“หมอช้าง” ไม่โดดเข้าสงครามปีชง ลั่นไม่พูดเรื่องนี้มา 4 ปีแล้ว มองเป็นแค่การเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างอยู่ที่ใจ อย่าไปซีเรียส ลั่นต้องศึกษา ไม่ใช่ไม่แก้ชงแล้วชีวิตจะฉิบหาย
กรณีที่ “แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร” ออกมาฟาดทำนองว่าปีชงมีไว้หลอกคนโง่ ทำเอา“อ.ลักษณ์ ราชสีห์” ซึ่งมันกแนะนำให้ลูกศิษย์ลูกหาแก้ปีชงตามสถานที่ต่างๆ ถึงขั้นเดือด ฟาดแรงแพรรี่ โดยมีการเหน็บเรื่องเพศสภาพแพรรี่ จนแพรรี่ต้องออกมาขอโทษที่คำพูดอาจกระทบความรู้สึกใครๆ ก่อนฟาดเดือดอ.ลักษณ์อีกรอบ กลายเป็นศึกน้ำลายผ่านโซเชียล สังคมเสียงแตกเป็นสองฝ่าย
ล่าสุด “หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา”หมอดูชื่อดัง ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องปีชง โดยเผยว่าไม่พูดเรื่องนี้สัก 3-4 ปีแล้ว เหตุมองว่าทุกการเปลี่ยนแปลงจะมีทั้งดีและไม่ดีอยู่แล้ว แต่ไม่ก้าวล่วงใคร และไม่เปิดสงครามกับใครทั้งนั้น
“ถ้าใครที่ติดตามผม ไปดูย้อนหลัง 4-5ปี ผมแทบจะไม่เคยลงเรื่องปีชงเลย คอนเทนต์เรื่องปีชงจากเราไม่ค่อยมีเท่าไหร่ มันมีเหตุผลว่ามันจะมีกระทบปีชง 3-4 ปี คนมาบ่นกับผม อาจารย์ 2-3 ปีที่แล้วก็เพิ่งชง นี่ชงอีกแล้ว ทำไมชงบ่อย มันเป็นความเข้าใจผิด และกระแสที่เกิดขึ้นเราเองคนเดียวไปเปลี่ยนเรื่องนั้นลำบาก ก็เลยแก้ปัญหาด้วยการไม่พูดเรื่องนี้ไปเลยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา
แต่สิ่งที่ต้องเข้าใจ คือตามหลักการ ชงมีอยู่แค่ปีเดียว มันจะเกิดขึ้นกับเราในทุก 12 ปีก็ครั้งเดียว มันไม่ได้ชงกันบ่อย แล้วจะมาแบ่ง 25% 50% ไม่ได้ ไม่ใช่ชานมไข่มุกนะ และที่สำคัญคือชงมันไม่ได้แปลว่าไม่ดี ถ้าไม่ดีเขาต้องตั้งชื่อว่าปีซวย ปีชงมันคือการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงก็มีสิทธิ์ที่จะดีหรือไม่ดีก็ได้”
ปีชงมีจริงหรือไม่ มองไม่เหมือนกัน แต่โดยหลักการเน้นความกตัญญู
“แต่ละคนมองไม่เหมือนกัน ในเชิงโหราศาสตร์จีนมันเป็นทฤษฎี ปีชงเป็นความเชื่อใจศาสนาเต๋าซึ่งก็ผูกพันกับศาสนาพุทธ แล้วเทพก็ไม่ได้เป็นเทพปีชง แต่เป็นเทพเรื่องดวงชะตา เหมือนศาสนาพุทธสวดนพเคราะห์ ก็คือการสวดบูชาดาวทั้ง 9 ดวง จีนก็จะมีเทพไท้ส่วยเอี๊ยที่คุ้มครองดวงชะตา แต่คนไม่เข้าใจก็ไปเรียกท่านว่าเทพปีชงซึ่งท่านดูแลทุกคนแหละ บางคนมาบ่นกับผมว่าแก้ชงเจอไปหลายพัน อันนั้นคุณชงจริงแล้ว
คือโดยหลักการมันคือการสวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญ แล้วคุณธรรมที่สำคัญที่สุดของคนจีน คือความกตัญญู เทศกาลตรุษจีนมีขึ้นเพื่อให้เราระลึกถึงการกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ขอบคุณเทพเจ้า ขอพรท่านตลอดก็จะมีไหว้ท่านสักครั้ง จีนจะย้ำเรื่องของความกตัญญูไม่ว่าจะกับใครก็ตาม ต่อบรรพบุรุษ ต่อบุพการี ต่อเจ้านาย ต่องานของเรา คนที่มีความกตัญญูไม่ว่าจะเกิดปีไหนก็จะเจริญก้าวหน้า
ไม่ก้าวล่วง ไม่เปิดสงครามใคร มองเป็นแค่การเปลี่ยนแปลง
“ฉะนั้นถามว่าไม่จำเป็นต้องมีการแก้ชงก็ได้ไหม จะเรียกว่าแก้ชงเสียทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะถ้ามันชงแล้วดีก็จะกลายเป็นร้าย แต่อันนั้นมันเป็นคำศัพท์ของสำนักอื่นๆ เราก็ไม่ไปก้าวล่วง ไปเปิดสงครามกัน ในเชิงของผม ผมมองว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงเฉยๆพอมีการเปลี่ยนแปลงคนก็จะกลัว เดี๋ยวนี้การเปลี่ยนแปลงมันเกิดขึ้นง่ายกว่าคนสมัยก่อน ที่จะมองการเปลี่ยนแปลงคือเรื่องใหญ่
ชงมันมีสิทธิ์ดีและไม่ดี ฉะนั้นเราอย่าไปใช้คำว่าแก้ คำว่าแก้แสดงว่ามันต้องไม่ดี มันเลยต้องแก้ และสำคัญเลยคือมันไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินเยอะ ถ้ามันมีที่คิดเงินแพงเราก็ไปหาที่อื่นที่ไม่เสียเงิน สุดท้ายแล้วมันคือความกตัญญู ความกตัญญูไม่ต้องเสียเงิน ถ้าเรามีความกตัญญู ตอบแทนครูบาอาจารย์ บุพการี ผมว่าอันนี้คือความดีที่สุดแล้ว จะพกเครื่องรางก็แล้วแต่ เอาที่เราสบายใจที่สุด ทุกอย่างอยู่ที่ใจ อย่าไปซีเรียสกับมันมากบางคนดีมากบอกชงดีมากเลย ขอชงอีกได้ไหม มันขึ้นอยู่ที่ใจ บางคนบอกชงก็มาก็ดื่ม มันก็เป็นศาสตร์หนึ่ง ไม่ใช่ว่าเราไม่แก้ชงแล้วชีวิตเราจะฉิบหาย ไม่แก้ก็ไม่ได้จะแย่ สำคัญคือคุณต้องศึกษามัน”