xs
xsm
sm
md
lg

สามี “นุ” เสียชีวิตครอบครองปรปักษ์ร่ำไห้โง่เขลา ขอคืนบ้านให้ “อากู๋” ทนายอัด “กรรชัย” ไม่มีความเป็นกลาง เจอสวน คุณธรรมมีมั้ย?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทนาย “นุ” ผู้เสียชีวิตครอบครองปรปักษ์ ลั่นไม่เล่นแรงก่อนก็ไม่ตอบโต้ให้เสียเวลา อัด “กรรชัย” ต้องเป็นกลาง เจอสวน คุณธรรมก็ต้องมี สามีผู้ตายร่ำไห้ ยินดีคืนบ้านให้ “อากู๋” เป็นความโง่เขลาของตนและภรรยา

กรณี “ภาณุมาศ” 1 ใน 5 ผู้ต้องหาถูกฟ้องบุกรุกบ้าน “อากู๋” ตัดสินใจผูกคอตายลาโลก เหตุเกิดจากความเครียดจากคดีความและข่าวครอบครองปรปักษ์ ขณะที่ทนายผู้ตายโวยคู่กรณีใช้สื่อกดดันทำให้ลูกความเครียดจนจบชีวิต
 
รายการโหนกระแส ออกอากาศวันที่ 27 ก.พ. 67 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ “อาย-ซัน” หลานชายและสะใภ้อากู๋ ผู้ได้รับมอบอำนาจให้จัดการแทน ขอความเป็นธรรมไม่ได้ใช้สื่อกดดันทำให้คุณนุต้องจบชีวิตตัวเอง มาพร้อม “ทนายกุ้ง อำนวยพร มณีวรรณ์” ทนายที่ “เดชา กิตติวิทยานันท์” มอบหมายให้ดูแลคดีนี้ รวมทั้ง “อ.ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม” อัยการอาวุโส สำนักงานการสอบสวน

คุณอายยังตาแดงๆ?
อาย : เครียดค่ะ และไม่ได้อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นค่ะ ทราบข่าวเมื่อวานก็ช็อกค่ะ มันทำอะไรไม่ถูกจริงๆ ค่ะ ช็อกมาก

ตอนรับแจ้ง ใครเป็นคนแจ้ง?
อาย : ตอนนั้นทำงานอยู่ค่ะ น่าจะนักข่าวพีพีทีวีโทรมาแจ้ง ว่าคู่กรณีเขาฆ่าตัวตาย ทราบหรือยัง เราก็ช็อก ตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูกค่ะ

คุณซันทราบเรื่องเมื่อวานได้ยังไง?
ซัน : ทราบจากอายอีกที ผมก็ช็อกเลย ก็คิดว่าเป็นใครที่เสียชีวิต

อาย : เขาไม่ได้แจ้งว่าเป็นใครที่เสียชีวิตในตอนแรก

ล่าสุดที่มาออกรายการโหนกระแส กลับไปได้ติดต่อฝั่งโน้นมั้ย?
อาย : พี่เขาติดต่อมานะคะ เขาติดต่อผ่านอากู๋ก่อนวันที่ 19 ก.พ. คุณเอ๋กับคุณนุ ที่เสียชีวิตไปติดต่อมา โทรมาขอโทษ แล้วแจ้งว่าจะถอนครอบครองปรปักษ์ เขาไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นตั้งแต่แรก แต่คนรอบข้างเขามาชี้แนะเขาว่าต้องทำแบบนี้ มันถึงจะหลุดจากคดีหรือเปล่า แต่เจตนาเขาจริงๆ เขาไม่ต้องการเป็นแบบนั้น

คุณซันมีโอกาสได้คุยมั้ย?
ซัน : หลังคุณเอ๋โทรหาอากู๋วันที่ 19 วันถัดมาวันที่ 20 ก็มีโทรมาหาผม คุณเอ๋ สามีผู้เสียชีวิตอยากมาคุยเจรจาไกล่เกลี่ยและขอโทษ แต่ผมก็บอกว่าตอนนั้นผมติดประชุม ให้โทรหาอายก่อนดีกว่า เขาก็โทรหาอายอีกทีนึงครับ

ทนายกุ้งเข้าไปดูแลคดีนี้ยังไง?
ทนายกุ้ง : ดูแลตั้งแต่เริ่มคดีแรก มีการแจ้งข้อหาบุกรุกทั้งหมด 5 คน พอคดีถึงพนักงานสอบสวนแล้วก็มีการเข้าไปเจรจากัน คุณนุก็ไปพร้อมทนายความท่านเดิม ไปเจรจาเรื่องค่าเสียหายกัน แต่เนื่องจากค่าเสียหายตกลงกันไม่ได้ ก็ทำบันทึกไว้กับตร.เรียบร้อยแล้ว คดีนั้นก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป เราก็ไปตามกระบวนการตร. คิดว่าเรื่องมันจบไปแล้ว พอดีผ่านไปประมาณม.ค. อากู๋ได้รับหมายศาลว่าฝ่ายคู่กรณีคนนึงไปยื่นคำร้องต่อศาล ขอครอบครองปรปักษ์บ้านหลังนี้ ตอนนั้นพออากู๋รับหมายศาลก็มาหาทนายอีกรอบนึง โดยไม่ได้แจ้งผู้สื่อข่าว ไม่ได้ออกข่าว เพียงแต่ทนายยื่นคำร้องคัดค้านไปตามปกติ แล้วก็ฟ้องแย้งไปด้วยในคดี ฟ้องขับไล่เรียกค่าเสียหายและค่าเช่าไปในตัว ตอนนั้นทำตามปกติ ไม่ได้ออกข่าวเลย ณ ช่วงนั้น แต่พอวันที่ 8 เนื่องจากน้องอายเขาเข้ามาดูบ้านเนื่องจากประเมินบ้าน เพราะเราต้องใช้สู้คดีความในศาล ก็เจอป้ายหน้าบ้านติดว่าบ้านหลังนี้ได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ถ้าใครเข้ามาถือว่าบุกรุก เขียนด้วยข้อความกฎหมาย แล้วมีป้ายขายไก่ น้องอายก็ตกใจ โทรมาบอกว่าเขาติดป้ายหน้าบ้าน เราก็ตกใจ เป็นไปได้เหรอ ยังไม่เชื่อ น้องอายก็ถ่ายรูปป้ายกลับมา เราก็ให้น้องอายติดต่อไปที่อ.เดชา เพราะตอนนั้นเราอยู่ต่างจังหวัด ถึงได้เป็นที่มาที่เรามาแจ้งความรอบที่สอง แจ้งความบุกรุกคุณศรีพรรณคนเดียว ข้อหาบุกรุกทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์ไป ซึ่งวันที่ 17 ก.ย. ปีที่แล้ว จำได้ว่ากลุ่มผู้ต้องหา 5 คนได้ส่งมอบบ้านให้ทางอากู๋เรียบร้อยแล้ว โดยการค้นย้ายของออกไป และล็อกกุญแจเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราก็ตกใจว่าเข้ามาได้ยังไง ใครให้เขาเข้ามา แล้วมีการติดป้ายหน้าบ้านว่าได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ ทั้งที่คดีความอยู่ในศาล ตอนนั้นเราไม่ได้ออกข่าวเลยค่ะ เพราะเราถือว่าเราทำไปตามกระบวนการขั้นตอนเลย แต่ที่มามีข่าวรอบสอง คือวันที่เราเข้าไปยึดบ้านคืน ทนายกุ้งไปพร้อมกับน้องซันพร้อมตร. และผู้สื่อข่าว เพื่อไปทวงบ้านหลังนี้คืนมา ไปตัดกุญแจและเข้าไปบ้านของเราวันนั้น ที่เป็นเรื่องรอบที่สอง

ตอนเข้าไป เราเจอคุณนุมั้ย?
ทนายกุ้ง : ไม่เจอใครค่ะ กุญแจบ้านล็อกไว้ ซึ่งเป็นกุญแจใหม่ ไม่ใช่กุญแจเรา มีป้ายไก่อยู่ มีตร.ตะโกนว่าใครเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ให้มาแสดงตัว วันนั้นไม่มีคนอยู่ ล็อกเงียบ อุปกรณ์ปิ้งไก่ยังวางอยู่ข้างใน มีน้ำมัน มีกระทะ มีหม้อ มีอะไรปกติ แล้วในบ้านยังพบที่นอนมาวาง มีพัดลม มีหม้อหุงข้าววางอยู่ข้างใน มีโซฟา สภาพเหมือนมาวางไว้เฉยๆ ไม่มีการใช้งาน ลักษณะเหมือนเอามาวางถ่ายรูปเป็นหลักฐานเพื่อเอาไปสู้คดีในศาล ประมาณนั้นค่ะ

