“หญิง รฐา” ยอมรับติดอันดับดาราที่ทำศัลยกรรม 1-3 มาตลอด แต่บอกที่ต้องแก้จมูกใหม่เพราะทำมา 10 ปีแล้ว ถึงเวลาที่ต้องแก้ สิ่งเดียวที่ไม่ทำคือทุบโหนก ทุบกราม ส่วนสามีไม่ห้าม เพราะห้ามไม่ทัน แต่เป็นห่วง เพราะทุกการผ่าตัดย่อมมีความเสี่ยง ลั่นอีก 2 ปีไม่มีลูกวิธีธรรมชาติ “แม่น้อย” ก็ทำใจแล้ว ไม่พึ่งมู ไม่พึ่งแพทย์
เป็นศิลปินหน้าใหม่ตลอดเวลาจริงๆ สำหรับนักร้อง-นักแสดงสาว “หญิง รฐา โพธิ์งาม”ที่ล่าสุดไปแก้จมูกมาใหม่อีกแล้ว แต่เจ้าตัวเผยว่าครบ10 ปีที่ต้องถึงเวลาต้องแก้พอดี โดยเจ้าตัวเผยถึงเรื่องนี้ในงาน Grand Opening “Siam Pavalai Royal Grand Theatre by Krungthai-AXA Life” ณ ชั้น6 ศูนย์การค้าสยามพารากอน บอกว่าไม่ใช่นึกอยากทำก็ทำ แต่มันถึงเวลาต้องแก้ไขแล้วจริงๆส่วนเรื่องลูก หาก 2 ปีไม่มาวิธีธรรมชาติ “แม่น้อย โพธิ์งาม” ก็ตัดใจแล้ว
“ก็ขอสวัสดีพี่ๆ ทุกคนนะคะ เป็นศิลปินหน้าใหม่ค่ะ ปีนี้หมอดูไม่ได้ทักอะไร อยากให้ทักเหมือนกัน (หัวเราะ) แต่ก็โอเคแล้ว แฮปปี้แล้ว ก็คิดว่าในช่วงระยะเวลา 5 ปีน่าจะยังไม่ทำอะไร แต่ก็มีคิดๆ เหมือนกัน เพราะเห็นใครๆ เขาทำกัน เราก็อยากนิดนึง แต่ตอนนี้ยังหรอกค่ะ ยังโอเคอยู่ ตอนนี้แฮปปี้หน้านี้อยู่
หน้านี้รับทรัพย์ยังไงบ้างเหรอ จริงๆ ก็มีงานเรื่อยๆ มีละคร มีงานติดต่อมาเรื่อยๆ แต่ที่แน่ๆ เลยคือภาพของการเป็นนักร้องของเรากลับมามากขึ้น จากที่เราไม่ค่อยได้มีงานร้องเพลง หลังๆ ก็มีงานคอนเสิร์ต แม้แต่งานนี้เองก็ได้ร้องเพลง ก็ยังร้องเพลงอยู่นะคะ ถามว่าเกี่ยวกับที่หมอดูบอกไหมว่าทำแล้วงานจะดีขึ้น ก็ไม่รู้สิ หญิงว่ามันก็คงไทม์มิ่งชีวิตด้วยแหละ เพราะว่าปีนี้เราก็ก้าวเข้าสู่ 4 กว่าๆ ก็เลยคิดว่าอาจจะก้าวเข้าสู่ไทม์มิ่งวัยผู้หญิงที่ดูเป็นพาวเวอร์ริ่ง”
ทำทั้งทีก็อยากให้คนชมว่าหน้าเปลี่ยน
“ก็ดี แฮปปี้ดี คือเวลาเราทำเราก็จะเห็นคอมเมนต์ว่าทำกำลังดีนะ ไม่ได้โป๊ะ ไม่ได้รู้สึกว่ามันเปลี่ยน แต่มันเปลี่ยน จริงๆ ทำมาแล้วก็อยากให้คนชมว่าเปลี่ยนนะ เปลี่ยนเถอะถ้าทักเหมือนไม่ทำเลย เราเจ็บนะ ให้เครดิตนิดนึงว่าหญิงทำแล้วดูเปลี่ยนไปในทางที่ดี ดูไม่เหมือนเดิมนะ
