ที่ผ่านมาอาจจะมีเพลี่ยงพล้ำตกหล่นไปอยู่อันดับ 2 ไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นชั่วครั้งชั่วคราวเพราะโดยภาพรวมช่อง 7 เองก็ยังถือได้ว่าเป็นทีวีอันดับหนึ่งที่มีคนทั้งประเทศดูสูงที่สุด
ทว่าถึงตอนนี้ต้องบอกว่าไม่ใช่เสียแล้ว เพราะจากตัวเลขเรตติ้งที่ออกมาตลอดปีที่แล้วแสดงให้เห็นว่า ณ ตอนนี้พวกเขาได้เสียตำแหน่งดังกล่าวไปให้กับช่อง 3 ไปเป็นที่เรียบร้อย
โดยผลการสำรวจเรตติ้งแบบ "ข้ามแพลตฟอร์ม" ประจำเดือนธันวาคม 2566 ที่ทำร่วมกันระหว่าง กสทช. สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล และบริษัทเอซี เนลสัน ซึ่งเป็นการวัดจากผู้ชมคนไทยทั้งประเทศที่มีอายุ 4 ปี ขึ้นไป จำนวน 61.5 ล้านคน แบ่งเป็นผู้ชมที่รับชมผ่านเครื่องเล่นทีวี (TV Broadcast) หรือเท่ากับ 6.000% หรือคิดเป็น 57% และผู้ชมที่รับชมผ่าน ช่องทางสตรีมมิ่ง (Streaming) เท่ากับ 4.468% หรือคิดเป็น 43%
พบว่าสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 HD เป็นสถานีโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด
โดยช่อง 3 ได้รับเรตติ้งรวมท้ังหมดอยู่ที่ 1.135 ในขณะที่อันดับที่ 2 คือ ช่อง 7 HD ได้รับเรตติ้ง อยู่ที่ 1.110 และ อันดับที่ 3 คือช่อง MONO 29 TV เรตติ้ง 0.708
ที่น่าสนใจก็คือผลการสำรวจยังพบด้วยว่าหากแยกประเภทออกมาคือการดูผ่านทีวีกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็ยังพบว่าช่อง 3 เองมีคนที่ "ดูทีวี" ที่เยอะกว่าช่อง 7 อยู่ดี
ที่น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีกก็คือเมื่อเข้าไปดูในรายละเอียดจริงๆ จะพบว่าตัวเลขเรตติ้งของรายการต่างๆ จะเป็น ละคร หรือข่าว หรือวัดจากในพื้นที่ ในกรุงเทพ-ต่างจังหวัด หรือในเทศบาล นอกเทศบาล พบว่าช่อง 3 เองนั้นล้วนแล้วแต่มีตัวเลขเรตติ้งที่สูงว่าของช่อง 7 ทั้งสิ้น
เรียกว่าคำกล่าว่าที่บอกว่าคนในเมืองดูช่อง 3 คนต่างจังหวัดดูช่อง 7 ดูเหมือนจะไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว
อันที่จริงความเพลี่ยงพล้ำของช่อง 7 นั้นจะบอกว่าเกิดขึ้นเพราะความประมาทก็คงไม่ผิดนัก
เพราะในขณะที่ช่อง 3 เองพยายามปรับนั้นเติมนี่อยู่ตลอดเวลา ช่อง 7 เองกลับทำอะไรช้าอืดอาดซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะความมั่นใจในตลาดของตนเองทั้งที่ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้โลกเปลี่ยนไปแล้วแถมยังเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบรวดเร็วเสียด้วย
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ "ละคร" ซึ่งเห็นได้ชัดว่าแทบจะย่ำอยู่กับที่ไม่ไปไหน ในขณะที่ช่อง 3 เองมีการพยายาทดลองอยู่ตลอดเวลาแม้จะต้องเจ็บตัวไปในหลายๆ เรื่อง แต่สิ่งที่ช่อง 3 ได้มีก็คือความหลากหลายตลาดคนรุ่นใหม่ นักแสดงที่ดูทันสมัย ตรงกันข้ามกับช่อง 7 ที่ยังคงวนเวียนอยู่กับอารมณ์เดิมๆ
เรื่องนี้เห็นได้อย่างชัดเจนระหว่างการมาของ "มาตาลดา" ของช่อง 3 ที่ได้รับพูดถึงอย่างถล่มทลาย ซึ่งตรงกันข้ามกับละครอย่าง "ลมพัดผ่านดาว" ที่แม้จะได้ทั้ง “อั้ม พัชราภา” มาปะกบกับ “ติ๊ก เจษฎาภรณ์” แต่สุดท้ายเรตติ้งกลับออกมาต่ำเรี่ยราดติดดินเอามากๆ กระทั่งแฟนคลับอั้มเองยังต้องใจหาย
