ประสบความสำเร็จอย่างสวยงามตลอด 3 ซีซั่นที่ผ่านมา สำหรับ “THE POWER BAND” เวทีประกวดวงดนตรีสากลคุณภาพระดับประเทศที่ทวีความเข้มข้นขึ้นทุกปี และพร้อมออกสตาร์ทซีซั่นที่ 4 แล้ว ภายใต้คอนเซปต์ “Let The Music Power Your World เป็นได้สุด เป็นไปได้ ด้วยพลังแห่งดนตรี” ชิงรางวัลรวมกว่า 2 ล้านบาท! พร้อมร่วมทำซิงเกิลกับโปรดิวเซอร์มืออาชีพ และโอกาสในการร่วมแสดงในเทศกาลดนตรีระดับประเทศ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า “THE POWER BAND” คืออีกหนึ่งเวทีประกวดวงดนตรีสากลคุณภาพระดับประเทศ ซึ่งได้รับการยอมรับทั้งจากผู้ปกครอง คณาจารย์ ตลอดจนผู้มีประสบการณ์ทางด้านดนตรีมากมาย ทั้งในเรื่องมาตรฐานและคุณภาพ และ THE POWER BAND 2024 SEASON 4 จะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของนักดนตรีตัวจริงมากความสามารถ โดย คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมภายใต้กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผนึกกำลังวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย 6 ค่ายเพลงดัง ทั้ง Muzik Move, LOVEiS Entertainment, Small Room, What The Duck, Warner Music Thailand และ XOXO Entertainment
ด้วยการเล็งเห็นถึงศักยภาพและการเติบโตของวงดนตรีไทยผ่านเวที THE POWER BAND คิง เพาเวอร์ จึงพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ด้วยความเชื่อมั่นว่าเวทีนี้มีบทบาทสำคัญในการช่วยสนับสนุน จุดประกายให้นักดนตรีได้พัฒนาฝีมือ และต่อยอดความฝันของตนเองตรงกับคอนเซปต์การประกวดที่ว่า “Let The Music Power Your World เป็นได้สุด เป็นไปได้ ด้วยพลังแห่งดนตรี”
ทั้งนี้จากการ ให้ข้อมูลโดย นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ระบุว่า การประกวดครั้งนี้ได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้คร่ำหวอดในแวดวงดนตรีทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง อาทิ เช่ - อัคราวิชญ์ พิริโยดม หัวหน้าสาขาวิชาดนตรีสมัยนิยม วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล, พล - คชภัค ผลธนโชติ ผู้บริหารค่าย Boxx Music และ Zircle Muzik, ติ๊ก - กฤษติกร พรสาธิต ผู้บริหารค่าย Home Run Music และ เป้ - ไพสิฐ คำกลั่น Music Director ค่าย Melodic Corner เป็นต้น โดยการประกวดครั้งนี้ชิงรางวัลรวมกว่า 2 ล้านบาท! พร้อมร่วมทำซิงเกิลกับโปรดิวเซอร์มืออาชีพ และโอกาสในการร่วมแสดงในเทศกาลดนตรีระดับประเทศ
“ตลอดระยะเวลาที่จัดงานมา 3 ปี และปีนี้เป็นปีที่ 4 ที่เราได้รับความร่วมมือจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และค่ายเพลงชั้นนำของประเทศ รวมทั้งพาร์ทเนอร์ที่อยู่ในวงการดนตรีของไทย เราเชื่อว่า นี่คือเวทีสำคัญอีกเวทีหนึ่งที่น้อง ๆ และบุคคลทั่วไปจะได้โชว์ศักยภาพด้านดนตรีของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ โดยแต่ละปีมีผู้สมัครเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งทำให้เราได้เห็นพัฒนาการของน้อง ๆ รวมทั้งในรุ่นของบุคคลทั่วไปด้วยเช่นกัน ผมเชื่อว่า นี่จะเป็นพลังที่ช่วยจุดประกายให้กับทุกคนที่มีใจรักดนตรีได้เห็นว่า จริง ๆ แล้ว เรามีเวทีระดับโลก ระดับประเทศ ซึ่งเปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงศักยภาพ และอีกอย่างหนึ่งซึ่งผมมั่นใจก็คือ การมีมิวสิกแคมป์ ซึ่งเป็นการถ่ายทอดทักษะจากผู้ที่อยู่ในวงการจริง ๆ นับเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยาก”
