ตอนเป็นนักเรียนมัธยมต้นผู้เขียน ‘โง่’ ติดอันดับหัวๆ สำหรับวิชาวิทยาศาสตร์ ครั้นพอเรียนชั้นมัธยมปลายมีวิชาฟิสิกส์มาให้เลือก ยิ่งถอยกรูดเข้าไปใหญ่ มีสิ่งเดียวที่จำได้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์คือชอบมากกับวิชานี้ที่เป็นเหตุเป็นผล พิสูจน์ทราบได้ว่าอะไรคืออะไร ทำไม เพราะอะไร
ไม่ใช่มโนเอา หรือพึ่งพาตรรกะยันเต
ว่าที่จริงก็ไม่เพียงวิทยาศาสตร์หรอกครับ ทุกวิชานั่นแหละที่ผู้เขียนติดอันดับต้นของจำพวกโง่ ถ้าจะพอกล้อมแกล้มไปกับเพื่อนได้บ้างดูเหมือนจะมีวิชาขับร้องเท่านั้น (ฮา)
ครั้นพอมีโอกาสได้ดูหนัง OPPENHEIMER ตั้งแต่ฉากแรกจนกระทั่งฉากสุดท้าย บอกกับตัวเองทันทีทันใดว่าประทับใจมากกับหนังที่เกือบทั้งเรื่องว่าด้วยวงการวิทยาศาสตร์
หรือให้จำเพาะเจาะจงยิ่งกว่า คือว่าด้วยเรื่องของแวดวงฟิสิกส์
อ้อ! ไม่ใช่แค่ข้างต้น หากทว่ายังเป็นเรื่องประวัตศาสตร์โลกอันแสนสะทกสะเทือนด้วย
บอกกันไว้ก่อนว่า OPPENHEIMER มีความยาวเหยียดถึง 3 ชั่วโมง แต่ในความเนิ่นนานนั้น ผู้กำกับนาม คริสโตเฟอร์ โนแลน ไม่ใช่ ‘เอาอยู่’ ทว่า ‘เอาผู้เขียนอยู่หมัด’ ถึงขนาดอยากไปหาชีวประวัติหรือความเป็นมาของบรรดานักฟิสิกส์ที่ปรากฏอยู่ในหนังเรื่องนี้อย่างทันทีทันใด
อย่างที่เกริ่นมาแต่ต้นว่าเป็นคนโง่ แต่ยิ่งดูไป ดูไป ยิ่งแน่ใจว่า คริสโตเฟอร์ โนแลน อ่านหนังสือเกี่ยวกับบุคคลและเรื่องราวที่เขานำมาสร้างเป็น OPPENHEIMER หนักหนาสาหัสมาก เก็บรายละเอียดที่เหมาะควรจะนำมาวางไว้ในแต่ละจุด แต่ละฉาก แต่ละบทสนทนาอย่างต้องลุกขึ้นโค้งคารวะ กลมกล่อม พอดิบพอดี
เหนือยิ่งสิ่งใด กับบทบาทการแสดงของ คิลเลียน เมอร์ฟี ที่รับบทเป็นนักฟิสิกส์ผู้นำทีมคิดค้นระเบิดปรมาณู ซึ่งใช้ถล่มสองเมืองของญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
เยี่ยม!!! ยอด!!1 จริงๆ ครับสำหรับการเล่นอันสมจริงของเขา
แม้จะเป็นเรื่องราวนักวิทยาศาสตร์ นักฟิสิกส์ระบือนาม แต่คริสโตเฟอร์ โนแลน ก็ทำให้เห็นว่ามนุษย์ผู้หนึ่งก็ปะปนทั้งด้านมืด ด้านสว่าง ไม่ต่างจากปกติชนคนธรรมดา เพียงแต่ว่าเขาคิดค้นในสิ่งที่คร่าผู้คนจนตายเป็นเบือ บาดเจ็บทั้งร่ายกาย จิตใจแม้วันเวลาจะผ่านไปกี่ร้อยปีก็ตาม
ความเป็นที่สุดของที่สุดใน OPPENHEIMER ได้แก่ฉากทดลองระเบิดนิวเคลียร์ที่ซึ่งบอมบ์เข้าใส่หัวใจและความรู้สึกนึกคิดผู้เขียนเองแม้กระทั่งขณะลงมือเขียนต้นฉบับชิ้นนี้
สงครามน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึง อดีตจาก OPPENHEIMER เป็น ‘บาดแผลร่วม’ ของมนุษยชาติ แต่นั่นก็น่าตกใจที่สงครามยังอุบัติขึ้นแทบจะทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสงครามของคนเห็นต่างทั้งที่เป็นชาติเดียวกัน หรือกระทั่งสงครามระหว่างประเทศ
คริสโตเฟอร์ โนแลน ทำหนังเรื่องนี้ดีแทบติไม่ได้ ไม่แปลกใจถ้าบนเวทีออสการ์จะประกาศยกย่องให้ OPPENHEIMER เป็นหนังยอดเยี่ยมแห่งปี