ที่สำคัญดูเหมือนช่อง 7 เองยิ่งแก้เท่าไหร่ปัญหาก็ยิ่งหนักขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะการปรับผังที่ดูเหมือนยิ่งทำก็ยิ่งเละด้วยการจัดเวลาละครใหม่เหลือเพียง 1 ชั่วโมง แต่ลากยาว 4 วัน ซึ่งผลที่ออกมาก็อย่างที่เห็นๆ เพราะ "ลมพัดผ่านดาว" ที่ประเดิมเวลานี้เป็นเรื่องแรกได้เรตติ้งโดยเฉลี่ยเพียงแค่ 2 กลายเป็นละครอย่าง "มนตราฟ้าฟื้น" ที่เป็นละครม้ามืดของช่องไปซะอย่างนั้น
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะหากไปเปิดดูผังของช่อง 7 ในตอนนี้ตลอดทั้ง 7 วันในทุกช่วงเวลาจะพบว่าทั้งละครไทยหรือซีรีส์ต่างประเทศทุกเรื่องล้วนแล้วแต่เป็นการรีรันล้วนๆ
ยังไม่นับรวมถึงข่าวคราวต่างๆ ที่ออกมา ทั้งการย้ายออกของบุคลากรในภาคส่วนต่างๆ รวมไปถึงบางรายการที่ต้องถอนตัวไป ซึ่งแม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องปกติของการเปลี่ยนแปลง แต่กระนั้นมันก็สร้างความบั่นทอนให้กับเหล่าแฟนคลับของช่องได้ไม่น้อย
โดยเฉพาะกับกรณีล่าสุด ทั้งรายการ คดีเด็ด, เรื่องจริงผ่านจอ รวมถึง ซีรีส์พิภพมัจจุราช ที่ผลิตโดยบริษัทกันตนา พันธมิตเก่าแก่ที่มีข่าวการยุติไป ซึ่งบอสใหญ่กันตนาอย่าง“ตุ๊กตา จิตรลดา กัลย์จาฤก” ได้ระบุถึงสาเหตุที่จำต้องถอนยวงรายการต่างๆ ว่า “สู้ค่าเวลาไม่ไหวค่ะ" แต่อะไรก็ไม่น่าสนใจเท่ากับที่มีรายงานว่า 2 รายการแรกอย่าง คดีเด็ด รวมถึง เรื่องจริงผ่านจอ นั้นอาจจะไปโผล่ที่ช่อง 3 นั่นเอง
...
อย่างไรก็ตาม แม้ในตอนนี้ภายนอกช่อง 7 เองจะดูเหมือนกับเป็นคนอาการโคม่าแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นคนไข้ที่รักษาไม่ได้ ซึ่งโอกาสที่จะทวงอันดับ 1 มาจากช่อง 3 นั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย
ถ้ามองจากตัวเลขเรตติ้งที่ช่อง 3 อันดับ1 ที่ 1.135 กับช่อง 7 อันดับ 2 ที่ 1.110 ก็ต้องบอกว่าสูสีกันมากๆ นอกจากนี้ในส่วนรายการของช่อง 7 เองที่ยังถือได้ว่าเป็นจุดแข็งก็ยังมีอยู่ไม่น้อย
ทั้ง มวย ONE LUMPINEE ที่ช่องมั่นใจมากๆ ถึงขนาดนำมาออกอาการในช่วงไพร์ไทม์แทนละคร ซึ่งผลตอบรับก็ถือว่าไม่ผิดหวัง หรือจะเป็นรายการเก่าแก่อย่าง MasterChef Thailand ที่แม้จะเข้า Season 6 ไปแล้วแต่ก็ยังคงได้รับความนิยมจากแฟนคลับอยู่
ส่วนรายการข่าวเองโดยรวมทั้งหมดก็ใช่ว่าจะขี้เหร่อะไร ที่สำคัญเองช่อง 7 ยังคงมีจุดขายในรายการข่าวที่ต่างจากช่องอื่นซึ่งไปเน้นความหวือหวา เน้นเรียกคนดูกระทั่งเลยเถิดไปจากสิ่งที่ควรจะนำเสนอ เพียงแต่ช่อง 7 เองอาจจะต้องลุกขึ้นมาพรีเซ็นต์ตัวเองเสียใหม่ให้ดูทันสมัย มีความคึกคักมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะในส่วนของภาคบันเทิงที่อาจจะต้องทำงานหนักหน่อยและต้องยอมรับว่าช่องเองดูจะนิ่งเป็นเสือนอนกิน คิดว่าทำอะไรก็มีคนดู กระทั่งปล่อยให้ช่อง 3 หรือแม้กระทั่งช่องอื่นๆ ทิ้งห่างไปเรื่อยๆ
คิดเสียว่าถูกไล่มานานแล้ว ตอนนี้มาเป็นคนไล่คนอื่นบ้างก็อาจจะสนุกไปอีกแบบ...