ดังนั้นแล้ว THE POWER BAND จึงไม่เพียงแต่เปิดโอกาสให้นักดนตรีทุกคนได้แสดงความสามารถแบบไร้ขีดจำกัดเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีที่ให้ทุกคนได้สะสมประสบการณ์อันล้ำค่าที่ไม่อาจหาได้จากที่ไหน ไม่ว่าจะเป็น THE POWER BAND MUSIC CAMP ซึ่งเริ่มมีตั้งแต่ซีซันที่ผ่านมา โดยรวบรวมมิวสิกกูรูระดับประเทศกว่า 20 คน มาถ่ายทอดความรู้ ความเชี่ยวชาญทางด้านดนตรีทุกแขนงให้กับผู้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศกว่าร้อยชีวิต, การได้ออกซิงเกิลเพลงและมีมิวสิกวิดีโอเป็นของตัวเอง, ได้แสดงฝีมือทางดนตรีให้ผู้บริหารค่ายเพลงชั้นนำได้ชม สร้างโอกาสในการเข้าร่วมงานแม้ไม่ได้เป็นผู้ชนะ
“ทั้งหมดนี้เป็นการตอกย้ำว่า THE POWER BAND เป็นเวทีแห่งโอกาสที่ถึงแม้ว่าทุกคนจะไม่สามารถเป็นผู้ชนะได้ แต่สามารถที่จะได้รับโอกาสในการทำตามความฝัน และนำความรู้ ประสบการณ์ที่ได้จากการประกวดไปต่อยอดในอนาคตได้” นายอภิเชษฐ์ กล่าวย้ำด้วยความเชื่อมั่น
แน่นอนว่า การประชันฝีมือทางดนตรีบนเวทีแห่งนี้ ทวีความเข้มข้นขึ้นทุกปี จากการเปิดเผยข้อมูลโดย ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ทำให้รู้ว่า ที่ผ่านมา มีนักดนตรีที่ฉายแววโดดเด่นบนเวทีและมีโอกาสได้ทำงานจริงในแวดวงดนตรี ซึ่งถือเป็นการต่อยอดที่ประสบความสำเร็จไปอีกขั้น และในปีนี้ยังมี 6 ค่ายเพลงชื่อดังในไทยมาเสริมทัพเพื่อเพิ่มโอกาสในการก้าวสู่การเป็นศิลปินอาชีพ พร้อมการลงพื้นที่ในรอบโซนนิ่งแสดงสด เพื่อไปคัดเพชรเม็ดงามจาก 5 สนามแข่งขันทั่วประเทศมาประชันฝีมือในรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ
“ผมคิดว่า สิ่งที่คิง เพาเวอร์ กำลังทำ สิ่งที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ และทุก ๆ กำลังทำร่วมกันนี้ เราไม่ได้เพียงแค่จัดการแข่งขัน แต่เรากำลังสร้างสรรค์บุคลากรที่ดีให้กับประเทศ เรากำลังสร้างสรรค์บุคลากรด้านดนตรีที่เก่ง และสามารถไปต่อยอด สู้กับคนอื่น ๆ ทั่วโลกได้”
ดร.ณรงค์ กล่าวด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่น พร้อมเผยไฮไลต์สำคัญอีกอย่างของการประกวดในปีนี้ที่มีการปรับเกณฑ์เล็กน้อย รวมถึงตัวแปรที่สำคัญอีกประการที่ส่งผลต่อคะแนน ซึ่งต้องบอกว่า น่าสนใจและเป็นประโยชน์อย่างมากต่อน้อง ๆ ที่จะเข้าร่วมแข่งขัน
“ในรุ่นบุคคลทั่วไป หรือ Professional Class น้องที่อายุต่ำกว่า 18 ก็สามารถเข้าร่วมแข่งขันได้ ถ้าน้องอยากข้ามรุ่นและมั่นใจว่าน้องทำได้ แต่อีกข้อที่เราอยากให้มีและอยากแนะนำให้กับน้อง ๆ ที่จะเข้าแข่งขันก็คือ เรื่อง มิวสิกแคมป์ จะไม่ได้พูดกันเฉพาะแค่เรื่องเล่นดนตรีแล้ว เราจัดการประกวดมา 3 ปี เราเห็นแล้วว่า น้อง ๆ เล่นดนตรีกันได้เก่งมาก แต่สิ่งที่น้องต้องมีเพิ่มเติมก็คือ องค์ประกอบอื่น ๆ อย่างเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม การเอนเตอร์เทนคนดู การจัดการชีวิตตัวเองในฐานะที่เป็นนักดนตรีมืออาชีพ เป็นต้น อันนี้คือสิ่งที่เราต้องการเตรียมให้เขา เพราะฉะนั้น การที่ผู้ปกครองส่งลูกหลานมาแข่งที่นี่ ถึงแม้จะไม่ชนะ อย่างน้อย ๆ น้องจะได้รับประสบการณที่ดีกลับไป น้องจะรู้จักวิธีบริหารจัดการตัวเอง สำหรับการเป็นนักดนตรีมืออาชีพในอนาคตได้อย่างแท้จริง”
