากได้นั่นโน่นนี่ พอมาคิดอีกทีมันก็ไม่มีประโยชน์ที่เราจะคิด เมื่อไม่ได้ดั่งใจเราก็จะโกรธตัวเอง หรือทำงานเราจะไม่โกรธใครเลยแม้แต่คนขับรถปาดหน้า แม้แต่คนบีบแตรใส่ ผมก็เปิดกระจกแล้วยิ้มให้เขา และขอโทษเขา ผมว่ามันดูดีกับจิตใจและความรู้สึกเรา ถ้าเรามัวไปโลภโกรธหลง ต่างคนต่างจากไปแล้ว แต่เรายังหงุดหงิดกลับถึงบ้าน เข้าบ้านก็ยังหน้างอ
เวลาทำงานผมก็จะให้เกียรติกับเด็กทุกคน หยอกล้อเล่น เราพยายามให้ทุกคนเท่าผมให้หมด ไม่ใช่วัยวุฒิเราขนาดนี้แล้วเด็กต้องกู ไม่ เราต้องฟังเด็ก การฟังเด็กโคตรได้ประโยชน์เลย เพราะเด็กสมัยนี้มันฉลาด มันรู้มากกว่าเราอีก แล้วบางอย่างเราก็เอามาใช้ บางทีออกทีวีก็เป็นบางคำที่เด็กมันพูดกัน คนดูก็ชอบเราว่าร่วมสมัย หรือพอมีเด็กมาบอกมุกเราในรายการ พอเราเล่นให้ เด็กมันก็จะยิ้มกันใหญ่ ผมก็บอกเลยว่าเดี๋ยวมาฉลอง 500 ล้านกัน (หัวเราะ) สาธุถ้ามันเป็นได้ก็ดี คือคุยกับเท่งว่าเราจะไม่ตั้งตรงนั้น เราตั้งใจอย่างเดียว แต่ไม่ได้ตั้งหวัง ทุกคนมีหวังหมด แต่อย่าไปหวังเยอะกว่าตั้งใจ”
