“เต้ย จรินทร์พร” เผยคุณพ่อโชคดีได้ผ่าตัดเปลี่ยนไต หลังรอมาเกือบปี จนมีอันที่แมตช์ ตั้งจิตขอบคุณคนบริจาค ทำเห็นคุณค่าของการบริจาคอวัยวะ ล้มความเชื่อบริจาคไปแล้วชาติหน้าจะไม่ครบ32 ลั่นเอาตอนนี้ ชาตินี้ก่อน เพราะทำดีต้องได้ดี ตั้งเป้าปีนี้จะใช้ชีวิตจอยๆ รับงานที่อยากทำ
หลังคุณพ่อได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนไต จากผู้แสดงความจำนงค์บริจาคอวัยวะไว้ตอนมีชีวิตอยู่ ก็ทำเอาสาว “เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ” เห็นคุณค่าและความสำคัญของการบริจาคอวัยวะแบบจริงๆ จนตัดสินใจควงน้องชายไปบริจาคบ้างเมื่อวันเกิดที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ (4 ก.พ.) ได้เจอสาวเต้ย ในงาน “สหมงคลฟิล์มกลางแปลง ครั้งที่ 2” เจ้าตัวก็ได้อัปเดตอาการหลังผ่าตัดของคุณพ่อให้ฟัง พร้อมกับเชิญชวนให้ไปบริจาคอวัยวะกันเยอะๆ เพราะเมื่อเราเสียชีวิตไปแล้ว มันสามารถเอาไปทำให้เกิดประโยชน์และต่อชีวิตคนอื่นได้
“จริงๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ นะคะ ก็คือคุณพ่อเต้ยเป็นโรคไต แล้วโชคดีมากๆ ที่ได้คิวเปลี่ยนไตพอดีค่ะ ตอนนี้ก็ค่อนข้างดีมากๆ คือคุณพ่อเป็นกรรมพันธุ์จากคุณย่าค่ะ เป็นมาสักพักใหญ่ๆ แล้วค่ะ จนกระทั่งต้องฟอกเลือดแล้ว ตอนที่เต้ยลงโพสต์ เต้ยก็คิดว่าทุกคนจะรู้สึกเป็นห่วงหรือกลัวหรือเปล่า แต่จริงๆ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ สำหรับการผ่าตัดครั้งนี้ค่ะ แล้วมันทำให้เต้ยเห็นคุณค่าของการบริจาคอวัยวะจริงๆ เพราะคุณพ่อก็ได้รับบริจาคอวัยวะมาจากทางสภากาชาดไทยอีกทีหนึ่งค่ะ”
โชคดีเดี๋ยวนี้คนบริจาคอวัยวะเยอะขึ้น รอเกือบปีก็ได้รับการเปลี่ยนไต จากที่เมื่อก่อนต้องรอประมาณ 2 ปี
“ก็รอมาประมาณเกือบปี คือเมื่อก่อนรอประมาณ 2 ปีนะคะ แต่เดี๋ยวนี้พอเทคโนโลยีมันดีขึ้น คนเริ่มรู้จักการบริจาคอวัยวะเยอะขึ้น ผู้ป่วยหลายๆ คนก็ได้เปลี่ยนเร็วขึ้นค่ะ เต้ยคุยกับคุณหมอ เขาบอกว่าถ้าคนบริจาคอวัยวะกันเยอะๆ ก็จะทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคต่างๆ ได้เปลี่ยนอวัยวะเร็วขึ้นค่ะ ตอนรอของคุณพ่อ เอาจริงๆ ลุ้นมากๆ ค่ะ เพราะได้รับการติดต่อมาประมาณ 2 รอบ ว่าคุณพ่อจะได้แล้วนะ แต่คือเขาจะมีลำดับค่ะ ลำดับที่ 2 ลำดับที่ 3 แล้วครั้งล่าสุดตอนปลายปีที่แล้ว โชคดีได้เป็นลำดับแรกแล้วแมตช์พอดีค่ะ ถือเป็นเรื่องดีมากๆ ในช่วงปีนี้ของคุณพ่อเลย”
พอถึงวันเกิดก็เลยไปบริจาคอวัยวะ เพราะคิดไว้แล้วตั้งแต่คุณพ่อได้เปลี่ยนไต
“คือตั้งแต่ตอนนั้น เต้ยก็คิดเลยว่าเต้ยจะไปบริจาคอวัยวะแน่ๆ เพราะเราตายไป เราเอาอะไรไปไม่ได้จริงๆ แต่ว่ามันเห็นชัดๆ เลยว่า คนใจดีที่บริจาคไตให้คุณพ่อเต้ยค่ะ คือมันมีคุณลุงอีกท่านหนึ่ง ที่ต้องการเปลี่ยนไตพร้อมกันกับคุณพ่อพอดี ก็เลยแบบเออเต้ยไปบริจาคก็ได้ เพราะว่าการบริจาคก็แค่ลงนามแสดงความจำนงค์ ว่าจะบริจาคเฉยๆ เขาไม่ได้เอาไตเราไปตอนนี้ค่ะ พอได้ไปบริจาคแล้วรู้สึกดีใจค่ะ เป็นการตัดสินใจที่ดีมากๆ ของตัวเองเลย ถ้าเราเสียชีวิตไป มันยังสามารถเอาดวงตา เอาหัวใจ เอาไตของเราไปทำให้เกิดประโยชน์”