พอเกิดเรื่อง ทนายกุ้งประสานมุนไหนยังไง?
ทนายกุ้ง : พอได้รับทราบข่าว ก็โทรไปที่สน.โคกครามก่อนเป็นอันดับแรก เพราะเขาเป็นเจ้าของคดี ว่าเหตุการณ์เกิดจริงมั้ย ใครเสียชีวิต

ตอนแรกข่าวออกมา บอกว่าเป็นผู้หญิงคนนึงก่อน ระบุเป็นคุณศรีพรรณ จากนั้นข่าวเปลี่ยนอีกบอกเป็นผู้ชาย แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นผู้หญิง คือคุณนุ?
ทนายกุ้ง : ใช่ค่ะ โทรหาท่านรอง ท่านรองบอกว่าได้รับรายงานมาว่าคนที่เสียชีวิตคือภาณุมาศ อายุ 51 ปี เราก็ถามว่าใช่หรือเปล่า ชัวร์มั้ย ท่านรองบอกว่าใช่ แต่พื้นที่เกิดเหตุเป็นของคันนายาว เราก็ไปตรวจสอบที่คันนายาวอีกรอบนึงว่าจริงๆ แล้วใช่คุณภาณุมาศมั้ย เขาเสียชีวิตอีกหมู่บ้านนึง

ซันกับอายมีการตั้งโต๊ะแถลงข่าว กังวลใจกับคำพูดบางคำของทนายฝั่งโน้น?
อาย : กังวลใจมากค่ะ เพราะว่าเขาก็พูดเหมือนว่าเราเป็นจำเลยสังคม ที่คู่กรณีฆ่าตัวตายเพราะเราใช้สื่อไปกดดันทำให้เขาเสียชีวิต จริงๆ เราก็ช็อกตกใจอยู่แล้ว เราไม่อยากให้ใครมาเสียชีวิตเพราะเรื่องแบบนี้ เขาพูดตรงนี้ก็ทำให้เรากระทบกระเทือนจิตใจเหมือนกัน เขาไม่คิดก่อนพูดเลยใช่มั้ยว่าคนที่ฟังเขาจะรู้สึกยังไง

ซันตกใจมั้ย?
อาย : ช็อกเหมือนกัน คดีความแบบนี้เราไม่อยากให้มีใครสูญเสียทั้งนั้น เราก็เสียใจ

เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ควรต่อสู้กันบนชั้นศาล เรามีโอกาสคุยกับคุณนุ คุณนุแกบอกว่าจะไม่ฟ้องครอบครองปรปักษ์ แล้วแกก็บอกว่าแกเป็นพนักงาน แล้วทำไมอยู่ดีๆ คุณนุมาเครียดเรื่องนี้อีก?
ทนายกุ้ง : คดีแรกเจรจาได้อยู่ แต่ตร.ก็ต้องทำงานต่อไป วันที่ 19 ฝ่ายคุณภาณุมาศโทรหาอากู๋ ข้อความสรุปว่าขอร้องทนายแล้ว กราบทนายแล้วว่าไม่อยากไปต่อ ให้ถอน หลังจากนั้นก็มีการติดต่อไปทางน้องซัน ส่งไลน์มาขอโทษน้องซัน เป็นคุณพลกฤษณ์ที่ส่งข้อความมา

เขาบอกขอโทษมากๆ เลย เรื่องปรปักษ์ ให้ทนายกับศรีพรรณไปถอนแล้ว แต่ก็ไม่ได้ถอน?
ทนายกุ้ง : พอคุยกับอากู๋ เขาก็ส่งข้อความหาน้องซันน้องอาย ทั้งสองคนก็บอกว่าให้ติดต่อผ่านทนาย ให้มาเจรจากับอ.เดชา

ทนายวัฒนา ทนายฝั่งครอบครองปรปักษ์ อยู่ในสาย เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เมื่อวานเกิดความไม่สบายใจเพราะทนายบอกว่าทางฝั่งคุณซันคุณอายใช้สื่อกดดันคดีนี้ ทำให้เกิดคนตายเกิดขึ้น ทนายพูดมานี่คือตั้งใจพูดหรือคิดอย่างนั้นจริงๆ?
ทนายวัฒนา : ความเห็นผม การดำเนินคดีกับใคร เราทำให้เป็นปกติทั่วไปเหมือนทนายอื่นๆ เขาทำ แต่ผมไม่ทราบว่าคุณซันหรือคุณอาย เขาบอกว่าเคยปรึกษาทนายเดชา ผมไม่ได้บอกว่าเขาเป็นคนเริ่มต้น แต่เขาปรึกษากันยังไงไม่ทราบ อยู่ๆ สื่อก็มาเลย ดำเนินคดีฐานบุกรุก ลักทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์ ผมว่าถ้าเกิดไม่ได้เริ่มต้นมีความรุนแรง ก็น่าจะตกลงด้วยดี น่าจะจบไปแล้วคดีนี้ไม่น่าถึงมือผม

คดีแรกเป็นคดีเรื่องการฟ้องบุกรุก อันนั้นทนายวัฒนาไม่ได้ดู?
ทนายวัฒนา : ผมไม่ได้ดู ผมดูเรื่องครอบครองปรปักษ์ คุณนุขอให้ช่วยทำให้คุณศรีพรรณ แต่คุณศรีพรรณเขาอยากทำมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนมีพิพาทหรือถูกกล่าวหาในคดีอาญา เขาเคยเอาเอกสารมาปรึกษาผมด้วยซ้ำแต่เขาจะทำเมื่อไหร่ก็เรื่องของเขา ผมไม่ได้บอกว่าคุณไปฟ้องได้แล้วนะ คุณครอบครอง 10 ปี ไม่ ก็เดินผ่านไปผ่านมา ก็ถามว่าคุณครบ 10 ปีแล้วเหรอ เขาก็บอกว่าเกินแล้ว คุณศรีพรรณบอก เราก็เงียบหายมานาน ก็อยู่ที่ความพร้อมเขา แต่เผอิญมีคดีอาญามาดักหน้าก่อน เขาก็ถูกดำเนินคดีอาญาก่อน สิทธิ์ที่เขาได้มาครบถ้วนแล้ว ตามหลักเงื่อนไขกฎหมายก็มีผลโดยกฎหมายแล้ว ผมก็ไม่อยากพูด เพราะคดีครอบครองปรปักษ์ มันไม่สุจริตอยู่แล้วแหละ ครอบครองทรัพย์คนอื่น แต่ว่ากฎหมายให้ความรับรองคุ้มครองเท่านั้นเอง แล้วมีการฟ้องคดีนี้กันทุกศาล แม้แต่ศาลที่ผมยื่นคำร้อง เพื่อนผมก็ไปยื่นแล้วได้ครอบครองปรปักษ์มาแล้วก็มี คดีอื่นทั่วประเทศก็มีทนายทำกันกันทั้งนั้น ก็ไม่ได้มีปัญหา ถ้าคดีอยู่ที่ศาลก็ไปสู้กันที่ศาล ไม่ใช่มาสืบพยานกันนอกศาลแบบนี้มันดูจะไม่เหมาะสม แล้วออกสื่อออนไลน์ส่วนตัวตอบโต้กันไปมา แล้วออกสื่อสาธารณะ สื่อกระแสหลักก็มาร่วมด้วย ก็ใหญ่โตไปใหญ่ ความเห็นผมส่วนตัวนะ ไม่ควรเริ่มต้นด้วยสื่อก่อน ถูกผิดยังไงก็ขอโทษด้วย แต่ก็จะตกลงกันได้ด้วยดี ตอนหลังเขาก็ไกล่เกลี่ย ก็ปล่อยให้ไกล่เกลี่ยกันไปในคดีอาญา แต่คดีแพ่งจะถอนเมื่อไหร่ก็ได้ ไปที่ศาลเขาก็ไกล่เกลี่ยอยู่แล้ว