เวลาคนทักว่าทำศัลยกรรมจะนอยด์อะไร กูเกิ้ลหญิง รฐานี่ลำดับ1-3 มันต้องมีชื่อเราอยู่แล้ว ติดเลย ภาพชัดสุดๆ ไปเลย แต่จริงๆ ที่จะทำแก้จมูกเนี่ยก็เป็นระยะเวลา10 ปีนะ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็แก้ ไม่ได้แก้บ่อย แต่มันถึงเวลาแล้วที่ซีรีส์เรามันอยู่ได้ 10 ปีอยู่แล้ว และในอนาคตพอเรา50-60 มันก็คงต้องเปลี่ยนอีก เพราะสิ่งเหล่านี้มันเป็นสิ่งที่เข้ามาอยู่ในร่างกายเรา”
เผย “ตุลย์ ตุลยเทพ เอื้อวิทยา” สามี
ไม่เคยห้าม เพราะห้ามไม่ทัน
“เขาเห็นเราตั้งแต่ซีรีส์ 3 แล้ว เขาก็จะชินแล้ว เขาก็จะรู้สึกว่าไม่ได้เปลี่ยน ข้อดีของหญิงคือไม่ได้อยากเปลี่ยนไปเลย หลายๆ คนบอกว่าทำไมไม่ทุบกราม ทุบโหนก คือเราพูดเสมอว่าเราไม่ได้อยากจะเปลี่ยนโครงหน้าเรา เพราะเรารู้สึกว่าโครงหน้านี้มันเป็นโครงหน้าที่เวลามีงานต่างประเทศมันชัดของความเป็นผู้หญิงเอเชีย คนไทย เราเลยไม่เคยไปลบกราม ไม่เคยไปลบหน้า ไม่เคยไปเหลา แต่มีเพิ่มขมับบ้าง (หัวเราะ) เราใช้วิธีเพิ่ม ไม่ลด เพิ่มให้มันดูซอฟต์ขึ้น
สามีก็ไม่ได้ชมตลอดเวลาหรอกค่ะ มันก็เป็นปกติที่เราทำมาเวลาเราเปลี่ยนอะไรที่เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต อย่างเช่นเปลี่ยนหน้า (หัวเราะ) เราก็จะมีความไม่มั่นใจ เขาก็จะเป็นซัปพอร์ตที่ดี แต่เขาไม่เคยห้าม เพราะเขาห้ามไม่ทัน (หัวเราะ) จริงๆ เขาก็บอกว่าไม่อยากให้เจ็บตัวบ่อย เขาใช้คำนี้ เขาแค่รู้สึกว่าการผ่าตัดทุกอย่างมันก็มีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นผ่าตัดเล็ก ผ่าตัดใหญ่ เขาก็แค่รู้สึกเป็นห่วงมากกว่าว่าถ้าทำแล้วมันเกิดดีก็โอเค แต่ถ้าทำแล้วมีความผิดพลาด มันต้องเสียเวลาในการดูแลรักษา เขาก็แค่เป็นห่วง
เขาก็ไม่ถามนะคะว่าเมื่อไหร่จะพอ ก็อย่างที่บอกว่าเวลาเราทำเราก็ต้องดูตัวเอง ในทุกๆ 10 ปีเราก็ต้องรีเช็กว่าสิ่งที่มันอยู่ในร่างกายเรามันโอเคไหม มันมีความผิดปกติหรือยัง มันถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนไหม หญิงก็ไม่ถึงขั้นว่าต้องเปลี่ยนตลอดเวลาขนาดนั้น”
บอกยังไม่ได้ท้อง แค่สรีระอาจจะมีพุงเท่านั้น