ทว่าถึงตอนนี้ต้องบอกว่าไม่ใช่เสียแล้ว เพราะจากตัวเลขเรตติ้งที่ออกมาตลอดปีที่แล้วแสดงให้เห็นว่า ณ ตอนนี้พวกเขาได้เสียตำแหน่งดังกล่าวไปให้กับช่อง 3 ไปเป็นที่เรียบร้อย
โดยผลการสำรวจเรตติ้งแบบ "ข้ามแพลตฟอร์ม" ประจำเดือนธันวาคม 2566 ที่ทำร่วมกันระหว่าง กสทช. สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล และบริษัทเอซี เนลสัน ซึ่งเป็นการวัดจากผู้ชมคนไทยทั้งประเทศที่มีอายุ 4 ปี ขึ้นไป จำนวน 61.5 ล้านคน แบ่งเป็นผู้ชมที่รับชมผ่านเครื่องเล่นทีวี (TV Broadcast) หรือเท่ากับ 6.000% หรือคิดเป็น 57% และผู้ชมที่รับชมผ่าน ช่องทางสตรีมมิ่ง (Streaming) เท่ากับ 4.468% หรือคิดเป็น 43%
พบว่าสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 HD เป็นสถานีโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด
โดยช่อง 3 ได้รับเรตติ้งรวมท้ังหมดอยู่ที่ 1.135 ในขณะที่อันดับที่ 2 คือ ช่อง 7 HD ได้รับเรตติ้ง อยู่ที่ 1.110 และ อันดับที่ 3 คือช่อง MONO 29 TV เรตติ้ง 0.708
ที่น่าสนใจก็คือผลการสำรวจยังพบด้วยว่าหากแยกประเภทออกมาคือการดูผ่านทีวีกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็ยังพบว่าช่อง 3 เองมีคนที่ "ดูทีวี" ที่เยอะกว่าช่อง 7 อยู่ดี
ที่น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีกก็คือเมื่อเข้าไปดูในรายละเอียดจริงๆ จะพบว่าตัวเลขเรตติ้งของรายการต่างๆ จะเป็น ละคร หรือข่าว หรือวัดจากในพื้นที่ ในกรุงเทพ-ต่างจังหวัด หรือในเทศบาล นอกเทศบาล พบว่าช่อง 3 เองนั้นล้วนแล้วแต่มีตัวเลขเรตติ้งที่สูงว่าของช่อง 7 ทั้งสิ้น
เรียกว่าคำกล่าว่าที่บอกว่าคนในเมืองดูช่อง 3 คนต่างจังหวัดดูช่อง 7 ดูเหมือนจะไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว
อันที่จริงความเพลี่ยงพล้ำของช่อง 7 นั้นจะบอกว่าเกิดขึ้นเพราะความประมาทก็คงไม่ผิดนัก
เพราะในขณะที่ช่อง 3 เองพยายามปรับนั้นเติมนี่อยู่ตลอดเวลา ช่อง 7 เองกลับทำอะไรช้าอืดอาดซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะความมั่นใจในตลาดของตนเองทั้งที่ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้โลกเปลี่ยนไปแล้วแถมยังเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบรวดเร็วเสียด้วย
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ "ละคร" ซึ่งเห็นได้ชัดว่าแทบจะย่ำอยู่กับที่ไม่ไปไหน ในขณะที่ช่อง 3 เองมีการพยายาทดลองอยู่ตลอดเวลาแม้จะต้องเจ็บตัวไปในหลายๆ เรื่อง แต่สิ่งที่ช่อง 3 ได้มีก็คือความหลากหลายตลาดคนรุ่นใหม่ นักแสดงที่ดูทันสมัย ตรงกันข้ามกับช่อง 7 ที่ยังคงวนเวียนอยู่กับอารมณ์เดิมๆ
เรื่องนี้เห็นได้อย่างชัดเจนระหว่างการมาของ "มาตาลดา" ของช่อง 3 ที่ได้รับพูดถึงอย่างถล่มทลาย ซึ่งตรงกันข้ามกับละครอย่าง "ลมพัดผ่านดาว" ที่แม้จะได้ทั้ง “อั้ม พัชราภา” มาปะกบกับ “ติ๊ก เจษฎาภรณ์” แต่สุดท้ายเรตติ้งกลับออกมาต่ำเรี่ยราดติดดินเอามากๆ กระทั่งแฟนคลับอั้มเองยังต้องใจหาย