อยากรู้ว่าเป็นการฟ้องบีบใช่มั้ย ทางฝั่ง 5 คน ถูกแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว จากนั้นฝั่งนี้เขาเรียกค่าเสียหาย แต่ฝั่ง 5 คนไม่มีการให้ค่าเสียหายตามที่มีการตกลง ก็เลยค้างคาแบบนี้อยู่ ทนายเลยมีการแนะนำให้ฟ้องปรปักษ์ เป็นการฟ้องบีบหรือเปล่า เพื่อให้เขาถอน?
ทนายวัฒนา : บางคนบอกเป็นการฟ้องแก้เกี้ยว แต่จริงๆ ไม่ใช่ สิทธิ์เขามีอยู่แล้ว เขาอยากฟ้องก่อนมีข้อพิพาทคดีอาญาอีก เมื่อมีคดีอาญามาอีก ทำให้เขาต้องเร่งทำเร็วขึ้น อาจมีส่วน แต่ไม่ได้เป็นสาเหตุว่าถูกดำเนินคดีอาญาแล้วมาฟ้อง คุณไปสอบถามคุณศรีพรรณก็ได้ เขาเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง ไปถามที่มาที่ไปได้

ข้อเท็จจริงเป็นประมาณอย่างนั้นมั้ย?
ทนายกุ้ง : เท่าที่ทราบมา คดีอาญาตกลงค่าเสียหายไม่ได้ เขาอ้างว่าเรียกสูงเกินไป เขาเลยไปฟ้องคดีครอบครองปรปักษ์มาเพื่อลดค่าเสียหายในคดีนั้น ไม่ใช่ฟ้องแก้เกี้ยว แต่เป็นการฟ้องเพื่อนำมาต่อรองลดค่าเสียหายตรงนี้ เขาไม่อยากจ่ายเยอะ ไม่อยากจ่ายสูงเกินไป ประมาณนั้น

ทนายวัฒนา : ไม่ใช่เป้าหมายหลักต้องลดค่าเสียหาย เพราะถ้าไม่ตกลงก็คือไม่ตกลง คุณตั้งสูงเกินไป เขาตกลงไม่ได้ เหมือนไปคุยกันแล้วคดีนี้ไม่ได้เกี่ยวกับผมด้วย

จริงๆ แล้วตัวทนายมาหลังเหตุ เจ้าของบ้านปรากฏตัวแล้ว เขามีการคุยกันอยู่ การที่ไปบอกให้เขาฟ้องครอบครองปรปักษ์ ทำให้เกิดคดีความเกิดขึ้นอีกมั้ย?
ทนายวัฒนา : ผมว่าไม่นะ ถ้าคนทั่วไปไม่รู้ข้อเท็จจริงก็อาจคิดเหมือนที่คุณหนุ่มพูด แต่ถ้าเรามาทบทวนดู ถ้าเรียกค่าเสียหายตามเหมาะตามควร คดีครอบครองปรปักษ์เป็นสิทธิ์ที่มีอยู่เดิมอยู่แล้ว ไม่ใช่เขาไม่มีเลย ถ้าไม่มีเลย คดีไม่มีมูลแล้วไปยุให้มีการฟ้องก็คงไม่ใช่

อาจารย์ปรเมศวร์?
ปรเมศวร์ : ผมว่าสิทธิจะเกิดต่อเมื่อยื่นคำร้อง การยื่นคำร้องปั๊บสิทธิมันเกิด ก็เป็นการต่อสู้แล้ว ผมเห็นต่างกับท่านนิดนึงนะ ถ้ายื่นคำร้องแสดงว่าเขาใช้สิทธิ์แล้ว

ทนายวัฒนา : ไม่เป็นไรครับ เราต่างคนต่างเป็นนักกฎหมาย ท่านอาวุโสกว่าผมเยอะ

ตอนนี้บานปลาย ล่าสุดผู้เสียหาย คือคุณซันกับคุณอาย เขาไม่แฮปปี้กับสิ่งที่ทนายพูดว่าใช้สื่อกดดัน?
ทนายวัฒนา : เป็นผม ผมก็ไม่แฮปปี้เหมือนกัน ผมไม่ได้มีปัญหากับคุณอายคุณซัน แต่เมื่อเรามีกฎหมายก็ใช้สิทธิ์ตามครรลองกฎหมาย เพื่อปกป้องสิทธิ์ลูกความตัวเองอย่างเต็มที่ แต่ชี้ผิดชี้ถูกไม่ได้ อยู่ที่พยานหลักฐาน ผมไม่อยากกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามเกินสมควร ถ้าไม่มาเล่นแรงกับผมก่อนผมก็จะไม่ตอบโต้ให้เสียเวลาและไม่จำเป็น และให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ ซึ่งเราก็ต่างคนต่างทำหน้าที่ เราไม่ได้ประโยชน์อะไร ผมสู้ชนะมา บ้านหลังนี้ก็ไม่ได้เป็นของผมหรอกครับ ฉะนั้นเราต้องดูแลลูกความของเรา เท่าที่ทำได้ให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง

อาย : ตามหลักกฎหมาย หนูก็สู้ตามหลักกฎหมายทั้งหมด ด้วยสิทธิ์ที่พวกหนูต้องดำเนินการ มันแปลกมั้ยคะที่เราไปพบคนที่มาอยู่ในบ้านเรา เราไม่ตกใจเหรอคะว่ามิจฉาชีพหรือเปล่าที่มาอยู่ในบ้าน เราก็ใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเหมือนกัน ที่จะแจ้งบุกรุก ลักทรัพย์ และเสียทรัพย์

ทนายวัฒนา : มันเป็นสิทธิ์ของคุณนะคุณอาย ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรคุณ

อาย : ที่เราร้องสื่อเราก็ใช้สิทธิ์ตามกฎหมายของเรา แต่คุณบอกว่าเราทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ทนายโยนความผิดมา ผิดไม่ผิดยังไง สังคมก็เห็นอยู่แล้ว ในเรื่องที่เกิดขึ้น

ทนายวัฒนา : ผมเห็นว่ามันไม่ควรใช้สื่อเป็นตัวนำจนเกินสมควร เพราะผู้สื่อข่าวมีสิทธิ์แสดงข้อเท็จจริง ตีแผ่ข้อเท็จจริงกับสังคม แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องทำอะไรที่เกินสมควร ออกสื่อกระแสหลักบ้าน สื่อออนไลน์บ้าง คดีมันอยู่ที่ศาล ผมคิดว่าน่าจะเคารพยำเกรงต่อศาลกันบ้าง

พูดถึงกระบวนการของสื่อ ผมมองว่าประเด็นในสังคมทุกวันนี้ มีประเด็นข่าวเกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย แม้แต่เพื่อนบ้านสองหลังสับไก่เสียงดังก็เป็นประเด็นข่าว สื่อก็ต้องทำหน้าที่ เพราะมันเป็นเรื่องวิวาทกัน กรณีเหมือนกัน คุณซันคุณอายเขาไปดูบ้านแล้วมีผู้บุกรุก มันก็กลายเป็นประเด็นข่าวขึ้นมา?
ทนายวัฒนา : ถ้าบอกว่าคุณซันคุณอายมาในฐานะผู้รับมอบอำนาจจะดูดีกว่ามั้ย

จะบอกว่าไม่ใช่อากู๋ซึ่งเป็นเจ้าของ?
ทนายวัฒนา : มันไม่มีผลทางกฎหมาย จะบอกว่าเป็นเจ้าของก็ฟังไม่ชัด เพราะเป็นการยกให้ด้วยปากเปล่า ตามกฎหมายตกเป็นโมฆะนะครับ

คุณซันกับคุณอายคือผู้รับมอบอำนาจจากอากู๋ให้มาดูแล สื่อก็ต้องทำหน้าที่ของเขาเวลามีข่าว เขาก็ต้องนำเสนอ แต่มุมกลับกัน ประเทศไหนก็มีสื่อ การทำหน้าที่สื่อก็คือการกระจายเรื่องราวของสังคมให้ประชาชนรับรู้ว่ามีเรื่องอะไรในสังคม?
ทนายวัฒนา : อันนั้นไม่เถียง