จากคำกล่าวของ ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ สอดคล้องกับมุมมองของ ดนุภพ กมล รองกรรมการผู้จัดการบริษัท มิวซิกมูฟ จำกัด ซึ่งผู้ชนะเลิศจะได้ร่วมทำซิงเกิลเพลงและมิวสิกวิดีโอกับค่ายเพลงนี้ภายใต้การดูแลของ บริษัท มิวซิกมูฟ จำกัด โดย ดนุภพ ได้ให้ข้อมูลที่เชื่อว่าน้อง ๆ ต้องว้าวอย่างแน่นอน นั่นก็คือ ตั้งแต่ เริ่มจัดการแข่งขัน ค่ายเพลงจะมีการส่งศิลปินไปให้กำลังใจและให้แรงบันดาลใจถึงสนามแข่ง 5 สนามทั่วประเทศ โดยมีศิลปินรุ่นพี่ที่ไปเป็นคอมเมนเตเตอร์หรือเป็นกรรมการ น้อง ๆ สามารถสอบถามได้หรือขอคำแนะนำจากพี่ ๆ ในมุมมองของการประกวดได้
“และที่สำคัญ เมื่อการประกวดเสร็จสิ้นแล้ว นอกจากรางวัลที่ทางคิง เพาเวอร์ มอบให้แล้ว เราจะมีรางวัลให้สำหรับผู้ชนะได้ทำเพลงกับค่ายเพลง ตรงนี้แหละครับ น้อง ๆ ก็จะได้เข้ามาทำงานในวงการอุตสาหกรรมดนตรีแบบจริง ๆ นอกจากทำซิงเกิลแล้ว ก็จะมีการทำเอ็มวีด้วย เป็นประสบการณ์ที่ให้น้อง ๆ ได้สัมผัสกับการทำงานจริง ๆ และก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองในมุมของการทำงาน และนอกจากรางวัลสำหรับผู้ชนะ ยังมีความพิเศษอีกอย่าง คือ ถึงแม้ไม่ใช่ผู้ชนะ แต่ถ้าน้องมีความโดดเด่นมาก ๆ ค่ายเพลงก็จะเข้าไปคุยและดึงตัวเข้ามาเซ็นสัญญาทำซิงเกิลเช่นกัน นี่นับเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่น้อง ๆ จะได้รับ ถึงแม้จะไม่ใช่ผู้ชนะก็ตามที” ดนุภพ กมล ให้ข้อมูลซึ่งน่าสนใจและเชื่อว่าน่าจะโดนใจน้อง ๆ อย่างแน่นอน
เพราะการแข่งขันเป็นเพียงจุดเริ่มต้น และโอกาสยังเปิดกว้างอีกมากสำหรับน้อง ๆ ที่มีใจรักและมีทักษะด้านดนตรี ซึ่งข้อมูลจาก ชลากรณ์ ปัญญาโฉม กรรมการบริษัท ผู้บริหารค่ายเพลง XOXO Entertainment ถือว่ากระตุ้นแรงบันดาลใจได้อย่างมาก โดยเขาบอกว่า อุตสาหกรรมเพลงในช่วง 2-3 ปีหลังมีการขยายตัวมาก ค่ายเพลงเยอะขึ้นเรื่อย ๆ และทุกค่ายเพลงเหล่านี้ก็พยายามมองหาน้อง ๆ รุ่นใหม่ที่จะมาเป็นศิลปินใหม่เพิ่มขึ้น พร้อมที่จะปั้นสตาร์ดวงใหม่ให้กับวงการ ซึ่งเวทีประกวดก็นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ค่ายเพลงเหล่านี้จับจ้องมองดู และถ้าน้อง ๆ สามารถเฉิดฉายเข้าตาหรือมีแววโดดเด่น เมื่อค่ายเพลงเหล่านี้มองเห็น ก็จะเป็นโอกาสให้น้อง ๆ ได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางนักดนตรีอาชีพได้เช่นกัน
พร้อมกันแล้วใช่ไหม ที่จะฉายแสงทักษะด้านดนตรีให้เป็นที่ประจักษ์ ถ้าพร้อมแล้วอย่ารอช้า รีบส่งใบสมัครเข้ามาได้เลยตั้งแต่วันนี้ ถึง 2 สิงหาคม 2567 โดย THE POWER BAND 2024 SEASON 4 แบ่งกลุ่มการแข่งขันออกเป็น 2 รุ่น คือ รุ่นมัธยมศึกษา สุดยอดวงดนตรีระดับมัธยมฯ (High School Class) และรุ่นบุคคลทั่วไป เส้นทางสู่ศิลปินมืออาชีพ (Professional Class : Road to Artist) โดยรอบโซนนิ่งแสดงสด แบ่งสนามการแข่งขัน ดังนี้ สนามที่ 1 กรุงเทพมหานคร, สนามที่ 2 จังหวัดขอนแก่น, สนามที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่, สนามที่ 4 จังหวัดสุราษฎร์ธานี และสนามที่ 5 จังหวัดนครปฐม ใครสะดวกที่ไหน ใกล้ที่ไหน ไปที่นั่น
ทั้งนี้ วงที่ผ่านเข้ารอบจะได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ THE POWER BAND MUSIC CAMP เพื่อเรียนรู้เทคนิคทางดนตรีต่าง ๆ จากมิวสิกกูรูระดับประเทศอีกด้วย ผู้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมประกวดและติดตามรายละเอียด กติกาการสมัคร ได้ทางเว็บไซต์ : www.music.mahidol.ac.th/thepowerband
#KingpowerThaipowerพลังคนไทย #ThePowerBand #LetTheMusicPowerYourWorld #THEPOWEROFPOSSIBILITIES #THEPOWERBAND2024