“เกรท วรินทร” 15 ปีในวงการ ยื้อตำแหน่งพระเอกให้นานที่สุด ลั่นไม่ทิ้งช่อง 3 ที่แรกให้คำว่าอาชีพนักแสดง ขอส่งต่อคำสอนดีๆ จาก “ปอ ทฤษฎี - ชาย ชาตโยดม” ให้เด็กรุ่นใหม่
เป็นพระเอกอีกคนที่มีงานต่อเนื่องให้ได้เห็นกันตลอด สำหรับหนุ่ม “เกรท วรินทร ปัญหกาญจน์”ที่ล่าสุดกับละครเรื่อง มือปราบมหาอุตม์ และเรื่องนี้สาวๆ ก็กรี๊ดกันหนักมาก เพราะเจ้าตัวต้องโชว์บอดี้แข่งกับพระเอกหนุ่ม “เต้ย พงศกร เมตตาริกานนท์”แถมต้องร่ายคาถาใส่กันมันส์หยด ซึ่งเรื่องโชว์หุ่นหนุ่มเกรทยอมยกธงขาวให้กับเต้ย ยอมรับว่าสู้ไม่ไหวจริงๆ
“เราก็โชว์นิดหน่อย ไม่ได้เยอะมาก เรื่องบอดี้ไปดูพี่เต้ยโชว์ พี่เต้ยเขาของดี ของผมมีนิดๆ หน่อยๆ พูดไปก็เขินๆ มีถอดเสื้อบ้างนิดหน่อย (หัวเราะ)ถามว่ากังวลเรื่องโชว์บอดี้หรือบทบู๊มากกว่ากัน โชว์บอดี้กังวลกว่า (หัวเราะ) คือเราไม่ได้สายเเน่นๆ ขนาดนั้น ก็ออกกำลังกาย เเต่ไม่ได้คมชัดขนาดนั้นครับ ก็เท่าที่มีครับ หลังๆ ก็มีใส่เสื้อกล้ามบ้าง โชว์ไหล่ โชว์กล้ามบ้างนิดๆ หน่อยๆ เเต่ว่าถ้าพูดถึงการเตรียมตัวทั้งเรื่องบู๊ เรื่องถอดเสื้อ หรือจะเป็นฉากอะไร เราก็ต้องเตรียมตัวมาให้ดี เพราะว่ามันใช้พลังเยอะ
ที่เคยบอกว่าจะไม่รับบทบู๊เเล้ว เพราะกล้ามเนื้อเริ่มยึด คือจริงๆ ผมก็รับได้ เเต่อยากเว้นช่วงหน่อยครับเพื่อสามารถเตรียมร่างกายได้ เเต่เราก็จะรู้ลิมิตเราเองว่าอันไหนที่เราเล่นได้เราก็จะเล่น แต่ถ้าช่วงนั้นที่เราใช้ร่างกายเยอะ เราก็จะเหนื่อยมากหน่อย ถ่ายละครมันไม่ได้บู๊อย่างเดียว นอกจากถ่ายละคร เราก็อาจจะเข้ายิม ออกกำลังกาย มันก็ใช้พลังงานอยู่เเล้ว บู๊เล่นได้ เเต่ถ้าเกิดว่าช่วงนั้นถ่ายละครเรื่องเดียวเเล้วเป็นละครบู๊อย่างเดียวจะดีมาก เเต่ถ้าถ่ายละครบู๊คิวนึง ดราม่าอีกคิวนึงมันก็จะส่งผลต่อร่างกายนิดนึงครับ
แล้วคาถาเยอะพอสมควรเลยครับ ยิงไม่เข้า ยิงไม่ออก หมัดลม เรียกฝน แต่ตอนนี้จำได้แค่สองคาถานะ หมัดลม กับ ยิงไม่เข้า ถามว่าเป็นคาถาที่มีจริงๆ หรือเขียนขึ้นมาใหม่ อันนี้ผมไม่เเน่ใจเรื่องหมัดลม เเต่ว่าในบทละครเกือบทุกคาถาจะมีที่มาที่ไปของดีของขลังมาจากวัดไหน เราจะเห็นว่าทีมงานมีการค้นหาข้อมูลมาดีมาก ก็ไม่กลัวท่องผิดนะ เพราะผมมองว่าในเรื่องจะมีท่องจริงๆ อาจจะเป็นฉบับเต็มบ้าง ฉบับย่อบ้าง เพราะช่วงต้นเรื่องก็อยากให้คนที่ใช้คาถาก็ท่องจริงๆ เลย เเต่พอช่วงกลางเรื่องลงไป คนดูก็จะเข้าใจได้ว่าคนนี้มีคาถานี้นะ ทำปากขมุบขมิบ พนมมือก็ได้เเล้ว อะไรประมาณนี้ครับ”