สุดท้ายทางสื่อเองไม่ได้เปิดโอกาสให้เฉพาะฝั่งคุณอายคุณซันเท่านั้นนะ เราก็เปิดโอกาสให้ทางฝั่งลูกความคุณด้วย เพียงแต่สังคมเขาจับประเด็นได้ว่าเรื่องราวทั้งหมดมีที่มายังไง มันถึงได้เป็นประเด็นเกิดขึ้น ฝั่งท่านเองอยากคุยอะไรกับอาจารย์ปรเมศวร์?
ทนายวัฒนา : สิทธิเริ่มต้นผมอาจเห็นต่างจากท่านอาจารย์ปรเมศวร์ เขาครอบครองนับเริ่มต้น 10 ปี เปิดเผยเจตนาโดยเจ้าของ สิทธิ์ก็เริ่มต้นแล้ว กฎหมายรับรอง ครบ 10 ปีเมื่อไหร่ก็ได้ผลโดยกฎหมาย การไปร้องต่อศาลให้ศาลแสดงสิทธิ์เท่านั้นเอง ว่าเราครอบครองปรปักษ์มาอย่างถูกต้อง เพื่อไปเปลี่ยนแปลงชื่อหลังโฉนด

ปรเมศวร์ : ผมเข้าใจ ความสมบูรณ์ของการได้มาคือศาลมีคำสั่งและเปลี่ยนแปลงในโฉนด แบบเดียวกับที่ท่านกำลังพูดถึง ว่าสองคนนี้เป็นผู้ได้รับมอบอำนาจ แต่จริงๆ เขาคือได้รับการยกให้ เพียงแต่ยังไม่ได้ไปจดทะเบียนแค่นั้นเอง ไม่ต่างกันนะ ไม่เป็นไร ว่ากันในศาล การให้ให้แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้โอน เหมือนครอบครองปรปักษ์ ที่ท่านบอกว่าครอบครองแล้ว แต่ศาลยังไม่สั่ง มันก็ไม่ได้

ทนายวัฒนา : ครอบครองปรปักษ์ มีกฎหมายรับรองนะครับ แต่การยกให้กฎหมายยังไม่ได้คุ้มครอง เป็นแค่ปากเปล่า หรือยกให้ มีเจตนายกให้ ต้องไปทำตามแบบครับ

มีคลิปเสียงคลิปนึงปรากฏว่าคุณนุได้มีการขอให้ถอนครอบครองปรปักษ์ แต่ทนายไม่ถอน?
ทนายกุ้ง : คลิปเสียง 19 วันที่ 21 เอามาคุยกับอาจารย์ เจรจากันอยู่ วันที่ 23 เขาไปคำร้องแก้คำให้การฟ้องแย้ง ยังไม่มีการถอน ไปยื่นคำให้การฟ้องแย้งในคดีเดิมที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ฉะนั้นมันถึงยังไม่มีคำถอน เมื่อเช้าไปตรวจสอบมาก็ไม่มีคำถอน

ตามคลิปเสียงได้ยินหรือยัง ที่คุณนุโทรไปหาอากู๋บอกเขาคุยกับทนายแล้ว กราบเท้าด้วยว่าให้ถอนไปเถอะ?
ทนายวัฒนา : วันนั้นมีการไหว้แล้วก็อยู่ต่อหน้าสามี ต่อหน้าคุณศรีพรรณ คนบุกรุกด้วยบางส่วน เขาไหว้ผมก็บอกว่าไม่ต้องไหว้กัน ผมก็ประหม่านิดหน่อย ตกใจ แต่ไม่ได้โทษใครนะ คุณนุโทษตัวเองว่าทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ทำให้ผมมีปัญหา ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้คนนั้นคนนี้โดนคดีบุกรุก คุณนุโทษตัวเอง ยกมือไหว้ขอโทษครับ

ฟังแล้วรู้สึกยังไง เขาบอกว่าไปกราบเท้าพี่ขอให้ถอน แต่พี่ไม่ถอน?
ทนายวัฒนา : พี่ไม่ได้บอกว่าไม่ถอน พี่ไม่ได้ปฏิเสธแกนะ พี่บอกว่าถ้าถอนก็ถอนในเวลาเหมาะสม ในฐานะทนายความ คดีอยู่ที่ศาล ถ้าเราถอนก็ได้ มีความพร้อมเมื่อไหร่ก็ไปถอน ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ การไปถอนก็ทราบอยู่แล้วว่าเป็นดุลยพินิจของศาล หนึ่งการไปถอนโดยที่เรายังไม่สู้คดี การใช้ดุลยพินิจของศาล คุณกลัวคดีจะแพ้ หรือจะเอาค่าธรรมเนียมศาลคืนเหรอ แบบนี้คือการถอนคำร้องหรือถอนฟ้องโดยไม่สุจริต ศาลจะใช้ดุลยพินิจไม่ให้ถอนได้เหมือนกัน ถึงแม้จะมีสิทธิ์ยื่นก็ตาม แต่เราต้องไปแสดงสิทธิ์ก่อนว่าเราจะถอน แต่ผมไม่ได้ขัดข้องตรงนี้ แต่พูดไปพูดมาเขาบอกว่าขอไปไกล่เกลี่ยก่อน

เขากราบเท้าจริงมั้ย?
ทนายวัฒนา : เขานั่งอยู่ตรงนั้น ผมก็จำไม่ได้ เขายกมือไหว้ขอโทษทุกคนที่สร้างปัญหา ขอไกล่เกลี่ย ไปถามคุณศรีพรรณแล้วกัน เราก็ไม่อยากพูดอะไรกับคุณนุมาก แกเป็นผู้ป่วย แกจิตตก แกบอกว่าแกรับไม่ไหวแล้วจริงๆ ที่ถูกกระหน่ำมา ถูกแสดงคอมเมนต์ว่าอยากได้ของคนอื่น แกทนไม่ไหว เพราะแกเป็นคนดี เป็นผู้ปฏิบัติธรรม

ทำไมพี่ไม่แนะนำลูกความไปเลย ว่ามันไม่ใช่ของเรา คืนเขาไปเถอะ มันเป็นการครอบครองที่ไม่ได้สุจริต?
ทนายวัฒนา : กฎหมายเขาคุ้มครองคนไม่สุจริตอยู่แล้ว ถ้าสุจริตจะเป็นชื่อคนอื่น ปรปักษ์ต้องเป็นชื่อคนอื่นมาก่อนจนกว่าจะได้สิทธิ์ตามกฎหมาย

คำพูดนึงของคุณนุที่พูดกับอากู๋ บอกว่ามีการแนะนำให้เขาทำอย่างโน้นอย่างนี้ โดนฟ้องเรื่องบุกรุกเหรอ ก็ฟ้องครอบครองปรปักษ์สิ ต่างๆ นานา พี่แนะนำเขาเหรอ?
ทนายวัฒนา : ผมไม่ได้แนะนำ ทุกคนก็เข้าใจ ทุกคนมีความเห็นว่าเขาถูกกล่าวหาคดีอาญา คุณศรีพรรณก็ถูกกล่าวหาด้วย แต่คุณศรีพรรณมีสิทธิ์มากกว่าในเรื่องครอบครองปรปักษ์

รู้สึกยังไงบ้างตอนนี้สังคมว่าแทนที่พี่จะโทษคุณซันกับคุณอายว่าใช้สื่อกดดัน หลายคนบอกว่าตัวทนายเองนั่นแหละที่ไปบอกให้เขาทำแบบนี้ จนเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น?
ทนายวัฒนา : ไม่รู้สึกอะไร เพราะเขาอาจเข้าใจคลาดเคลื่อน ผมไม่ได้โทษคุณอายคุณซัน เพราะคุณอายคุณซันก็ต้องมีที่ปรึกษา มีทนายความ แต่การเริ่มต้นแบบนี้ เล่นงานหนักกันแบบนี้ มาพูดคุยกันแล้วตกลงกันได้โดยสันติก็มี คุณโชคดีนะมาเจอคนครอบครองปรปักษ์ เพราะถ้าพ่ายแพ้เขาก็ยอมรับ

แต่มันเป็นบ้านเขาไง?
ทนายวัฒนา : ก็บ้านเขาอยู่แล้ว ที่ดินข้างนอกรัฐก็สามารถยึดคืนได้ เพื่อเอามาเฉลี่ยให้คนจน แจกจ่ายให้คนจน

