xs
xsm
sm
md
lg

“ชัยวัฒน์” โต้ดิสเครดิตคุณแม๊ แฉชู้สาว “ช้าง” เบี่ยงประเด็นยักยอก ลั่นแค่น้อยใจ ปูดอีกก่อน “ช้าง” มี “ปุ๊” บอดี้การ์ดแม๊

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เดือดไม่แผ่ว สำหรับศึกระหว่าง “คุณแม่” ภนิดา ศิระยุทธโยธิน กับอดีตที่ปรึกษา “ทนายชัยวัฒน์ โลมากุล” ที่ฝ่ายทนายได้ปูดแฉแม่เรื่องสัมพันธ์กับบอดี้การ์ดที่ชื่อว่าช้าง ล่าสุด “กรรชัย กำเนิดพลอย” จัดให้สองฝ่ายเคลียร์ใจกันผ่านรายการโหนกระแส โดยแม่เป็นแขกรับเชิญพร้อม “ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์” ก่อนโฟนอินหาทนายชัยวัฒน์ เพื่อให้เคลียร์เรื่องที่โดนกล่าวหายักยอกเงินของแม่

ตกลงที่ตั้งโต๊ะแถลงข่าวคือเรื่องอะไร?
เดชา : คือเรื่องที่คุณชัยวัฒน์ถูกคุณแม่กล่าวอ้างว่าไปยักยอกเงิน หลังจากนั้นจำเป็นต้องถอนทนายออกหมดเลย เพราะทนายเหล่านั้นก็เป็นของคุณชัยวัฒน์ คุณแม่เลยไม่ไว้วางใจ ประเด็นมีแค่นี้

คุณแม่มีการอ้างอิงถึงคุณชัยวัฒน์ว่ายักยอกเงินคุณแม่ในครั้งแรก ครั้งแรกคุณแม่ไปขึ้นศาลแล้วมีการตกลงกัน มีการจ่ายค่าเยียวยาให้คุณแม่ทั้งหมดเท่าไหร่?
ภนิดา : ครั้งแรกเป็นเงินสด 4 แสน แคชเชียร์เช็ค 2 ล้าน

ผมจำได้ว่า 1.6 ล้าน แบ่งเป็น 2 ใบ รวมเป็น 2 ล้าน และเงินกินเปล่ารายเดือนเดือนเท่าไหร่?
ภนิดา : 3 หมื่น 20 ปี จนกว่าแม่จะเสียไป อันนี้เป็นข้อตกลงที่ทำสัญญากับลูกปอ-ลูกเบิร์ต

จากนั้นยังไงต่อ?
ภนิดา : คุณแม่โทรหาลูกปอ เขาถามว่าคุณแม่ได้รับโบนัสที่ส่งให้หรือยัง คุณแม่ก็ยังไม่ได้รับอะไรเลย เขาบอกผมส่งโบนัสให้คุณแม่แล้วครับ 2 แสนบาท ของคุณเอ็มก็ 2 แสน แต่ว่าอยู่ในสลิปใบเดียวกัน พอคุณเอ็มไปรับ คุณเอ็มก็เอาไปเข้าบัญชีตัวเองเลย 4 เดือนผ่านไป คุณแม่ก็ยังไม่ทราบว่าคุณแม่ได้โบนัส พอโทรหาลูกปอนี่แหละ ปรากฏว่า 4 เดือนก็ยังไม่ได้ ทั้งที่รู้แล้วว่าเขาเอาไป เขาก็ไม่ติดต่อมา ยังทำเฉย แม่ก็เลยบอกว่าให้อธิบายมา

รอบแรกเงินรวม 2 ล้าน ครั้งที่สองอีก 4 แสน ลูกเบิร์ตโอนมาให้ทางคุณชัยวัฒน์ คุณแม่ต้องได้ 2 แสน เป็นค่าอะไร?
ภนิดา : โบนัส เขาจะให้เป็นของขวัญปีใหม่กับคุณแม่