ที่สำคัญดูเหมือนช่อง 7 เองยิ่งแก้เท่าไหร่ปัญหาก็ยิ่งหนักขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะการปรับผังที่ดูเหมือนยิ่งทำก็ยิ่งเละด้วยการจัดเวลาละครใหม่เหลือเพียง 1 ชั่วโมง แต่ลากยาว 4 วัน ซึ่งผลที่ออกมาก็อย่างที่เห็นๆ เพราะ "ลมพัดผ่านดาว" ที่ประเดิมเวลานี้เป็นเรื่องแรกได้เรตติ้งโดยเฉลี่ยเพียงแค่ 2 กลายเป็นละครอย่าง "มนตราฟ้าฟื้น" ที่เป็นละครม้ามืดของช่องไปซะอย่างนั้น
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะหากไปเปิดดูผังของช่อง 7 ในตอนนี้ตลอดทั้ง 7 วันในทุกช่วงเวลาจะพบว่าทั้งละครไทยหรือซีรีส์ต่างประเทศทุกเรื่องล้วนแล้วแต่เป็นการรีรันล้วนๆ
ยังไม่นับรวมถึงข่าวคราวต่างๆ ที่ออกมา ทั้งการย้ายออกของบุคลากรในภาคส่วนต่างๆ รวมไปถึงบางรายการที่ต้องถอนตัวไป ซึ่งแม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องปกติของการเปลี่ยนแปลง แต่กระนั้นมันก็สร้างความบั่นทอนให้กับเหล่าแฟนคลับของช่องได้ไม่น้อย
โดยเฉพาะกับกรณีล่าสุด ทั้งรายการ คดีเด็ด, เรื่องจริงผ่านจอ รวมถึง ซีรีส์พิภพมัจจุราช ที่ผลิตโดยบริษัทกันตนา พันธมิตเก่าแก่ที่มีข่าวการยุติไป ซึ่งบอสใหญ่กันตนาอย่าง“ตุ๊กตา จิตรลดา กัลย์จาฤก” ได้ระบุถึงสาเหตุที่จำต้องถอนยวงรายการต่างๆ ว่า “สู้ค่าเวลาไม่ไหวค่ะ" แต่อะไรก็ไม่น่าสนใจเท่ากับที่มีรายงานว่า 2 รายการแรกอย่าง คดีเด็ด รวมถึง เรื่องจริงผ่านจอ นั้นอาจจะไปโผล่ที่ช่อง 3 นั่นเอง
...
อย่างไรก็ตาม แม้ในตอนนี้ภายนอกช่อง 7 เองจะดูเหมือนกับเป็นคนอาการโคม่าแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นคนไข้ที่รักษาไม่ได้ ซึ่งโอกาสที่จะทวงอันดับ 1 มาจากช่อง 3 นั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย
ถ้ามองจากตัวเลขเรตติ้งที่ช่อง 3 อันดับ1 ที่ 1.135 กับช่อง 7 อันดับ 2 ที่ 1.110 ก็ต้องบอกว่าสูสีกันมากๆ นอกจากนี้ในส่วนรายการของช่อง 7 เองที่ยังถือได้ว่าเป็นจุดแข็งก็ยังมีอยู่ไม่น้อย
ทั้ง มวย ONE LUMPINEE ที่ช่องมั่นใจมากๆ ถึงขนาดนำมาออกอาการในช่วงไพร์ไทม์แทนละคร ซึ่งผลตอบรับก็ถือว่าไม่ผิดหวัง หรือจะเป็นรายการเก่าแก่อย่าง MasterChef Thailand ที่แม้จะเข้า Season 6 ไปแล้วแต่ก็ยังคงได้รับความนิยมจากแฟนคลับอยู่
ส่วนรายการข่าวเองโดยรวมทั้งหมดก็ใช่ว่าจะขี้เหร่อะไร ที่สำคัญเองช่อง 7 ยังคงมีจุดขายในรายการข่าวที่ต่างจากช่องอื่นซึ่งไปเน้นความหวือหวา เน้นเรียกคนดูกระทั่งเลยเถิดไปจากสิ่งที่ควรจะนำเสนอ เพียงแต่ช่อง 7 เองอาจจะต้องลุกขึ้นมาพรีเซ็นต์ตัวเองเสียใหม่ให้ดูทันสมัย มีความคึกคักมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะในส่วนของภาคบันเทิงที่อาจจะต้องทำงานหนักหน่อยและต้องยอมรับว่าช่องเองดูจะนิ่งเป็นเสือนอนกิน คิดว่าทำอะไรก็มีคนดู กระทั่งปล่อยให้ช่อง 3 หรือแม้กระทั่งช่องอื่นๆ ทิ้งห่างไปเรื่อยๆ
คิดเสียว่าถูกไล่มานานแล้ว ตอนนี้มาเป็นคนไล่คนอื่นบ้างก็อาจจะสนุกไปอีกแบบ...