อาย : ทนายก็โชคดีนะคะที่เจอพวกหนู

ทนายวัฒนา : ก็ขอให้โชคดีจริงครับ

อาย : ฟังแล้วเหนื่อยแทนลูกความเขาค่ะ

ปรเมศวร์ : ข้อกฎหมายอันที่หนึ่งไม่น่าเป็นอย่างที่ทนายคิด สองเป็นเรื่องมารยาทนักกฎหมาย ถ้าเขาอยากถอนเราก็คงต้องปฏิบัติธรรมเขา เราเป็นเพียงมือปืนรับจ้าง อาชีพเป็นแบบนั้น ต้องทำตามใจตัวความ อย่างที่ท่านบอกว่าเดี๋ยวศาลจะไม่ให้ถอน ถอนหรือไม่ถอนถ้าเขาขอยื่นถอนคำร้อง คนที่จะไม่ให้ถอนคือฝั่งนี้ จำเลยจะคัดค้านมั้ย ถ้าคัดค้านศาลก็ให้เดินต่อ เพื่อให้คดีไปถึงที่สุดแล้วจะฟ้องซ้ำไม่ได้ ไม่ใช่ว่าศาลจะให้หรือไม่ให้นะ ศาลก็ต้องถามทางนี้ก่อน ถ้าเขาถอนก็ต้องจบ

ทนายกุ้ง : เขาฟ้องแย้งเข้ามา คือเราฟ้องเขาไปในสำนวนครอบครองปรปักษ์ ฟ้องขับไล่เรียกค่าเสียหายย้อนหลังไป 6 ปี ซึ่งวันที่ 19 ที่เขาบอกว่าคุณนุไปกราบเขาแล้วว่าให้ถอน วันที่ 21 มาคุยกับอ.เดชา ยอมรับผิดจะขอโทษ ถอนคดีให้ แล้วส่งข้อความมาทางน้องซันอีกว่าจะถอนคดีให้ สรุปวันที่ 23 ก.พ. ทนายก็ยังยื่นคำให้การฟ้องแย้งมาในคดีอีก มันก็ไม่จบ

ในเมื่อคุณกับคุณเอ๋ไปแล้วก็น่าจะจบแล้ว?
ทนายกุ้ง : ใช่ แต่ทนายยังสู้ต่อค่ะ

ตอนนี้สังคมไม่แฮปปี้กับมุมพี่เลย รู้สึกยังไง?
ทนายวัฒนา : แล้วแต่ข้อเท็จจริง การฟังข่าวบางครั้งต้องตั้งหลัก มีสติ ต้องกรองข่าวพอสมควร เพราะการพูดของสื่อก็คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ จากข้อมูลวิเคราะห์ทั่วไป

ฝั่งสามีคุณนุเอง คือคุณเอ๋ พลกฤษณ์ เขาส่งข้อความมาหาคุณซัน บอกว่าเขาจะบอกให้ทนายถอนให้?
ทนายวัฒนา : ผมคุยกับคุณนุแล้ว

สามีเขาส่งมาวันที่ 20 ก.พ. แต่หลังจากนั้น 21 มาพบทนายเดชา?
ทนายวัฒนา : ขอโทษนะครับ คุณอายเป็นผู้ได้รับมอบอำนาจตามกฎหมายหรือเปล่า

นี่ทนายกุ้ง?
ทนายวัฒนา : โทษที คิดว่าหลานสะใภ้อากู๋

ถ้าคุณอายนี่คือยังไง คุยกับเขาไม่ได้เหรอ?
ทนายวัฒนา : คุยได้ เพราะผมไม่ได้ดูทีวี เข้าใจว่าคุณซันรับมอบอำนาจ

ต่อสายหา “อากู๋” เลย จะได้สบายใจ?
ทนายกุ้ง : ทางเราก็เช็กตลอดว่ามีการถอนคดีหรือยัง แต่ทนายไปยื่นคำร้องแก้ฟ้องแย้งในสำนวนเดิม ยังสู้คดี อ้างเหมือนเดิมว่าครอบครองปรปักษ์เกิน 10 ปี อ้างว่าทางอากู๋ไม่มีหลักฐาน

ทนายวัฒนา : การต่อสู้อยู่ที่ศาล อย่าเอาข้อเท็จจริงมาตีแผ่ ด้วยความเคารพ คุณก็ต้องรักษามารยาทต่อการเป็นทนายด้วย

ฝั่งสามีคุณนุเขาติดต่อเจ้าของบ้าน เขาบอกจะถอนให้วันที่ 20 แต่ตัวพี่วัฒนาเองทำเรื่องคำร้องแก้ฟ้องแย้งเข้าไป เจตนาไม่ตรงกัน ระหว่างสามีคุณนุ กับทางพี่ แค่นั้นเลย?
ทนายวัฒนา : เราต้องเดินตามกระบวนการ เพราะคุณนุบอกว่าเขารับข้อเสนอจากฝ่ายคู่กรณีมาแล้ว ถ้าสรุปยังไงจะแจ้งให้ทราบ ผมก็เดินตามกระบวนการ ยื่นคำฟ้องแย้งเข้าไปตามเวลาที่ศาลกำหนด เพราะจะทำให้เราเสียเปรียบทางคดี แต่จะได้เปรียบหรือเสียเปรียบยังไงก็ตาม ถึงแม้ผมจะยื่นไปแล้ว ถ้าจะถอนก็ถอนได้ตลอด ถ้าคุณศรีพรรณส่งสัญญาณผมก็ถอนเมื่อนั้นครับ ศาลก็มีคำสั่งว่าคุณไม่ดำเนินการอะไรเลย เวลาคุณถอนฟ้อง คุณถอนฟ้องโดยสุจริตหรือเปล่า ก็จะมีปัญหากับผมเหมือนกัน

“อากู๋” อยู่ในสาย ทนายเขาไม่สบายใจว่าอากู๋มอบอำนาจให้คุณอายภรรยาคุณซันพูดคุยหรือเปล่า?
อากู๋ : ผมมอบอำนาจให้ครับ

ทนายวัฒนา : โทษทีครับ ผมไม่ได้อ่านหนังสือมอบอำนาจ เข้าใจว่ามอบให้แค่หลานชาย ไม่ได้มอบให้หลานสะใภ้

เห็นว่าอากู๋คุยกับคุณนุด้วย?
อากู๋ : ใช่ครับ คุณนุเขาบอกว่าเขากราบทนายแล้ว ว่าจะยกฟ้องคดีปรปักษ์ให้ แล้วจะเจรจา จะยอมความทุกอย่าง แต่ให้ทางทนายฝั่งของเราเช็กดู ก็ไม่มีการยกคำร้องออก ทางฝ่ายทนายของเราก็บอกว่ายังอยู่ในช่วงเจรจา บอกสามีคุณนุกับอีกท่านนึง น่าจะเป็นน้องชายคุณเอ๋ ทราบจากหลานซันด้วยว่าทางโน้นบอกว่าจะยกคำร้องออก แต่เราให้ทางทนายเช็กแล้วก็ไม่มีการยกออก ผมว่าทางคุณนุอยากจะรับผิดชอบทุกเรื่อง ทุกสิ่งที่ทำ ปัญหาเกิดจากสิ่งที่เขาต้องการมันไม่ได้ ผมว่าประเด็นอยู่ตรงนั้นมากกว่า

อากู๋อยากให้จบลงตรงไหน อยากให้เขาถอนเรื่องปรปักษ์ใช่มั้ย?
อากู๋ : ถ้าอยากให้จบ อยากแนะท่านที่กำลังสนทนาคุณหนุ่มว่าให้พ้นหน้าที่ไป แล้วตั้งทนายใหม่ แล้วมาเจรจากัน

ให้สิทธิ์อายกับซันเต็มที่?
อากู๋ : ใช่ครับ

ฝั่งกู๋บอกว่าปลายทางคือให้พี่วัฒนาถอนตัวจากคดีนี้ไปซะ จะได้จบๆ กันไป?
ทนายวัฒนา : ผมจะไม่คุยเรื่องนี้อยู่แล้วเพราะเป็นคดีอาญา ถ้ามีปัญหาผมก็เตรียมถอนอยู่ ไม่ว่าจะถอนตัวออกจากทนายหรือถอนครอบครองปรปักษ์ แต่ว่าต้องฟังคุณศรีธรรม ฟังคุณพลกฤษณ์สามีเขา เขาเพียงแต่รับข้อเสนอมา แต่ยังไม่สรุป แต่แจ้งให้เราทราบอีกครั้งนึง ก็บอกว่าพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกมา พร้อมดำเนินการตามความต้องการของลูกความผม ผมก็รอ แต่บังเอิญคุณนุลาโลกไปเสียก่อน เราก็เสียใจนะ แต่เข้าใจว่าที่คุยกันก่อนวันที่ 6 นะ จริงๆ เร็วกว่านี้อีก แต่ผมเดินทางไปต่างจังหวัด ก็คุยกันอยู่ ไม่ใช่ว่าจะไม่ถอน ไม่ใช่ ผมไม่ใช่ตัวความเอง