ทำไมต้องให้กับฝั่งคุณเอ็มด้วย?
ภนิดา : เขามีข้อตกลงกัน คุณเอ็มถึงได้เงิน ว่าไม่ให้ยื่นอุทธรณ์ใดๆ แล้ว ให้จบที่ชั้นต้น คุณชัยวัฒน์ก็เรียกว่าไปขอ และมีข้อตกลงแบบนี้ ปอแกไม่ได้สนใจหรอก แต่ชัยวัฒน์ไปนำเสนอเองและไปขอเงิน

พูดแบบนี้เดี๋ยวเขาฟ้องนะ?
ภนิดา : ได้เลย (หัวเราะ) ของจริงทั้งหมด ของคุณแม่ยังเอาไปเฉยเลย

คุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ แกออกมาพูดแทนคุณชัยวัฒน์ แกบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ครั้งแรก 2 ล้านแยกเป็นแคชเชียร์เช็ค 8 แสน สองใบ เงินสด 4 แสน เงินสดเขาถือเป็นค่าทนายความของเขา เพราะมีการทำสัญญาถูกต้องตามกฎหมาย 4 แสนเขาเลยเอาไปเข้าบัญชีของเขา แม่แก้ตรงนี้ก่อน?
ภนิดา : คุณอัจฉริยะโดนหลอก คุณเอ็มไม่ได้พูดความจริง มันไม่มีหรอกเงินค่าทนาย 30 เปอร์เซ็นต์ที่คุณแม่ต้องได้ เท็จจริงแล้วไม่ใช่เลย พี่อัจพูดเองหรือคุณชัยวัฒน์สั่งให้พูดก็ไม่ทราบ เรื่องสัญญา 30 เปอร์เซ็นต์มันไม่มี เขายังไม่ได้ทำ เรายังไม่ได้ทำกัน เพิ่งทำเมื่อปลายปีที่แล้วเอง ฉะนั้น 4 แสนตรงนี้ยังไม่มีสัญญา

จะบอกว่าเงินที่เอาเข้าบัญชี เอาเข้าไปก่อนทำข้อตกลง 30 เปอร์เซ็นต์?
ภนิดา : ใช่ค่ะ

เดชา : ผมไม่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ฟังคุณแม่เล่ามาแบบนั้น

เงิน 4 แสนที่โอนมาใหม่ ที่คุณแม่ไม่ได้เงินเลย ทางคุณอัจฉริยะบอกว่าจริงๆ แล้วเป็นเงินค่านายหน้าในการซื้อรถ?
ภนิดา : คุณแม่ก็ทราบ คุณปอเขาให้มาแล้ว 5 หมื่น ขายรถจิ๊ปให้เขา เขาให้มาแล้วไม่เกี่ยวกับเงิน 4 แสนนี้ทั้งสิ้น คนละก้อนคนละยอด พี่อัจไม่รู้เรื่อง เอามาพูด แกอาจได้ข้อมูลไม่ตรงมาจากคุณชัยวัฒน์นั่นแหละ

ถ้าจะเอาเงินโอนเข้าบัญชีคุณเอ็มไม่จำเป็น เขามีบัญชีแม่อยู่ ทำไมถึงโอนเข้าคุณเอ็ม?
ภนิดา : แม่ก็ไม่ทราบเหมือนกัน

เดชา : ผมถามคุณปอมาแล้ว แกบอกว่าเหตุที่โอนเข้าบัญชีชัยวัฒน์ เพราะชัยวัฒน์ไปเจรจาเอง ไปทำเอง คุณแม่ไม่รู้ ชัยวัฒน์ไปเจรจา เรียกไป 4 แสน 2 แสนชัยวัฒน์เอา อีก 2 แสนชัยวัฒน์มีหน้าที่เอามาให้คุณแม่ แต่ชัยวัฒน์เอามาให้แค่ 5 หมื่น ค้างอีก 1.5 แสน คุณแม่เลยไปแจ้งความที่สน.วังทองหลางว่ายักยอก อันนี้ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณปอพูดแบบนี้หลายครั้ง เขาคุยกับผมแล้ว ยินดีมาเป็นพยานที่สน.วังทองหลาง

