กลับมาเป็นข่าวอีกครั้งสำหรับ "ดอนผีบิน" หนึ่งในวงเมทัลระดับตำนานของบ้านเรา หลังเกิดเหตุวัยรุ่นก่อคดีชิงเสื้อโลโก้วงจนกลายเป็นข่าวถึง 2 ครั้ง 2 ครา
ดอนผีบินเป็นวงดนตรีในแนวร็อคที่ประกอบไปด้วย 3 สมาชิกพี่น้องตระกูล "แก้วทิตย์" อย่าง สมบัติ แก้วทิตย์ พี่คนโต, สมศักดิ์ แก้วทิตย์ ตีกลอง และน้องชายคนเล็ก สมคิด แก้วทิตย์ เล่นเบสร้องนำ
โดยจุดเริ่มต้นที่ทำให้ "ดอนผีบิน" เป็นที่รู้จักต้องย้อนกลับไปในปี 2536 กับอัลบั้มที่มีชื่อว่า "โลกมืด"
แม้จะเป็นพี่น้องที่มีความชื่นชอบในการเล่นดนตรีร็อกเหมือนกันแถมยังเล่นเครื่องดนตรีกันคนละชิ้น แต่ 3 พี่น้องแก้วทิตย์ก็แทบจะไม่เคยเล่นเป็นวงด้วยกันเลย กระทั่งในปีพ.ศ. 2532 เมื่อทั้งสามมีโอกาสมาเจอกันที่เชียงรายจึงมีความคิดที่จะทำงานเพลงร่วมกันขึ้น
หลังอัดเพลง ช่วยกันคิดชื่อวง ออกแบบปก โดยมีสมบัติพี่ชายคนโตซึ่งเรียนศิลปะรับหน้าที่งานศิลป์ทำเป็นเทปเดโม่ไปเสนอกับค่ายเพลง แต่สุดท้ายกลับไม่มีค่ายไหนสนใจเลย ผ่านไป 2 ปี 3 พี่น้องจึงตัดสินใจที่จะทำเองขายเอง แต่กว่าที่อัลบั้มโลกมืดจะกลายเป็นเทปสำเร็จออกมาก็ต้องกินเวลาไม่น้อยเนื่องจากการไร้ประสบการณ์และเรื่องของเวลาเพราะแต่ละคนต่างก็ยังมีงานประจำที่ทำอยู่
วันที่ 15 เมษายน 2536 อัลบั้มโลกมืดที่อัดเสร็จถูกไปนำวางขายที่สนามไทยญี่ปุ่น ดินแดน หน้างานคอนเสิร์ต METALLICA เป็นครั้งแรก แม้จะถูกเจ้าหน้าที่ไล่แล้วไล่อีก แต่เทปจำนวน 1 พันม้วนก็ถูกขายจนหมด
<-center>
ขณะที่ส่วนอื่นๆ ได้ถูกนำไปวางขายตามร้านต่างๆ แบบใต้ดินทั่วกทม. และได้รับการต้อนรับจากบรรดาคอเพลงใต้ดินเป็นอย่างดี จนทางวงตัดสินใจบันทึกเสียงงานเพลงชุดนี้อีกครั้งพร้อมเปลี่ยนปกใหม่และมีการทำออกมาในรูปแบบของซีดีด้วย
ด้วยแนวดนตรีที่หนักหน่วง เนื้อหาของเพลงที่เกี่ยวกับเรื่องของธรรมชาติ ชีวิต ความตาย แถมเป็นวงที่มาจากต่างจังหวัดไม่ได้มีชื่อเสียงใดๆ หรือจะว่าไปไม่มีใครรู้จักมาก่อนด้วยซ้ำ แต่กลับได้รับเสียงตอบรับที่ดี ทำให้นักวิจารณ์เพลงขนานนามวง "ดอนผีบิน" ว่าเป็น "อุกกาบาตทางดนตรี" ที่เข้าปลุกกระแสวงการเพลงร็อกใต้ดินขึ้นมา ชนิดที่เรียกว่าเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ของวงการเพลงบ้านเราก็ว่าได้
หลังอัลบั้มโลกมืดดอนผีบินก็ทำเพลงชุดใหม่ทันที ก่อนปล่อย(มินิ)อัลบั้มชื่อ "เส้นทางสายมรณะ" ออกมาในวันที่ 1 ก.ค.2537 และได้รับการต้อนรับที่ดีเช่นเดิมแถมยังมีชื่อเข้าชิงรางวัลสีสันอวอร์ดถึง 4 รางวัล
จากเสียงตอบรับของแฟนเพลงทั้งสองชุด ทำให้ 3 พี่น้องต่างก็ตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาทำงานดนตรีแบบเต็มตัว
ช่วงระหว่างปี 2538-2543 จากวงใต้ดิน ดอนผีบิน ก็เริ่มกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง พร้อมออกมาอัลบั้มแบบรัวๆ ไล่ไปตั้งแต่อัลบั้มชุดที่ 3 อุบาทว์-อุบัติ, ชุดที่ 4 สองฟากฝั่ง ครั้งแรกในการเข้าสังกัดค่ายเพลงในสังกัดวอร์เนอร์ มิวสิคและครั้งแรกที่มีการจัดคอนเสิร์ตพบปะแฟนเพลงที่หอประชุม AUA, ตามมาด้วยอัลบั้มชุดที่ 5 สัญญาณเยือน และชุดที่ 6 ปรากฏการณ์ ปรากฏกาย ที่ทำกับค่ายจีราฟ เรคคอร์ด ในเครือแกรมมี่
.
ทั้งนี้ในช่วงระหว่างการออกอัลบั้มชุดที่ 5 และ 6 ภายในวงก็ได้เกิดความไม่ลงรอยขึ้นในเรื่องการทำงาน สุดท้ายหลังชุดที่ 6 ดอนผีบินก็วงแตก ทั้ง 3 พี่น้องต่างแยกกันไปทำงานเพลงของตนเอง แม้จะมีความพยายามกลับมารวมตัวกันเพื่อทำงานอีกครั้งในอัลบั้มแดนดินทิพย์ (Utopia-Part 1) ในปี 2556 แต่ก็ไปไม่รอด
ปัจจุบันในส่วนที่เป็นสินค้าที่เกี่ยวกับดอนผีบินนั้นมีการแยกกันทำชัดเจนระหว่างสมบัติและสมศักดิ์ ไม่ว่าจะเป็น ของที่ระลึก เสื้อ บ็อกเซ็ตรวมเพลง
อนึ่งในส่วนของชื่อวง "ดอนผีบิน" นั้นก็มาจากตำนานหมู่บ้านดอนตัน เขตอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่านบ้านเกิดที่มีการเล่ากันว่าในอดีตหมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นสมรภูมิการสู้รบระหว่างชนชาติมอญ พม่า เงี้ยว ไทยใหญ่ จนทำให้มีผู้คนล้มตายจำนวนมาก
ว่ากันว่าวิญญาณของคนตายบางส่วนก็ยังคงล่องลอยอยู่ในบริเวณดังกล่าว บางครั้งบางคราวก็ออกมาสร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้ที่พบเห็น จนหลายคนเลยเรียกขานพื้นที่แถบนั้นว่า "ดินแดนผีล่องลอย" หรือ "ดอนผีบิน" นั่นเอง
หมายเหตุ : สำหรับเสื้อดอนผีบินที่มีคดีแย่งชิงกันนั้นเป็นสินค้าของสมศักดิ์พี่คนกลาง โดยตัวแรกคือรุ่น "ค้างคาวแดง" ส่วนคดีที่ 2 คือรุ่น "ตะขาบแดง"