พี่วัฒนาจะถอนคำพูดมั้ย ที่บอกว่าซันกับอาย ใช้สื่อกดดันทำให้คุณนุเสียชีวิต?
ทนายวัฒนา : ผมไม่ได้ระบุชื่อว่าคุณอาย รวมๆ ผมก็ไม่ได้โทษคุณอายเป็นหลัก แต่คุณอายมาออกหน้าเป็นหลัก

แล้ทนายหมายถึงใคร?
ทนายวัฒนา : ฝั่งคู่กรณี แต่ไม่ได้โทษเด็กสองคนนี้

ทนายกุ้ง : ได้พาผู้ต้องหา 5 คนไปแจ้งความกลับกับ 5 คนด้วย อีกคดีแจ้งความทนายเดชาด้วยจริงมั้ย

ทนายวัฒนา : ผมไม่ได้แจ้งความกลับ แต่อะไรที่กระทบผมและตัวลูกความ คุณไปถามทางสน.เองแล้วกัน ทำให้เสียเวลารายการ แต่เรื่องไม่ได้ไปถึงไหน ไม่ได้สอบคำให้การกัน รอทางนี้ไกล่เกลี่ยก็วุ่นวายอยู่ ผมก็ทำงานส่วนตัวด้วย ผมก็รอฟังจากสามีคุณนุอยู่ว่าสรุปแล้วยังไง รับข้อเสนอมาไม่ได้ตอบรับ เขาบอกมาล่าสุด

ถ้าวันนี้ญาติๆ คุณนุ หรือสามีคุณนุเขาบอกว่าถอน?
ทนายวัฒนา : ถอนก็ถอนสิ ผมไม่ได้ว่าอะไร แต่ต้องถามคุณศรีพรรณผู้เสียหายโดยตรง เขาเป็นผู้ร้องในคดี ต้องถามคุณศรีพรรณสิครับ อย่ามาถามผมมาก

ทนายกุ้ง : ทนายบอกว่ารอคำตอบอยู่ เราก็รออยู่เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ทนายจะไปถอนคำร้องครอบครองปรปักษ์เสียทีเพื่อแสดงความจริงใจ ตอนนั้นก็ไม่รู้พูดจริงมั้ย ทำจริงมั้ย ซึ่งก็ไม่ได้แสดงความจริงใจในการไปยื่นคำร้อง มันเลยยังไม่มีคำตอบให้ในช่วงนั้น

ทนายวัฒนา : ก็ต้องไปคุยกับผู้เจรจา ผมไม่ได้เป็นคนไปเจรจา ถ้าคุณนุไปตามอารมณ์ของเขา เขาก็ไปตามไม่มีใครห้าม ขนาดพี่น้องบอกว่าจะสู้ๆ จะถอนๆ ในวันนั้น ผมก็บอกว่าให้คุณนุไปเถอะ ไปเจอคู่กรณีฝ่ายไหนก็ไปเลย เขาจะได้สบายใจ ทำได้กันตลอด ถ้าทำไม่ได้ศาลก็ไกล่เกลี่ยอยู่ดี

อาย : เรื่องคลิปเสียงที่คุณนุโทรมาขอโทษพวกหนูรับทราบด้วยใจจริงว่าคุณนุอยากถอนปรปักษ์จริงๆ เราอยากให้ความเป็นธรรมผู้เสียชีวิตด้วย ว่าเราอโหสิกรรมให้ทั้งหมด แต่ทนายอย่าพูดทำให้มันแย่ไปกว่านี้เลยนะคะ หนูขอค่ะ

ทนายวัฒนา : ไม่ใช่ความแย่ มันเป็นความต้องการของเขา ผมก็รับฟังคุณนุอยู่ แต่คนที่ครอบครองปรปักษ์โดยตรงคือคุณศรีพรรณ ก็อยากให้ถามคุณศรีพรรณบ้างอย่ามาถามแต่ผม เขารู้ทุกเรื่องราว เขาไปเจรจากันเอง ผมไม่ได้เกี่ยวข้อง ท้ายที่สุดลูกความผมบอกว่าต้องเดินยังไง ถ้าถอนผมก็ถอน แต่ถ้ามีข้อพิพาทหนักๆ ไม่ลงตัว ผมก็ถอนตัวผมเองได้ ผมมีสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะทำอยู่แล้ว

ฝั่งทนายเดชา บอกว่าเป็นคนกลางระหว่างคู่กรณีกับอากู๋มาโดยตลอด เพราะสองฝ่ายพร้อมไกล่เกลี่ยกัน แต่เมื่อไม่จสิ้น เลยทำให้เขาเกิดความเครียด ซึ่งเกิดหลังเป็นข่าวไปแล้ว ทนายคู่กรณี ซึ่งหมายถึงทนายวัฒนาหรือเปล่าไม่ทราบ เขาบอกว่าเป็นการพูดที่ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่นึกถึงบาปบุญคุณโทษ เขาตายเพราะทนายเขาหรือเปล่า เรื่องจะจบด้วยดีอยู่แล้ว แต่คุณไปแนะนำให้เขาบุกรุกย้ำไปจุดเดิมหรือเปล่า เขาตั้งข้อสงสัยว่าทนายความคนใหม่แนะนำให้บุกรุกเข้ามาในบ้านหรือไม่และตนได้มีการคุยกับสามีคนตาย เขาบอกว่าเขาเชื่อทนายคนใหม่ ?
ทนายวัฒนา : ผมก็ฟังอยู่ที่เขาพูด เขาหมายถึงผมหรือใคร ลูกความก็ต้องฟังความเห็น เชื่อไม่เชื่อก็อีกเรื่องนึง เชื่อก็ดี ไม่เชื่อก็แล้วไป แต่ผมไม่ได้ยุยงส่งเสริมให้เขาบุกรุก เขามีสิทธิ์ตามกฎหมาอยู่แล้ว ต้องไปถามศรีพรรณนะ ความจริงทั้งหมดอยู่ที่คุณศรีพรรณ เขารับทราบดี จะได้ไม่ต้องไปตีความต่างๆ นานา เป็นผลร้ายกับคนอื่นโดยไม่จำเป็น

อาจารย์อยากพูดอะไรมั้ย?
ปรเมศวร์ : ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวข้อเท็จจริงมันไม่ยุติ ทนายก็ว่าไป

ตกลงเขาไปครอบครองที่ดินปรปักษ์ เป็นที่ดินเปล่าๆ แต่นี่เป็นบ้าน มีบ้านเลขที่ เราฟ้องได้ด้วยเหรอ?
ทนายวัฒนา : ได้เป็นอสังหาริมทรัพย์ เขาก็ฟ้องกันทั่วประเทศ ไม่ใช่เฉพาะที่ดิน บ้านก็มีเยอะ มีทุกศาลครอบครองปรปักษ์ มีคอมเมนต์มาให้กำลังใจผมเยอะแยะ ว่าเขาก็ทำ มีกันทั่วประเทศ เขาก็ไม่ได้ใช้สื่อเป็นตัวนำแบบนี้ ผมก็ไม่อยากกล่าวถึง เดี๋ยวกระทบกระทั่งกันอีก

พร้อมถอนตัว?
ทนายวัฒนา : ถ้าคุณศรีพรรณให้ผมถอน ผมก็ถอน ผมก็ถอนตัวได้ ถอนตัวหรือไม่อยู่ที่ความเข้าใจระหว่างผมกับลูกความ ถ้าเขาเข้าใจ เราก็ถอนคำร้อง ไม่ได้เกิดจากยุแหย่จากฝั่งตรงข้ามเพื่อให้ตัวเองเอาเปรียบทางคดี แบบนี้ไม่ได้

หมายถึงทนายเดชาเหรอ?
ทนายวัฒนา : ทุกคนก็อยากได้เปรียบในแง่คดีทั้งนั้น บอกตรงๆ โหนกระแสชอบเอาคนจับมาชนกัน บางครั้งคุณก็ไม่เป็นกลางเหมือนกันนะคุณหนุ่ม