ทางฝั่งคุณชัยวัฒน์ บอกว่าเงินที่หักไปคือเงินที่มีค้างเขา?
ภนิดา : ค้างอะไรคะ สัญญายังไม่เกิด จะมาอ้างว่าคุณแม่ค้างอะไรไม่ได้ แล้วมันก็เป็นสัญญาทาส 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคุณแม่ก็ยกเลิกแล้ว จะมาขอแบ่งเงินเดือนคุณแม่ด้วยนะที่ได้ 3 หมื่น จะขอหัก 30 เปอร์เซ็นต์

เดชา : เดือนละ 9 พัน คุณแม่ก็เหลือเดือนละ 2.1 หมื่น จ่ายบอดี้การ์ดไป 2 หมื่น แม่เหลือพันเดียวนะ

บอดี้การ์ดไหน?
ภนิดา : (หัวเราะ)

เดชา : แกมีหลายคน

คนไหน?
ภนิดา : ก็ที่พี่หนุ่มเจอนั่นแหละ

ไม่ใช่นักร้องวงร็อกเหรอ?
ภนิดา : ไม่ใช่ (หัวเราะ)

จำได้ คนเดิม คนเดียวกัน เจอแม่ตอนนั้นก็ตกใจเหมือนกัน?
ภนิดา : ทำไมล่ะ คิดว่าควงนักดนตรี (หัวเราะ)

อย่างพี่อัจบอกมาว่า ถ้าเกิดจะโอนเงินเป็นของคุณแม่ก็ต้องโอนเข้าบัญชีคุณแม่ แต่ทำไมคุณปอต้องโอนให้ทางชัยวัฒน์ เพื่ออะไร?
เดชา : ผมได้คุยกับคุณปอแล้ว คุณปอเล่าให้ฟังก็ตรงกับคุณแม่ คือชัยวัฒน์ไปคุยกับทางคุณปอเอง แล้วเรียกเงินทั้งหมด 4 แสนบาท สองแสนตัวเองได้ไป ส่วนสองแสน มีหน้าที่เอามาให้คุณแม่ แต่เอามาให้คุณแม่แค่ 5 หมื่น อีก 1.5 แสนบาทไม่ได้คืน คำให้การระหว่างคุณปอและคุณแม่ตรงกัน พอไม่ตรงก็ทวง ทวงแล้วไม่คืน คุณแม่ก็เลยไปแจ้งความจับข้อหายักยอก เรื่องมีแค่นี้ สรุปง่ายๆ ชัยวัฒน์นอกจากจะรับจากคุณแม่ 30 เปอร์เซ็นต์แล้ว ยังกินสองทาง ไปเอาจากปออีก 2 แสน เอาจากคุณแม่ด้วย

ไม่เกี่ยวกับค่ารถอะไร?
เดชา : ค่ารถไม่ได้แพงขนาดนั้น เดี๋ยวนี้เขาใช้รถไฟฟ้าแล้ว ค่าน้ำมันไม่ได้แพงขนาดนั้น

ภนิดา : ค่ารถไม่เกี่ยวเลย

เดชา : ส่วนตัวค่านายหน้าเอารถจิ๊ปมาขายให้คุณปอ คุณปอเขาเป็นเต็นท์เป็นโชว์รูป คุณปอบอกว่าอันนั้น 5 หมื่นบาท มีสัญญา มีสลิปหมด เขาแจ้งให้ผมทราบแล้ว ไม่เกี่ยว 2 แสน สองแสนไม่มี ค่าคอมพ์อะไรจะเยอะแยะขนาดนั้น ไม่มี ส่วนอัจฉริยะเขาไม่รู้เรื่อง เขาฟังมาจากนายชัยวัฒน์ ตอนนี้ก็ถอนตัวไปแล้ว

ใครถอน?
เดชา : อัจฉริยะถอน

ทำไม?
เดชา : พูดต่อไปจะเสียแมวน่ะสิ ผมโต้เขาว่าอัจฉริยะถอยไปเถอะ เชื่อเพื่อนเถอะ

แต่เห็นว่าล่าสุดทางคุณชัยวัฒน์ไปหมิ่นเขา?
เดชา : ไปฟ้อง แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ยังไม่มี เขาโดนหมายจับอยู่จะมาได้ไง แม่ถือหมายจับอยู่ เจอก็ล็อกเลย

