เป็นหนังอีกเรื่องที่ได้รับความสนใจอย่างมากในปีนี้ บนเวทีประกวดรางวัลออสการ์ 2024 สำหรับ Poor Things ซึ่งมีนักแสดงหญิงอย่าง “เอมม่า สโตน” รับบทนำ ซึ่งไม่เพียงแค่ตัวเธอมีชื่อเข้าชิงตุ๊กตาทองสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม แต่หนังเรื่องนี้ยังเข้าชิงออสการ์รวมทั้งสิ้น 11 รางวัล รวมถึงรางวัลใหญ่ อย่าง หนังยอดเยี่ยม , ผู้กำกับยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมด้วย
แน่นอนว่า ในบรรดาความยอดเยี่ยมทั้งหลายที่ทั้งคนดูและนักวิจารณ์ต่างเทใจให้กับผลงานชิ้นนี้ ปัจจัยหนึ่งซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือ การแสดงของเอมม่า สโตน ที่นอกจากจะแสดงฝีไม้ลายมือความเป็นนักแสดงมืออาชีพให้เห็นอย่างประจักษ์ชัดแล้ว อีกส่วนหนึ่งซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญอย่างมากคือ การทุ่มสุดตัวของเอมม่าในการรับบทบาท ซึ่งมีฉากวาบหวิวและฉากอย่างว่าอยู่เยอะพอสมควร จนได้รับเรต ฉ20- คือห้ามผู้ชมที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีดู (ก่อนเข้าชมในโรงภาพยนตร์ ต้องมีการตรวจบัตรประชาชน)
หนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนวนิยายแฟนตาซีในชื่อเดียวกัน เป็นผลงานการประพันธ์ของนักเขียนชาวสกอตแลนด์ “อลาสแดร์ เกรย์” ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 1992 โดยเนื้อหาคร่าว ๆ เล่าถึงเรื่องราวของ “เบลล่า แบ็กซเตอร์” หญิงสาวที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากการชุบชีวิตของนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง นามว่า “ดร.ก็อดวิน แบ็กซเตอร์” โดยด็อกเตอร์ได้ทำการปลูกถ่ายสมองของเด็กทารกในครรภ์ที่เพิ่งเสียชีวิต
เบลล่าเติบโตมาท่ามกลางการต้องเรียนรู้และปรับตัวเข้ากับสังคมรอบข้างที่ชอบตัดสินเธอแทบทุกอย่าง ก่อนที่เธอจะได้ค้นพบความจริงว่า เธอนั้นเป็นเพียงมนุษย์ทดลองที่มีข้อบกพร่องและชื่นชอบการช่วยตัวเอง ดังนั้นในเวลาต่อมา เธอจึงตัดสินใจหนีตามทนายหนุ่มเจ้าเล่ห์อย่างดันแคน เวดเดอร์เบิร์น ด้วยความหวังว่าการออกเดินทางจะช่วยให้เธอได้มีโอกาสค้นหาชีวิตที่แท้จริง ซึ่งนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่นำพาเธอไปพบกับประสบการณ์การผจญภัยทางเพศในหลาย ๆ ประเทศ
โดยเรื่องย่อที่เล่ามา ปฏิเสธไม่ได้ว่า หนังจำเป็นต้องมีฉากโป๊เปลือยเป็นแน่นอน ซึ่งสำหรับผู้กำกับ “ยอร์กอส ลานธิมอส” แล้ว ก็ไม่ค่อยจะเบามือกับฉากทำนองนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ฉากโป๊เปลือยในหนังของเขา ไม่ได้มุ่งเน้นกระตุ้นกามารมณ์หรือตัณหาราคะแต่อย่างใด และถ้าได้ดูจริง ๆ เราจะรู้สึกพะอืดพะอมถึงขั้นหดหู่ขมขื่นเสียด้วยซ้ำ ซึ่งนี่ก็เคยปรากฏมาแล้วในหนังของเขาเรื่อง DogTooth เมื่อปี 2009