ล้มความเชื่อบริจาคอวัยวะ แล้วชาติหน้าจะไม่ครบ 32 บอกเอาตอนนี้ชาตินี้ก่อนดีกว่า
“ความเชื่อว่าบริจาคอวัยวะแล้วชาติหน้าจะไม่ครบ 32 เต้ยว่าไม่น่าเกี่ยวนะคะ เพราะจริงๆ แล้วมันไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะการที่เราได้บริจาค การที่เราได้ทำสิ่งดีไป แล้วเราเสียชีวิตไป เราเอาอะไรไปไม่ได้อยู่แล้ว เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งไปคิดอะไรถึงชาติหน้า ภพหน้าเลยดีกว่าค่ะ เอาตอนนี้ เอาชาตินี้ก่อนดีกว่าค่ะ เต้ยค่อนข้างเชื่อจริงๆ ว่าถ้าเราทำสิ่งที่ดี ยังไงชาติหน้ามีจริงเราเกิดมา มันก็ต้องมีเรื่องดีๆ เกิดมาให้เราอยู่แล้ว เพราะเราได้ช่วยคนอื่นด้วยซ้ำค่ะ ก็อยากได้ชวนทุกคนค่ะ ให้มาลงนามบริจาคไต หรือบริจาคอวัยวะต่างๆ คือมันสามารถบริจาคได้ตั้งแต่ครูใหญ่ด้วย แต่ของเต้ยอาจจะยังไม่กล้าค่ะ”
ตอนนี้ไปบริจาคไว้ทั้งตัวเองและน้องชาย
“คุณพ่อรับรู้ค่ะ จริงๆ มันไม่ได้เป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจยาก คุณพ่อเองเขาก็สนับสนุน รวมถึงน้องชายเต้ยก็บริจาคเหมือนกันค่ะ เพราะสุดท้ายตายไปมันเอาไปไม่ได้จริงๆ แล้วเท่าที่รู้เวลาเขาผ่าตัดเอาอวัยวะออกไป เขาก็จะเย็บกลับให้ศพเราโอเคที่สุด เพราะฉะนั้นไม่น่ากลัวเลย”
ไม่รู้คนที่บริจาคให้คุณพ่อคือใคร เพราะเป็นกฎ เแต่ก็ตั้งจิตขอบคุณไปแล้ว
“คนที่บริจาคให้คุณพ่อ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขาเป็นใคร เพราะมันเป็นกฎค่ะ ก็จะรู้แค่รูปพรรณสัณฐาน เขาใช้ชีวิตยังไง สูบบุหรี่ไหม จะรู้แค่นี้ค่ะ ก็จะตั้งจิตขอบคุณเขาเอา ไม่รู้ว่าเป็นใครแค่ขอบคุณมาก นี่เลยเป็นอีกเหตุผลที่เต้ยกล้าบริจาคอวัยวะ เพราะเขาจะไม่รู้ว่าเราเป็นใครค่ะ”
เผยคุณพ่อยังออกไปเจอคนเยอะไม่ได้ ต้องดูแลเรื่องอาหาร และเรื่องความสะอาดมากๆ
“ก็ต้องระวังเรื่องอาหารด้วย แล้วช่วงนี้คุณพ่อต้องปลอดเชื้อ ต้องสะอาดมากๆ ถ้าเต้ยมาเจอคนเยอะๆ กลับบ้านไปก็ต้องขึ้นไปอาบน้ำก่อน ยังไม่ไปเจอเขา ตอนนี้คือคุณพ่อยังต้องดูแลตัวเองก่อน ประมาณ 6 เดือน แล้วก็ยังไปในที่คนเยอะๆ ไม่ได้ ยังอีกนานเลย สัก 6 เดือน - 1 ปี ดูให้ทุกอย่างมันโอเคแล้ว ถึงจะออกไปเจอคนข้างนอกได้”
ตอนนี้แฮปปี้ ไม่มีอะไรให้กังวล ตั้งใจจะใช้ชีวิตแบบจอยๆ มากขึ้น
“ตอนนี้ไม่กังวลแล้วค่ะ ค่อนข้างแฮปปี้แล้วก็เอ็นจอยกับสิ่งที่เรามีอยู่ทุกวันนี้ แล้วคุณพ่อคุณแม่ทุกคนแฮปปี้มากๆ เลยค่ะ ปีนี้เต้ยโฟกัสที่ความสุขของตัวเองและคนรอบข้าง โฟกัสที่ความสุขเล็กๆ ง่ายๆ เพราะปีที่แล้วช่วงครึ่งปีหลัง เต้ยค่อนข้างจริงจังมากๆ กับการทำงาน การคิดงาน อยู่ดีๆ ก็เฮ้ย ความสุขเล็กๆ ที่เราเคยมีมันไปไหน ปีนี้เราจะจอยๆ ดูเป็นคนสดใสใช่ไหม แต่จริงๆ เป็นคนจริงจังค่ะ”
การรับงานตอนนี้เปิดกว้างมาก ถ้ามีโปรเจกต์ที่น่าสนใจก็พร้อมลุย
“งานหนังก็อยากทำค่ะ ตอนนี้ค่อนข้างเปิดกว้างมากๆ ถ้าสมมติว่ามันมีโปรเจกต์ดีๆ ที่น่าสนใจก็พร้อมลุยค่ะ เป็นฟีลจอยๆ มากกว่าค่ะ ถามว่าพอเป็นนักแสดงอิสระแล้ว มันคิดมากขึ้นหรือง่ายขึ้นไหม เต้ยว่าวัดจากความเอ็นจอยของตัวเองมากกว่าค่ะ เพราะเต้ยเชื่อว่าถ้ามันเริ่มจากสิ่งที่เราสนใจ เราจะทำสิ่งนั้นได้ออกมาดีจริงๆ ค่ะ ก็รับได้หมดเลย”
