กลายเป็นดรามาขึ้นมาไม่น้อยทีเดียวหลังแฟนเพจสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ได้มีการให้การโพสต์ภาพของคณะดูงานที่มาจากประเทศกัมพูชา พร้อมข้อความระบุว่า...
อาจารย์วรรณะ โสม คณบดีมหาวิทยาลัยปัญญาศาสตร์ ประเทศกัมพูชา และ Dr. ly rasmey secretary of state of the ministry of land management urban planning and construction, Cambodia และคณะ เข้าเยี่ยมชมการปฏิบัติงาน ณ กลุ่มงานเทคโนโลยีการหล่อ กลุ่มประติมากรรม และเข้าชมผลงานศิลปกรรมของสำนักช่างสิบหมู่ ณ ห้องจัดแสดงงาน อาคารศูนย์ศิลปะและการช่างไทย สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร โดยมีเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเทคโนโลยีการหล่อ และศูนย์ศิลปะและการช่างไทย ให้การต้อนรับ
โดยโพสต์ดังกล่าวได้มีคนไทยเข้าไปแสดงความเห็นกันมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ต่างแซะไปยังคณะดูงานของกัมพูชากลุ่มดังกล่าวทำนองว่าตกลงว่าจะมาดูงานหรือมาก็อปงานกันแน่
ขณะที่บางส่วนก็อดที่จะตั้งคำถามไปยังสำนักช่างสิบหมู่ทำนองว่าเหมาะสมแล้วหรือที่อนุญาติให้คณะดูงานจากกัมพูชากลุ่มนี้เข้ามา โดยเฉพาะในส่วนรายชื่อของ “ลี รัศมี” (Dr. ly rasmey) ที่ชาวเน็ตไทยเรียกเจ้าตัวว่า เขมรนักก็อป
ย้อนกลับไปเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว อาจารย์สอนศิลปะซึ่งมีตำแหน่งเป็นเลขาธิการกระทรวงการจัดการที่ดิน การวางผังเมืองและการก่อสร้างของกัมพูชาคนนี้เคยถูกจับผิดว่ามีการก็อปปี้จิตรกรรมฝาผนังรูปช้างที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน ไปใช้ในการออกแบบวัดแห่งหนึ่ง กระทั่งเจ้าของผลงานตัวจริงต้องออกหนังสือประนามการกระทำดังกล่าว แต่เนื่องจากทางเขมรยังไม่เดินหน้าก่อสร้างทำให้ไม่เข้าข่ายการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อประโยชน์ทางการค้าจึงเอาผิดทางกฎหมายไม่ได้
นอกจากนี้หากใครที่ติดตามเฟซบุ๊กของเจ้าตัวก็จะพบว่าอาจารย์ศิลปะเขมรคนนี้มักจะมีงานออกแบบในงานก่อสร้างที่เรียกว่าแทบจะถอดแบบเอกลักษณ์ความเป็นไทยมาแทบทั้งนั้น ทั้ง อาคารกระทรวงที่ดิน อาคารกระทรวงมหาดไทยกับยอดแหลมๆ ที่ไม่ใช่งานศิลปะที่จะเห็นในกัมพูชาแต่อย่างใด
หรือแม้แต่โพสต์เกี่ยวกับการก่อสร้างเจดีย์แห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมาก็เห็นได้ชัดว่างานบางส่วนนั้นเอามาจากลายไทยชัดๆ
อย่างไรก็ตาม หลังชาวเน็ตไทยได้เข้ามาดรามาถึงเรื่องทางเพจสำนักช่างสิบหมู่ก็ได้มีการลบโพสต์การมาดูงานของคณะเขมรออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ชาวเน็ตรายหนึ่งระบุว่าการมาดูงานครั้งนี้มีหนังสือมาจากกัมพูชาซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ลำบากใจแต่ไม่สามารถปฏิเสธได้ พร้อมแจงว่าการดูงานนั้นใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงโดยมีเงื่อนไขคือห้ามถ่ายภาพและทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการสอนหรือแนะนำองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับศิลปไทยแต่อย่างใด