ความเป็นกลางก็มี แต่ความเป็นธรรมก็ต้องมี ผมว่าสังคมเขามองแบบนั้น?
ทนายวัฒนา : คุณธรรมก็ต้องมี ตามที่อาจารย์ปรเมศวร์เคยคุย

ใช่ครับ สังคมเขารู้ใครมีคุณธรรมไม่มีคุณธรรม?
ทนายวัฒนา : ทางเราก็ไม่ไร้คุณธรรมก็แล้วกัน

ไม่มีใครบอกทนายไร้คุณธรรมเลย?
ทนายวัฒนา : ไม่รู้ ก็ดูที่การกระทำด้วย แต่อย่าไปโทษเลย เดี๋ยวทะเลาะอีก ผมเข้าใจว่าจะโล่งแล้วนะคดีนี้ คุณนุมาจากไปเสียก่อน ก็เลยต้องให้เสร็จงานศพก่อน ผมเพิ่งกลับจากต่างจังหวัดให้จัดการให้เรียบร้อยแล้วค่อยมาคุยกัน ผมก็ว่าตามลูกความอยู่แล้ว

พี่วัฒนายังไงไม่ถอนออกไป?
ทนายวัฒนา : ผมจะถอนทำไม ผมไม่ได้ทะเลาะกับลูกความ คุณก็ยุ

ทนายฝั่งตรงข้ามยุยงให้ถอน ถูกมั้ย?
ทนายวัฒนา : ไม่รู้ ไม่พูดถึง คิดเอาเอง

ความเป็นธรรมต้องมี บอกจากหัวใจ?
ทนายวัฒนา : แต่ความเป็นกลางก็ต้องมี พิจารณาทุกด้าน

พี่มีความเป็นกลางมั้ย?
ทนายวัฒนา : ผมก็ต้องสู้เพื่อลูกความผม

แล้วบ้านเป็นของเขา ความเป็นกลางมาก่อนมั้ย?
ทนายวัฒนา : ถ้าคุณพูดอย่างนี้ บ้านก็เป็นของเขาตามกฎหมายเดิมอยู่แล้ว แต่เขาไม่ได้เป็นผู้ครอบครองตลอดมา แค่นั้นเอง

แกก็ไม่กลัวนะ ดุดันไม่เกรงใจใคร?
ปรเมศวร์ : เป็นความคิดของเขา เราก็ห้ามไม่ได้หรอก มันมีหลายมุมที่ต้องมอง ความเป็นกลาง คือคุณกรรชัยนำเสนอสองฝ่าย แต่จะเข้าข้างใครก็อีกเรื่องนึง นี่ทำเป็นกลางแล้ว ถามทางนี้ ถามทางโน้นแล้ว ส่วนในใจความเป็นธรรมอยู่ทางไหนมันไม่เกี่ยวกับความเป็นกลาง แต่เปิดโอกาสทั้งสองฝ่าย อย่างในศาล ตร.ก็ดี ต้องฟังความทั้งสองฝ่ายเสียก่อนแล้วถึงจะตัดสิน ไม่เกี่ยวตัดสินด้วยความเป็นกลาง ความเป็นธรรมคือสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่ควรจะเป็น ความถูกต้อง ความยุติธรรม อยู่ในหัวใจมนุษย์ทุกคน มนุษย์จะรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด แล้วคุณธรรมอยู่ตรงไหน อยู่ตรงความยุติธรรมเป็นหลัก

เราไม่ใช่จะไม่เป็นกลางนะ?
ปรเมศวร์ : คุณหนุ่มจะเข้าข้างใครเป็นความเป็นธรรมในใจ แต่คุณเปิดโอกาสให้ทุกคน นี่คือประชาธิปไตย ความยุติธรรมกับความเป็นกลาง อย่าไปปนกัน

เขาคงหวังว่าผมต้องบอกว่าฟ้องดีแล้ว?
ทนายกุ้ง : ยื่นสิทธิ์แล้วได้เลย มันก็ไม่ใช่นะ มันยื่นสิทธิ์ก็ต้องรอให้ศาลใช้กระบวนการก่อน อย่างเคสนี้เขายื่นก่อนแจ้งความบุกรุกนะ

ปรเมศวร์ : ติดใจนิดเดียว บอกยื่นคำให้การต่อสู้ เรียกค่าเสียหาย 6 ปี มาจากไหน

ทนายกุ้ง : ย้อนหลังค่าเช่า เพราะเรามีหลักฐานเขาเข้ามาปี 60

ปรเมศวร์ : เมื่อกี้ทนายบอกว่าเรียกค่าเสียหาย 6 ปี ประเด็นมันครอบครองปรปักษ์หรือยัง ทางนี้เรียกค่าเสียหาย 6 ปี แสดงว่าเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่าก่อนปี 60 ไม่มีการครอบครอง สิทธิการครอบครองปรปักษ์ต้องครบ 10 และยื่นศาล ยื่นคำร้องสิทธิ์ถึงเริ่มตรงนั้น

ทนายกุ้ง : อีกอย่างพอยื่นเสร็จ ไม่ใช่ยื่นคำร้องเสร็จแล้วมาแปะว่าได้มาแล้ว มันไม่ถูก เขาพูดถึง 13 ปี ไม่พูดถึง 6 ปีเขาอ้าง 13 ปี แต่หลักฐานเขาก็ไม่มีถึง 13 ปี

“คุณเอ๋” สามีคุณนุ อยู่ในสาย เรื่องการฟ้องร้องครอบครองปรปักษ์ คุณเอ๋มองยังไง จะถอนหรือเดินต่อ?
เอ๋ : ส่วนตัวผมกับภรรยาคุยกันตั้งแต่แรกแล้วว่าเราจะไม่เดินหน้าต่อ ตั้งแต่ก่อนเขาจะจากไป ไม่เดินหน้าต่อจริงๆ เพื่อให้ทุกอย่างจบหมดเลย ให้ยุติ เหลือแค่ 1 คดีเท่านั้น ส่วนคดีที่ 1 ก็อยากขอความกรุณา อยากไกล่เกลี่ยให้มันจบ เพราะมันเหนื่อยมากกับการมาอยู่ตรงนี้ครับ

คุณเอ๋กำลังจะบอกว่าความปรารถนาสุดท้ายก่อนภรรยาจากไปคือยุติเรื่องนี้?
เอ๋ : ใช่ครับ ยุติเรื่องนี้ครับ

ได้คุยกับคุณศรีพรรณ พี่สาวภรรยาหรือยัง?
เอ๋ : คุณศรีพรรณน้องว่ายังไง เขาก็อยากว่าตามอย่างนั้น เขาเป็นคนรักพี่รักน้อง น้องเขาห่วงพี่ๆ ทุกคน

มุมทนายความ ที่คุณนุมีเสียงพูดกับอากู๋ว่าไปกราบเท้าทนายความเพื่อให้ถอน ข้อเท็จจริงเป็นยังไง?
เอ๋ : ผมอยู่ในเหตุการณ์ แต่เรื่องพูดขอ เขาอยากขอความกรุณาทนาย นุเขาอยากจะให้ถอนให้มันเป็นรูปธรรม เขาอาจมีความใจร้อนด้วย เขาอยากถอนเพื่อเอาตรงนี้มาคุยกับอากู๋กับน้องซันน้องอายสเต็ปที่สอง ว่าทางเราถอนแล้วนะ ไม่มีเจตนาครอบครองจริงๆ แล้วจะได้เอาตรงนี้ไปคุย ที่ผมไปคุยกับทนายเดชา มันคืออย่างนั้นจริงๆ

ดูทรงจากทนายวัฒนา ธงของแกเหมือนไม่อยากถอน แต่แกบอกว่าแล้วแต่ทางนี้ แต่แกก็บอกว่าคุณศรีพรรณให้แกเดินหน้านะ?
เอ๋ : ผมไม่ได้ดูข่าว แต่ถ้าแกไม่สะดวก ผมก็คงต้องขอเข้าทางคุณศรีพรรณไปขอถอนเอง ผมไม่รู้ว่าสิทธิ์ในการที่ผมจะพาไปถอน ผมทำได้หรือเปล่า

ปรเมศวร์ : ทำได้ ถ้าเป็นตัวความ ถ้าคุณศรีพรรณไม่อยากเดินต่อก็ไปถอน ผมก็เสนอแนะต่อคู่กรณีนะ ถ้าค่าเสียหายลดลงได้ก็ลดลงไป เพราะฝั่งโน้นเสียคุณนุไปคนนึงก็มากพอแล้ว ฝากทั้งสองฝ่าย ไปถอนซะให้จบ ค่าเสียหายลดได้ก็ลดลงไป เอาพอสมควร