บอกปีที่แล้วฮอตมาก ละครรับเชิญเยอะจัด
“ผมพูดจริงๆ เลยนะ ปีที่เเล้วเป็นปีที่คิวทำงานผมแน่นมาก ถ่ายละครเยอะที่สุดตั้งเเต่เข้าวงการมา มีช่วงคุณชายฯ แต่ช่วงคุณชายฯ ก็ยังไม่เข้มข้นเท่าปีที่แล้ว สำหรับผมนะ ปีที่เเล้วคือละครแน่นมาก แต่จริงๆ อยากให้งานชุกคืองานอีเวนต์ให้มันชุกกว่านี้ แต่หลังๆ ก็มีงานอีเวนต์เยอะขึ้น ก็ต้องขอบคุณนะครับ ปีที่แล้วมีรับเชิญ 3 เรื่อง แต่มีรับเชิญหลักๆ ก็คือ พรหมลิขิต กับ โลกหมุนรอบเธอ น่าจะพูดได้บ้างนิดหน่อย แต่โลกหมุนรอบเธอยังไม่ออนเเอร์ แล้วก็มี มาตาลดาแต่อันนั้นนิดเดียว มาตาฯ เเค่ 1-2 คิวครับ
รับเชิญแต่กินขาดทุกเรื่อง ผมก็ไม่อยากแย่งซีนใคร (หัวเราะ) แต่ขอบคุณนะครับ เอาจริงๆ คือผมรู้สึกว่าผมสนุกส่วนหนึ่ง เรียกได้ว่าเปิดมิติใหม่ๆ ให้กับการแสดงเหมือนกัน อย่างที่บอกว่างานเยอะ เเต่เรื่องที่หลักๆ ของตัวเองก็คือ มือปราบมหาอุตม์ กับ รักหักหลัง แต่พอทุกเรื่องแล้วบทรับเชิญมันเยอะ มันก็เลยเหมือนเล่นละครหลักของตัวเองไปด้วย แต่ถึงแม้ว่าผมไปรับเชิญผมก็ตั้งใจเต็มที่ เพราะผมรู้สึกว่ามันได้เปิดมุมมองการแสดงใหม่ๆ ของผมที่ผมไม่ใช่พระเอกในเรื่องนั้น แต่ผมเข้าไปทำบางอย่างในเรื่องนั้น เราก็ต้องเป็นตัวละครตัวนั้นให้ดีที่สุด”
ดีใจที่ทุกเรื่องถึงจะรับเชิญ แต่ก็เป็นบทที่ดีทุกเรื่อง
“แต่มันไปด้วยความสนุก ไปด้วยความที่ไม่ได้กดดัน เพราะถ้าเราเล่นเป็นพระเอกยาวเรื่องหนึ่ง บทเรามันก็จะสนุก เเต่บางทีเราก็จะมีความกดดัน ขยี้เรื่องของรายละเอียดเยอะขึ้น เเต่เรื่องที่รับเชิญบางที เดี๋ยววันนี้กูจะเข้าไปเพื่อทำเเค่นี้ ซึ่งมันเป็นคาแรกเตอร์ของเขา มันเล่นไม่ต้องเยอะ ซึ่งมันก็เป็นความสนุกไปอีกแบบ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขอบคุณ สำหรับคนที่เห็นรับเชิญเเละชื่นชอบ ขอบคุณมากครับ มันเป็นกำลังใจให้กับผมได้เกิดมุมมองบางอย่าง ที่จะเอามาใช้กับบทละครที่ตัวเองเล่นยาวๆ ให้มีฟีลลิ่งนั้นเหมือนกัน
