“อ๊อฟ ชนะพล” เผยแพลนคุยเรื่องแต่งกับ“ฮาน่า” ผู้ใหญ่ไม่ติด แต่ต้องทำให้ถูกต้องตามธรรมเนียม บอกไม่ห่วงเรื่องมีลูก เพราะเป็นสเต็ปของชีวิตอยู่แล้ว ไม่ห่วงเรื่องจะมีลูกยาก เพราะมั่นใจในสุขภาพตัวเอง ส่วนภายในน้องแข็งแรงก็พร้อมมีลูกทันที ไม่หวงเลิฟซีน เป็นเรื่องงาน
หลายคนรอข่าวดีจากพระเอกหนุ่ม “อ๊อฟ ชนะพล สัตยา” กับนางเอกสาว “ฮาน่า ลีวิส” ว่าเมื่อไหร่จะถึงวันวิวาห์สักที เพราะฝ่ายชายก็พูดเรื่องนี้มาสักพักแล้ว ล่าสุดเจอหนุ่มอ๊อฟในงานสัมภาษณ์พิเศษ EXCLUSIVE PRESS INTERVIEW ปล้นเหนือเมฆ ที่ช่อง 7HD เจ้าตัวก็เผยว่าช่วงนี้เริ่มว่างมากขึ้น คงได้คุยกับแฟนสาวเรื่องความคืบหน้างานแต่ง และเตรียมหาเวลาเข้าไปพบผู้ใหญ่ของฝั่งฮาน่าด้วย
“ก็มีการคุยกับน้องมากขึ้นว่าจะเอายังไง แต่ในจังหวะที่คุยกันแล้วก็เอาความสะดวก ความพร้อมครับ ตอนนี้ก็มีที่ปิดกล้องไปแล้วและมีที่กำลังถ่ายอยู่ มันก็จะมีเวลามากขึ้น ส่วนน้องเองก็ใกล้ะปิดกล้องแล้วด้วย ก็น่าจะมีเวลาคุยกันเรื่องนี้มากขึ้น ก็อาจจะมีการคุยตกลงเลเวลามากขึ้นครับ เพราะมันต้องมีการตกลงระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ซึ่งทางผมคุยกับคุณแม่อยู่แล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ก็ต้องไปคุยกับทางฝ่ายของน้องฮาน่าด้วยครับ
ทางผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ติดครับ แต่เราต้องทำให้ถูกต้องตามธรรมเนียม ถามว่าจะเข้าไปคุยเมื่อไหร่ อันนี้แพลนยากครับ เอาเมื่อพร้อมดีกว่าครับ ซึ่งมีทั้งพี่สาวน้องและมีทั้งคุณแม่น้องด้วยที่ต้องคุย มีขั้นตอนการตกลงให้ถูกต้อง”
มั่นใจ ไม่ห่วงเรื่องมีลูกยาก เพราะสุขภาพแข็งแรงมาก
“ไม่กดดันหรอกครับ เพราะผมถือว่าเป็นสเต็ปในชีวิตและการสร้างครอบครัว ซึ่งผมมองว่าถ้าผ่านพิธีไปแล้วก็สามารถเริ่มได้ แต่ก็มีตรวจสุขภาพประจำปีครับ ผมตรวจประจำอยู่แล้ว แต่น้องเขาอาจจะห่างในเรื่องการตรวจสุขภาพก็เลยเป็นห่วงเรื่องโน่นนี่นั่น ซึ่งภาวะของผู้หญิงมันเยอะ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง และน้องก็ไม่ค่อยได้ตรวจสุขภาพ อย่างผมไม่น่าห่วง เพราะผมตรวจทุกปีอยู่แล้ว แต่พอน้องไปตรวจก็ไม่ได้เจออะไร เป็นการเช็กร่างกายปกติ
เรื่องฝากไข่ จริงๆ ถ้าสุขภาพแข็งแรง ภายในน้องแข็งแรง ผมว่าพอถึงจังหวะนั้นมันก็พร้อมด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่เขาจะเป็นกังวลเรื่องอายุครับ ผมก็บอกว่าคนอายุมากกว่าเธอยังมีได้ แล้วเธอจะไปกังวลเพื่ออะไร แต่ส่วนผมมั่นใจอยู่แล้ว คือเราจะไม่ตัดสินตัวเองนะ เพราะว่าเราไม่เคยพิสูจน์ตัวเองมา แต่ถ้าเราจะเช็กก็ได้ แต่ไม่เช็กดีกว่า เพราะเรายังแข็งแรงอยู่ เกิดเช็กแล้วเจอว่าทำไมมันน้อยจังเลย ก็จะเครียดเปล่าๆ ถ้ารู้ก่อนมันนอยด์แน่นอน แต่ด้วยอายุผมก็ไม่ได้เยอะมาก ผมว่าผมก็ยังโอเคอยู่ แข็งแรงครับ แต่ถามว่าพักผ่อนพอไหม มันก็พอนะ ตอนนี้ก็มีเวลาได้พักบ้าง เพราะละครปิดไปแล้ว และถ่ายอยู่เรื่องนึง ก็มีเวลาพัก 4 วัน ได้ทำอะไรที่เป็นส่วนตัวของเรา