ว่ากันถึง “ยอร์กอส ลานธิมอส” เขาคือผู้กำกับภาพยนตร์เชื้อสายกรีก ที่กำลังมาแรงมากที่สุดคนหนึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผลงานของเขาสะท้อนถึงความเป็นคนตลกร้าย เสียดสีสังคมด้วยอารมณ์ขันขื่น และไม่เคยหยุดยั้งที่จะนำเสนอสิ่งเหล่านี้ในหนังของเขาเสมอ ๆ นับตั้งแต่ DogTooth (2009) , The Lobster (2015) , The Killing of a Sacred Deer (2017) และ The Favourite (2018) ซึ่งมี เอ็มม่า สโตน แสดงบทนำ
Poor Things จึงนับเป็นผลงานเรื่องที่สอง ที่เอ็มม่า สโตน ได้แสดงบทนำในหนังของยอร์กอส ลานธิมอส แน่นอนว่า การที่เธอสามารถทุ่มเทให้กับการแสดงแบบเปิดเปลือยเนื้อหนังมังสาเช่นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในฝีมือและทักษะการถ่ายทอดของยอร์กอสอย่างปฏิเสธไม่ได้
เอ็มม่า สโตน ได้เคยให้สัมภาษณ์นิตยสาร ELLE เกี่ยวกับการรับบทบาทในหนังเรื่องนี้ไว้ว่า “ตอนนี้ก็ 20 ปีแล้วที่ฉันยึดอาชีพนักแสดง เวลาที่เกิดความกลัวก็นับเป็นสัญญาณที่ดี ยอมรับเลยว่ากลัวที่ต้องออกจากคอมฟอร์ตโซนของตัวเอง แต่การได้ทำงานกับยอร์กอสที่ฉันไว้วางใจเต็มร้อยเลยทำให้รู้ว่าไม่มีอะไรต้องกลัว"
"แน่นอนล่ะว่าฉันไม่เคยเล่นฉากเซ็กส์มากขนาดนี้ ที่อเมริกาเราไม่ชินกับอะไรแบบนี้ คุณจะเห็นว่าในภาพยนตร์ ตัวเบลล่าเรียนรู้ประสบการณ์ทางเพศด้วยความสนใจใคร่รู้แบบไร้เดียงสาจริง ๆ เธอเลยไม่มีความละอายหรือคอยมาตัดสินถูกผิด ต่างจากธรรมเนียมทางสังคมที่เรื่องพรรค์นี้ดูเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับผู้หญิง เธอจึงเหมือนเป็นตัวแทนของตัวละครหญิงยุคใหม่ การได้สวมบทบาทตัวละครที่กำลังเรียนรู้ในรูปแบบนี้ถือว่าท้าทายสำหรับฉันที่สุด”
จากคำให้สัมภาษณ์ของเอมม่า น่าจะทำให้เราฉุกคิดได้ว่า การมีฉากเซ็กส์ในหนัง ไม่ได้หมายถึงเรื่องอนาจารเสมอไป แต่มันคือเครื่องมือในการสื่อความหมายบางอย่างที่มากกว่าฉากเซ็กส์ ซึ่งก็อย่างที่บอกว่า ยอร์กอส ลานธิมอส ไม่เคยใส่ฉากเหล่านี้เข้ามาอย่างว่างเปล่าหรือปราศจากความคิด “เนื้อหนังมังสา” ในหนังของเขา ก็คือ “เนื้อหนัง” หรือ เนื้อหาของหนังอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่ในการสื่อความ
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ณ ชั่วโมงนี้ต้องบอกว่า ผลงานของยอร์กอส ลานธิมอส และบทบาทการแสดงของเอมม่า สโตน ต่างได้รับการกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในแง่ของคำชื่นชม และไม่แน่ว่า นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งบทบาทของเอมม่า สโตน ในการคว้าตุ๊กตาทองตัวที่สอง หลังจากเคยได้รับรางวัลนี้มาแล้วจากหนังเรื่อง La La Land