คนชมว่าหล่อทุกเรื่องที่รับเชิญ ดีใจครับ แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ต้องขอบคุณทีมงานครับ จริงๆ แล้วผมก็เล่นรับเชิญได้ เเล้วแต่ว่าคนจะให้ผมไปเล่นเเล้วอยากให้ผมเล่นบทแบบไหน คือบทที่ผมเล่นรับเชิญที่ผ่านมาทางพี่ดิว (ปิ่นกมล มาลีนนท์) ทางผู้จัดได้พูดคุยกันว่าบทนี้อยากให้ผมเล่น เเละผมก็ได้คุยกับทุกคนว่าเนื้อเรื่องเป็นเเบบไหน เรารับรู้ได้ถึงความใส่ใจว่าเขาให้บทนี้เรามา อยากให้เราเป็นตัวนี้จริงๆ เลยเต็มใจที่จะรับเเละเต็มที่กับบท ต่อไปถ้ามีเรื่องไหนมาแล้วได้คุยมันโอเคผมก็ไม่เกี่ยง แต่ยังเป็นพระเอกอยู่ (หัวเราะ)”
ยอมรับอยากยื้อบทพระเอกเอาไว้ให้นานที่สุด
“ถามว่ายังไม่อยากหลุดออกจากบทพระเอกใช่ไหม คือต้องพูดว่า มันอยู่ที่กาลเวลาและอายุการทำงาน ซึ่งถ้าพูดจริงๆ เราก็อยากอยู่ตรงนี้ให้นานขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็เเล้วเเต่นะ พระเอกหรือไม่พระเอกก็ได้ อยู่เบื้องหน้าบางทีมันเป็นความสุขของเรา เวลาเราไปกองถ่าย เราได้เจอเพื่อนมันก็เป็นความสุขในการทำงานของเรา ถ้ามันเป็นพระเอกไปได้เรื่อยๆ มันก็ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งใหม่ ทั้งเก่า เพราะเมื่อก่อนเราก็เคยใหม่ วันนี้เราก็เป็นรุ่นพี่เเล้ว สมมุติว่ามีคนอยากให้เราเป็นพระเอกอยู่ เราก็ยินดี อยากยื้อระยะให้ยาวที่สุด เราชอบที่จะดูแลตัวเองอยู่เเล้วด้วย เราได้ทำงานตรงนี้มาก็มีความสุข เราได้เจอเพื่อนร่วมงานที่ดี ถ้าสมมติว่ามันยื้อระยะให้ได้ยาวนานที่สุดมันก็ตอบโจทย์ความสุขของเรา
การดูเเลตัวเองสำคัญมากครับ คือทุกวันนี้โชคดีที่เป็นคนออกกำลังกาย เรื่องออกกำลังกายก็เป็นเรื่องหนึ่งที่หายห่วงเพราะเราชอบอยู่เเล้ว เเต่มันก็จะมีเรื่องของดูเเลผิวหน้า ผิวกาย อะไรที่เราไม่ได้อยากจะไปนอนทำทุกอาทิตย์ เเต่ว่ามันก็เป็นสิ่งที่จำเป็น เรื่องอาหารการกินก็ต้องควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย เเต่ถ้าเกิดทำทุกอย่างรวมกัน พอมันเกิดผลดีกับตัวเราก็จะกลายเป็นวินัยในการทำงาน ที่มันจะช่วยส่งเสริมให้กับตัวเรา เเละมันก็เห็นผลมาตลอด”
บอกอยู่ช่อง 3 มา 15 ปี ทุกบทบาทที่รับยังยากเสมอ
“มันมีหลายปัจจัย สำหรับผมนะ ผมว่าวินัย ไม่ใช่จะเป็นวินัยในการใช้ชีวิต หรือว่าวินัยในการทำงาน หรือวินัยในการดูแลตัวเองเเค่นี้ ต้องครอบคลุมในการที่จะเป็นนักเเสดงที่มีคุณภาพคนหนึ่ง คุณมีวินัยในการทำการบ้าน ผมว่าไปหน้ากองมันก็ง่ายต่อการจะถูกผู้กำกับ กำกับตัวเรา และการที่เราทำการบ้านกับบทเตรียมมาจากบ้านก่อนที่เราจะเข้าฉาก ผมว่ามันก็เหมือนคนที่มีความเป็นมืออาชีพ ผมว่าสิ่งนี้จะทำให้อยู่ตรงนี้ไปได้นาน ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็แล้วแต่ ผมมองอย่างงั้น คือถ้าเขาจะเลือกใช้ใครสักคนหนึ่ง เขาก็อาจจะรู้ว่าคนนี้ทำงานยังไง เก่งแบบไหน เราก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ถูกเรียกใช้งานได้ง่าย