“ยังไม่ได้ท้องนะคะ หลายๆ คนที่ไปดูคอนเสิร์ตแล้วบอกว่าคอนเสิร์ตนี้พี่หญิงเต้นเบามาก สงสัยจะท้อง แต่จริงๆ เต้นเบาคือมึนหัวเฉยๆ (หัวเราะ) แต่ไม่ได้ท้องค่ะ คนทักเยอะค่ะ คือหญิงเป็นคนที่แขนเล็ก ขาเล็ก แต่หน้าท้องเราอาจจะมีพุงป่องบ้าง เพราะหญิงเป็นคนตัวกลมและเอวใหญ่ คือต่อให้เรามีพุงนิดนึงเราก็ดูพองเพราะหญิงเป็นคนที่เอวนักกีฬานิดนึง เอว26-27 เลย และสะโพกเราก็ใหญ่กว่านั้นแค่10 นิ้ว ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่ามีสะโพกเยอะด้วย เลยดูหุ่นตรงๆ
ฉะนั้นก็ยังไม่ได้ท้องนะคะ แต่ก็มีคอมเมนต์ในรูปกันเข้ามา บางคนก็บอกว่าดีใจด้วยนะคะ ล่าสุดไปเล่นคอนเสิร์ตมา มีคนมาขอถ่ายรูปแล้วจับพุงบอกว่าดีใจด้วยนะคะ (หัวเราะ) หญิงก็บอกว่าไม่ได้ท้องนะคะ (หัวเราะ) จริงๆ ก็นอยด์นะ แต่เดี๋ยวพยายามจะฟิตมากขึ้นแล้ว ให้มันเป็นกล้ามท้อง เขาอวยพรเหรอ ไม่หรอก ไม่น่ามาเร็วแล้วล่ะ หญิงก็40 กว่าแล้วเนอะ”
บอก “แม่น้อย โพธิ์งาม” ทำใจแล้ว ถ้าไม่มีลูกภายใน 1-2 ปีนี้ต้องตัดใจ
“ก็ปฏิบัติเรื่อยๆ (หัวเราะ) แต่ก็แค่ไม่มา มาก็มา ไม่มาก็ไม่มา เราก็ไม่ได้แพลนว่าต้องมีหรือไม่มี อย่างที่หญิงเคยสัมภาษณ์ไปทุกๆ ครั้งแหละค่ะ ถ้ามาก็ขอให้มาธรรมชาติถ้าไม่มาเลยก็คือไม่มาเลย เราก็เที่ยว ออกกำลัง วิ่ง ใช้ชีวิตไป เพราะเราก็อายุมากแล้วนะ จริงๆ41-42 หญิงก็พอแล้วแหละ ปีนี้หญิงก็ 41 แล้ว
แม่น้อยยอมแล้ว เพราะเราแต่งงานช้าด้วย คือถ้าหญิงแต่งตอน30 ต้นๆ มันก็ยังคงมีเวลาในการเผื่อเวลาที่จะแพลน แต่ตอนนี้ถ้าหญิงมีกว่าลูกจะจบก็คือ 60 แล้วนะ เอาจริงๆ เลี้ยงหมายังขี้เกียจวิ่งตามเขาเลยแค่นี้มันก็เหนื่อยเหมือนกันเนอะ ก็เลยคิดว่าถ้ามีลูกก็คงต้องมีพละกำลังในการที่จะไปวิ่งตามหรือสนุกกับเขา
ถามว่าถอดใจไหม เรียกว่าไม่คิดเลยดีกว่า แต่ถ้ามาโดยธรรมชาติก็จะเลี้ยงอย่างดีที่สุดแหละ พยายามไม่อยากกดดันตัวเองว่าต้องมีหรือต้องไม่มีมันก็เครียด
ไม่พึ่งเรื่องการแพทย์ค่ะ สายมูก็ไม่เอาเลย ให้มาธรรมชาติเลย ก็คิดว่าถ้าไม่มีปีนี้ ปีหน้าก็ไม่เอาแล้ว เราแพลนในหัวแล้ว เพื่อนกะเทยเราเยอะมาก ดังนั้นเวลายามเราแก่เฒ่า เราก็จะมีหลานๆ ของเพื่อนกะเทยและหลานๆ ของเราที่เป็นลูกของญาติๆ หรือลูกของพี่ๆ เรา ก็ยังคงน่าจะพาเราขับรถไปหาหยูกยาได้บ้าง หวังพึ่งได้”