ก็ต้องขอบคุณทางแฟนคลับและผู้ใหญ่ทางช่อง7 ด้วย ที่เข้าใจในวิถีของเรา และให้การต้อนรับในการเปิดใจของเราทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรืออะไร เขาจะไม่ปิดกั้น ทางโซเชียลต่างๆ เขาก็สนับสนุน เพราะเขาถือว่าเป็นอะไรที่ดี ซึ่งเรื่องส่วนตัวของเราก็ไม่ได้ไปสร้างความลำบากให้คนอื่น และส่วนเรื่องงานก็พยุงและประคองให้ไปทิศทางที่ดีด้วยกันได้ ต่างคนต่างซัปพอร์ตกัน แฟนคลับก็ซัปพอร์ตอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการอัปเดตผลงานหรือชีวิตส่วนตัว โซเชียลต่างๆ ที่ผมโพสต์ไป เขาก็มีการแชร์โพสต์ตลอดเวลา ก็ขอบคุณที่ไม่ได้ปิดโอกาสให้เรารู้สึกกดดัน เพราะเคยเห็นหลายๆ คู่บางทีเปิดมาแล้วมันจะกดดัน เพราะจากแฟนคลับ ครอบครัว สังกัด แต่ถือว่าผมโชคดีมากๆ ที่ทุกด้านไม่ปิดกั้นเลยครับ”
บอกไม่เคยติดเรื่องฉากเลิฟซีน เพราะถือว่าเป็นเรื่องงาน
“เรื่องงานของเขาไม่มีผลกระทบเลยครับ เพราะถ้าเรื่องงานผมก็ให้เกียรติเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นเลิฟซีนหรืออะไรก็แล้วแต่ เราอยู่ตรงนี้เราก็ทำ ซึ่งเขาก็ให้เกียรติเราอยู่แล้ว คือเรื่องงานเราต้องแยกแยะให้ออก อย่าให้เป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งถ้ามันมารวมกันเรารู้เลยว่าน้องจะทำงานได้ไม่เต็มร้อย ผมเองก็คงทำงานไม่เต็มร้อย เพราะต้องมาพะวงว่าวันนี้จะมีเลิฟซีนไหม มีบู๊ไหม ซี่งผมว่ามันเป็นไปไม่ได้ ผมเลยให้สิทธิตรงนั้นเต็มที่ เราจะไม่ก้าวก่ายเลย ซึ่งมันก็ดีสำหรับทั้งสองคนครับ เพราะการทำงานของเราจะได้ง่ายขึ้น การทำงานของกองถ่ายก็จะได้ง่ายขึ้น จะได้เข้าใจกันมากขึ้น
บางวันก็มีไปส่งที่กองบ้าง แต่ไปเป็นเพื่อนนะ ไม่ได้ไปเฝ้าอะไร คือแต่ละวันผมไม่รู้เลยว่าเขาถ่ายอะไรบ้าง แต่แค่บางทีน้องบอกว่าวันนี้หนูถ่ายเลิกดึก พี่ช่วยขับรถให้หน่อยได้ไหม ไปเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม ถ้าหนูอยากกินโน่นกินนี่ พี่อ๊อฟไปซื้อให้หน่อยได้ไหม อย่างนี้สบายมาก ก็เคยไปตอนฉากที่น้องเล่นเลิฟซีนเหมือนกัน เล่นกับน้องเข้ม (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล) มั้ง เรื่อง ชาติพยัฆค์คมนักเลง ก็ไม่ได้ไปสะกิดเข้มนะ ถ้าผมไปพูดอย่างนั้น เข้มยิ่งเกร็ง ผมก็เหมือนกัน ถ้าเกิดน้องเขาพูดขึ้นมา หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพูดออกมา ผมก็คงเกร็งนะ เราคงไม่เต็มที่ เพราะในหัวเราจะกดดันว่าเขาจะด่าเราไหมวะ ซึ่งการแสดงผมไม่ใช่เป็นคนแบบนั้น ผมอยากเต็มที่กับงานตรงนี้
แต่ถ้าบอกว่าหนูได้แค่นี้ ก็พูดกับผู้กำกับไปเลย เราก็จะได้เซฟด้วย เพราะมันเกิดขึ้นได้ครับ นักแสดงบางคนเขาก็ได้เท่านี้จริงๆ ทางทีมก็จะช่วยเรื่องมุมกล้องหรือจังหวะเข้าหาให้ มันสามารถช่วยกันได้ เวลามีฉากเลิฟซีนของเขา ผมก็ดูได้นะ ไม่ได้ซีเรียส ผมมองเป็นศิลปะมากกว่า เราเข้าใจ อย่างเรื่องที่เขาเล่นกับบิ๊กเอ็ม (กฤตฤทธิ์ บุตรพรม) มันค่อนข้างจะมีเลิฟซีนเยอะ ก็ปกติ ผมก็บอกของพี่ก็มี หนูอาจจะไม่ได้ดู แต่ส่วนมากก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ดูละครด้วยกันหรอกครับ แต่จะเป็นช็อตคลิปมามากกว่าที่เอามาแซวกัน ก็ไม่ได้ยึดติดตรงนั้นเท่าไหร่”