ผมอยู่ช่อง 3 มา 15 ปีแล้วนะ ถามว่ายังมีอะไรยากอยู่ไหม เอาจริงๆ บทละครสำหรับผมมันยากหมด ไม่มีเรื่องไหนง่ายเลย มันจะมีอย่างถ้าเรื่องนี้ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเยอะ แต่ถ้าเรื่องไหนที่มันไกลตัวหน่อยก็จะยากมากครับ แต่ในทุกบทบาท หลายๆ ฉากมันก็จะมีจุดที่ยากของเรื่อง มันไม่ได้มีอะไรง่าย ทุกความยากเราก็ทุ่มเทพลัง ทุ่มเทสมาธิกับมันในบทละคร แต่ละเรื่องมันก็มีความท้าทายที่แตกต่างกันไป ถ้าให้พูดก็อย่างเรื่อง พรหมลิขิต มันก็มีความยากในเรื่องของภาษา ในเรื่องของบท คำพูด อย่างเรื่องนี้เป็นเรื่องของการบู๊ เรื่องของภาพหรือเรื่องของแอ็กชั่นที่มันสวยงาม ความยากของเเต่ละเรื่องมันก็จะไม่เหมือนกัน ไม่มีเรื่องไหนง่ายครับ”
เผยเพิ่งต่อสัญญากับช่อง 3 ไป บอกอยู่ที่ไหนแล้วมีความสุขก็ขออยู่ตรงนั้น
“ไม่คิดครับ ตอบตรงนี้ได้เพราะว่า ณ ตอนนี้ผมคิดเเบบนี้จริงๆ ผมไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยนเเปลง เพราะว่าเรารู้สึกว่ามันคงที่ในหลายๆ อย่าง ทางช่อง 3 เองก็เป็นที่แรกที่ให้คำว่าอาชีพนักเเสดงกับเราผมรู้สึกภาคภูมิใจตรงนี้ ทั้งตัวเองด้วยเเละทั้งผู้ใหญ่ด้วย เเละโดยส่วนตัวเป็นคนที่ถ้าอยู่ตรงไหนแล้วมีความสุขเเล้ว แฮปปี้เเล้วก็ไม่ได้คิดว่าจะไปอะไรมากขนาดนั้น ณ ตอนนี้รู้สึกแบบนั้นเเละก็การงานหรือว่าบทบาทหรือสิ่งทีได้รับมอบหมายมา มันยังคงอยู่ในจุดที่เรามีความสุข ก็เลยไม่ได้คิดว่าจะเปลี่ยนไปไหน
ก็เพิ่งต่อสัญญาไปด้วยครับ แต่จำไม่ได้ว่ากี่ปี แต่ไม่ต่ำกว่า 3 ปี อย่างที่ผมบอกว่ามันมีความสุขกับงานที่ได้รับ มันเป็นตำแหน่งที่ผมอยู่แล้วรู้สึกว่าผมมีความสุขทั้งพี่ๆ ที่เจอผมมาตั้งเเต่เด็ก เลยรู้สึกว่า ณ ตรงนี้มันก็เหมือนบ้านอีกหลังหนึ่งของผม แล้วเราก็ทำงานที่นี่มาตลอด เราเลยรู้สึกว่ามันมีความสุขอยู่ไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยนเเปลงไปไหน”
บอกมีรุ่นพี่ที่ดีอย่าง “ปอ ทฤษฎี สหวงษ์” และ “ชาย ชาตโยดม หิรัญยัติฐิติ” สอนมาดี ตนจึงได้นำมาสอนน้องๆ รุ่นใหม่ต่อ