คุณเอ๋ไปที่วัดแล้ว?
เอ๋ : ร่างภรรยากำลังมาที่วัด ต้องรีบไปรับร่างครับ

ขออภัยที่ถาม วันนั้นอยู่ดีๆ เกิดเหตุขึ้นมาได้ยังไง?
เอ๋ : ผมก็อยู่ด้วยกัน เรามีธุระต้องออกไปข้างนอก ตอนประมาณ 10 โมง ผมก็นั่งดูทีวีบอกว่าประมาณ 07.30 น. ขอออกไปซื้อข้าวมาทานกันก่อน ก็ถามว่านุจะกินอะไรดี มีร้านเลียบถนน เอาต้มมะระกับข้าวเปล่ามาก็ได้ เพราะเขากินอะไรไม่ค่อยได้ กินได้นิดๆ หน่อยๆ ผมออกไปไม่ถึงครึ่งชม. กลับมานุก็ล็อกบ้าน ล็อกห้องนอน ผมก็ปีนประตูหลังไปอีกห้องนึง เข้าทางหลังห้องน้ำ ซึ่งก็ไม่ทันแล้วครับ

จะเอาร่างไว้กี่วัน?
เอ๋ : ผมคุยกับพี่ๆ ญาติๆ นุเขาก็จะสวดทั้งหมด 5 คืน ไว้ถึงวันเสาร์ แล้ววันอาทิตย์จะเป็นวันฌาปนกิจ แต่ผมกับภรรยาได้บริจาคร่างไว้ที่รพ.จุฬาฯ นานแล้ว เพราะเราไม่มีทายาท ทางรพ.ก็แจ้งมาว่าจะขอรับร่างของนุเป็นอาจารย์ใหญ่ให้นักศึกษาได้เรียนรู้กันครับ

คุณเอ๋บอกว่าจริงๆ คุณนุเป็นคนพยายามปกป้องทุกคน ความหมายคืออะไรที่บอกว่าคุณนุขอออกหน้ารับผิดเองคนเดียว?
เอ๋ : การที่เขาพูดแบบนั้น ไม่ได้สื่อถึงเรื่องที่เขาเสียชีวิตนะครับ เขาสื่อว่าถ้าเราทั้งหมดอยู่ในชั้นศาล เขาจะขอพูดออกมาว่าการกระทำทั้งหมดเขาทำเองคนเดียว จะรับคนเดียว เพื่อปกป้องผม ญาติๆ ทั้งหมด และคนทั้งหมดที่โดนข้อหาตรงนี้ ถ้าลองย้อนกลับไปเทปแรกปี 66 เขาก็จะมีอยู่ประโยคนี้ว่าพี่ทำคนเดียว นั่นแหละครับ ผมอยากออกมาคุยแต่เขาห้ามผม ไม่ต้องออกมา เขาก็กลัวว่าจะมีผลกระทบกับส่วนตัวผม

ตอนแรกคุณเอ๋บอกว่าเรื่องครอบครองปรปักษ์มีคนแนะนำให้ทำแบบนี้ ถ้าฟ้องชนะจะแถลงข่าวแล้วคืนบ้านหลังนี้ให้ทางอากู๋ จริงมั้ย?
เอ๋ : อันนี้เป็นเจตนารมณ์ของเราทั้งสองคนจริงๆ ครับ

แล้วทำไมต้องไปฟ้องให้เสียเวลา?
เอ๋ : อาจเป็นความโง่เขลาของเราทั้งสองคนครับ และได้รับข้อมูลมาคลาดเคลื่อนบ้างอะไรบ้าง และอาจคิดน้อยไปหน่อย อีกอย่างคนมีคดีแรก เกิดมาไม่เคยเจอแบบนี้ ก็มีความวิตกกังวล พอได้ข้อมูลตรงนี้มาก็คิดว่าน่าจะมีทางออก เราก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอย่างที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์กัน ก็น่าจะมีอะไรที่ดีสำหรับเรากลับมาบ้าง เราก็ยินดีที่จะคืนบ้านให้กับอากู๋จริงๆ ครับ

คุณซันคุณอาย มีอะไรอยากพูดกับคุณเอ๋?
อาย : หนูขอแสดงความเสียใจกับพี่เอ๋ และขออโหสิกรรมให้ทั้งหมดเลย พี่เอ๋น่าจะจำได้วันที่เราคุยกัน ที่พี่เอ๋โทรมาหาหนู พวกหนูก็รับทราบในเจตนาพี่เอ๋กับคุณนุแล้วล่ะค่ะว่าพี่เอ๋กับคุณนุไม่ต้องการไปต่อเรื่องครอบครองปรปักษ์

ซัน : ขอแสดงความเสียใจกับพี่เอ๋ด้วยนะครับ เมื่อวานอยากทักไป แต่ไม่กล้าทัก เกรงจะเป็นการดูหมิ่นครับ

เอ๋ : ไม่เคยคิดแบบนั้นแม้แต่น้อยเลยครับ ขอโทษอากู๋ด้วยนะครับ ไม่ได้ไปกราบขอโทษอากู๋ด้วยตัวเอง ภรรยาอยากไปขอโทษ แต่ก็สายไปแล้ว ก็เอาเจตนารมณ์ภรรยามาถ่ายทอดผ่านผมแล้วกันครับ

มีสิ่งหนึ่งขอถามแทนพี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชน คุณเอ๋โกรธสื่อมั้ย?
เอ๋ : ถ้าผมโกรธสื่อแล้วนุกลับมาได้ ผมจะโกรธครับ (ร้องไห้) แต่ผมไม่มีสิทธิ์โกรธเลยครับ ผมเข้าใจว่ามันคืออาชีพนึงที่ต้องเลี้ยงดู เราเองที่รับกับเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้ นุเขาเป็นคนเข้มแข็งแค่ภายนอก แต่จิตใจเขาอ่อนโยน

สิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวตอนนี้เกิดจากการแนะนำของบางท่าน ที่คุณพูดคำว่าโง่เขลาไม่รู้ข้อเท็จจริงคืออะไร มันทำให้เดินทางมาถึงจุดนี้?
เอ๋ : อันนี้ไม่ขอพาดพิงแล้วกันครับ แล้วแต่สังคมจะเข้าใจกันเองดีกว่า ผมพอแล้วครับ ไม่อยากให้เกิดเป็นประเด็นอะไรขึ้นมาอีก

ปรเมศวร์ : เขาต้องการสู้คดีอาญาว่าไม่เป็นแบบนั้น แค่นั้นเอง แต่วิธีคิดเป็นวิธีที่ผิด คดีบุกรุกคดีนี้อาจไม่เป็นบุกรุก แต่ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์ยังอยู่ แต่ผมมองว่าศาลไม่ลงโทษหรอก เพราะตัวผู้ถูกกล่าวหา เขาสำนึกแล้ว เขาอยากคืน คลิปที่มีอยู่เอาไปแสดงที่ศาลเมื่อไหร่ศาลก็ลดโทษให้อภัย โทษจำไม่มี มีแค่ปรับนิดหน่อย จบเลย ทุกคนก็เดินออกจากศาลสบายใจ ฝั่งโน้นเขาเสียไปคนนึง อะไรลดได้ก็ลด ฝากบอกเดชาด้วย เดชาก็มีคุณธรรมแหละ อย่าไปเดินเต็มเพดาน เพราะฝั่งคุณเอ๋เขาถอยแล้วนะ

ทนายกุ้ง : ก่อนคุณนุจะเสียชีวิต เขาบอกเราเสมอว่าเขาจะถอนและยอมขอโทษ แต่สิ่งที่มาคุยนอกรอบเราไม่รู้เหตุผลที่เขามา เราเช็กทุกวัน กระทั่งวันสุดท้ายก็ไม่มีการถอน ฉะนั้นการเจรจามันก็เลยไปต่อไม่ได้ค่ะ

ปรเมศวร์ : คนแนะนำ แนะนำผิด ที่ให้เอาปรปักษ์มาสู้ มันไม่มีประโยชน์ ผมว่าวันนี้ไม่ใช่สื่อทำให้เสียชีวิตแล้วนะ ผู้อยู่เบื้องหลัง ไม่รู้ว่าใคร















กำลังโหลดความคิดเห็น