ชีวิตของผู้เขียนคอลัมน์นี้มีการพลิกผันอันสำคัญอย่างยิ่งเมื่อบังเอิญพบเจอ ‘โคมทอง’ ส่องทางให้เลือกเดินอีกแพร่งหนึ่ง แทนที่จะสะเปะสะปะไปยังอีกแพร่งที่ซึ่งไม่รู้จุดหมายปลายทางอยู่ที่ใด
ฉากช่วงวัยรุ่น ผู้เขียนก็คล้ายกับวัยรุ่นทั่วไป ไม่ขลุกอยู่บ้านเพื่อน ก็เอะอะมะเทิ่งละแวกตลาดไปวันๆ
ต่อจนเมื่อได้อ่านนิตยสาร ‘ถนนหนังสือ’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคอลัมน์ที่กุมบังเหียนโดย ‘สิงห์สนามหลวง’ และได้ฟังเพลงจากวงแปลกๆ อย่าง ‘คาราวาน’ นั่นจึงทำให้ชีวิตช่วงนมแตกพานเริ่มพลิกผันตาลปัตร
เดิมเคยอ่านแต่ข่าวกีฬาในหน้าหนังสือพิมพ์ ครั้นพอได้อ่านนิตยสารถนนหนังสือ โลกทัศน์พลันแปรเปลี่ยน เช่นเดียวกับเอาแต่ฟังเพลงลูกทุ่ง พอฟังเพลงจากคาราวานอะไรมากมายหลายอย่างกลับพลิกผัน
ทั้งถนนหนังสือ หรือจำเพาะเจาะจงคือสิงห์สนามหลวง และคาราวาน ล้วนทำให้ผู้เขียนหันเหจากแพร่งที่วัยรุ่นส่วนใหญ่มักเลือกเดิน มาเป็นแพร่งที่ทอดยาวไปด้วย ‘การอ่าน – วรรณกรรม’
ยิ่งไปกว่านั้นคือการดำเนินชีวิตไปตามครรลองของอิสรเสรี ชอบธรรม น้ำมิตร และการอยู่เคียงข้างกับคนยากอันเป็นส่วนมากของประเทศเรา
ทั้งสิงห์สนามหลวง ทั้งคาราวาน ต่างเป็นบรมครูของผู้เขียน
ว่ากันตามความจริง ทุกวันนี้คาราวานอาจเหลือเพียงชื่อ เนื่องจากสมาชิกดั้งเดิมเสียชีวิตไปแล้วสองคน คือ ‘พี่หว่อง’ กับ ‘พี่แดง’ ส่วน ‘พี่อืด’ มุ่งหน้าเข้าหาธรรมะ แทบไม่เคยหยิบเครื่องดนตรีไปแจมคอนเสิร์ตใดๆ อีกเลยในช่วงสิบปีที่ผ่านมา
ดังนั้นคาราวานดั้งเดิมจึงเหลือแค่ ‘พี่หงา’ สุรชัย จันทิมาธร
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวาระครบรอบ 50 ปีคาราวาน จึงมีการจัดคอนเสิร์ตขึ้น ซึ่งแรกทีเดียวได้ข่าวว่ามีทีมงานนั่น โน่น นี่ วางแผนจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ สุดท้ายกลายเป็นรายการถนนดนตรี โดย NBT / กรมประชาสัมพันธ์ ให้การสนับสนุนทั้งเรื่องสถานที่ การถ่ายทอดสด
คอนเสิร์ต 50 ปีคาราวาน ผ่านไปแล้วเมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา ต้องบอกว่าอบอุ่น เพลิดเพลิน เพราะพริ้ง เหนือยิ่ง คืออวลไปด้วยมิตรภาพของพี่หงา – สุรชัย จันทิมาธร พร้อมด้วยสมาชิกใหม่ของคาราวานกับแฟนเพลงผู้เหนียวแน่น
ระหว่างนั่งฟังเพลงกับนั่งดูพี่หงาขับร้องเพลงหลากหลายที่ไม่ค่อยได้ร้องตามงานอื่นทั่วๆ ไป ผู้เขียนกราบคาราวะ ‘บรมครู’ อยู่ในใจ ไม่เคยลับเลือน
ขอบพระคุณคาราวาน และสิงห์สนามหลวงด้วยนิรันดร์