“น้องๆ ชมเราก็ขอบคุณมากครับที่รักพี่ พวกคุณจะไม่ผิดหวัง ในการทำงานเรารู้สึกว่าเราก็เคยใหม่ เราเลยรู้สึกว่าการเป็นนักแสดงใหม่มันถูกกดดัน และรู้สึกไม่สบายใจมันจะเป็นยังไง และผมรู้สึกว่าทุกๆ คนมี อันนี้คือผมพูดจากใจจริงนะ เราเข้าใจน้องๆ ทุกคน สมมติว่าเราต้องมาแสดงด้วยกัน ผมว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการแสดงก็คือคุณต้องไม่กังวล ถ้าสมมติว่าน้องๆ เข้ามา น้องๆ ต้องกังวลกับบท กังวลกับผู้กำกับ กังวลความใหม่อีก แล้วถ้าต้องมากังวลกับพี่เกรทอีกมันก็ไม่ดี ผมรู้สึกว่าการทำงานในกองถ่ายมันเป็นมวลรวมที่เราต้องเดินไปด้วยกัน แล้วการเข้าฉากมันก็ต้องเป็นการเดินผ่านไปด้วยกัน
ผมเลยรู้สึกว่าอยากผลักดันให้น้องๆ ไปได้ดี แล้วเราจะไม่เป็นความกังวลนั้นของคุณ เพราะว่าเราเคยถูกพี่ปอที่เล่นด้วยกัน เขาสอนเรามาแบบนี้ แล้วก็พี่ชายที่เคยเล่นด้วยกัน เเล้วเรารู้สึกว่าเราเจอรุ่นพี่ที่ดี ที่เขาไม่กดดันเราเเล้วเราต้องเล่นกับเขา เราก็จำความรู้สึกนั้นได้ว่าต้องเป็นเเบบนี้สิ น้องๆ หรือว่าใครหลายๆ คนที่เข้าฉากกับเรา เเล้วเขาเกร็ง เขาจะเล่นให้ได้ดี แล้วทุกอย่างมันก็จะจับมือผ่านได้ได้ด้วยดี”
เผยยังประทับใจกับคำพูดของ “ปอ-ชาย” มาตลอด
“กับพี่ปอ ทฤษฎี จำได้เลยว่าต้องเล่นร่วมกัน แล้วเรื่องนั้นผมต้องเป็นตัวหาเรื่อง ตัวดรามา แล้วตอนนั้นผมจำได้ว่าผมเครียดมากครับ เราก็พยายามสนุก ในตอนนั้นเราก็เด็กมาก เราก็ไม่รู้ว่าจะสนุกยังไง เรารู้แค่ว่าตอนนั้นมันคือการทำงาน เรารู้ว่านั้นคือการมาแสดงละคร แล้วพี่ปอก็พูดว่า เกรท เขาให้มึงมาเล่นละคร เข้าใจคำว่าเล่นไหม พี่ปอพูดกับผมแบบนี้ ผมก็เลยจำได้ ผมก็โอเค ส่วนหนึ่งเราไม่ต้องกดดัน พูดน่ะมันง่าย แต่พอไปถึง ไหนจะต้องจำบท ไหนจะต้องมีคนที่มาคอยพูดอะไร แต่คำพูดนี้ของพี่ปอยังอยู่กับผมตลอดการไปถ่ายละคร มันต้องสนุกสิวะ ประมาณนั้นครับ
ส่วนของพี่ชายผมจำได้ว่าตอนนั้นผมเล่นไฟโชนเเสง เขาบอกว่าตอนนั้นเหมือนผมจำบทพูดไม่ได้ว่าจะต้องเป็นยังไง แล้วเราก็เล่นไป เเล้วผมก็รู้สึกว่ากดดันตัวเองว่ามันจะไม่ดีหรืออะไรสักอย่าง เหมือนผมได้คุยกับพี่ชาย แล้วพี่เขาบอกผมว่าถูกเเล้ว ทำแบบนี้มันถูกทางเเล้ว ให้ทำต่อไปประมาณนั้น และนี้คือสิ่งที่ผมจำได้ น่าจะเป็นกำลังใจจากเขาเเหละ เพราะตอนนั้นต้องเล่นด้วยกัน ต้องเล่นเป็นเพื่อนพี่เขา”