หมายจับอะไร?
เดชา : สน.ลุมพินี เป็นหมายจับแขวงปทุมวัน คุณแม่ก็มี เป็นเรื่องของคนอื่นที่เขามีการแจ้งความเอาไว้

ภนิดา : ยักยอก ฉ้อโกงคนอื่นด้วย

เดชา : เป็นคดีปลอม ใช้เอกสารปลอม และหมิ่นประมาท อยู่สน.ลุมพินี หมายจับแขวงปทุมวัน ซึ่งก็มีคนส่งให้คุณแม่

มันเลยเป็นประเด็นใหญ่โต?
ภนิดา : ขึ้นศาลทีไรต้องจูงคุณแม่ ซึ่งมันก็เกี่ยวกับที่ว่าแม่ว่าเขาหึงแม่หรือเปล่ากับพี่ช้าง ก็จูงมือทุกครั้งตอนขึ้นศาล คนอื่นไม่จูง

เดชา : เขาจูงคนเดียวนะ

เขาอาจดูแลหรือเปล่า?
ภนิดา : คนตัวใหญ่คือโตโต้ คนในทีมชัยวัฒน์ ปลอมแปลงเอกสารด้วยกัน

ปลอมแปลงอะไร?
เดชา : มีผู้ต้องหา 3 คน ที่ตร.บอก สน.ลุมพินี มอบตัวแล้ว 2 เหลือชัยวัฒน์

แต่มีประเด็นใครจะไปฟ้องคุณปอโรเบิร์ตเหมือนไปข่มขืน ใครจะไปฟ้อง?
ภนิดา : ชัยวัฒน์เป็นคนเขียนสำนวนว่ามีข่มขืนด้วย เป็นฆาตกรรม

เขาบอกว่าเกิดจากแม่ไปบอกเขาเอง?
ภนิดา : ไม่ใช่ เขาจะฉลาดน้อยเชื่อเหรอว่าคุณแม่สามารถบอกแล้วเขาเขียนตามได้ คุณแม่ไม่ใช่นักกฎหมาย

มีสิ่งที่แม่ไปพูดกับเขาว่าแตงโมโดนแบบนี้ แล้วให้เขียนลงไปในสำนวน?
ภนิดา : เขาเชื่อด้วยเหรอ เขียนตามที่คุณแม่บอกเลยเหรอ ไม่ใช่ เขาเขียนที่บ้าน

แม่จะพูดยังไงก็ได้ แต่เขาไม่ควรเขียนหรือยังไง?
ภนิดา : ไม่ควรเขียน เพราะเป็นไปไม่ได้ เขาก็รู้อยู่ว่าหลักฐานไม่มีเลย มีดก็หาไม่ได้ มีดกรีดขาไม่มี แต่พี่อัจบอกว่ามีแล้ว กล้องในรถก็ยังไม่คืนคุณแม่ เอาไปบอกว่าแปลงเป็นเสียงคน มีเสียงโบว์กับเสียงกระติกในกล้องด้วย ก็ไม่คืนคุณแม่ ขอคืนตั้งนานแล้ว เราก็อยากฟังเหมือนกัน เขาก็อ้างว่ามันสำคัญมาก

เรื่องการฟ้องร้อง เห็นว่าไปฟ้องช่อง 3 ใครฟ้อง?
ชัยวัฒน์ : ชัยวัฒน์ไปฟ้องแซนกับผู้สื่อข่าว อ้างว่าปลอมเอกสาร

ถ้าจำไม่ผิด คุณแม่กับที่ปรึกษากฎหมาย ทำเอกสารไปแจกหน้าศาล นักข่าวได้รับแจกมาจากคุณแม่ แซนก็ได้รับแจกมา แล้วทุกคนก็ลงกันตามนี้ เสนอข่าวกัน แล้วไปฟ้องเขา?
เดชา : ทางแซนฟ้องคุณแม่ แล้วก็ฟ้องชัยวัฒน์ก่อนคดีแรก ถอนคุณแม่เหลือชัยวัฒน์ ต่อมาศาลยกฟ้อง ชัยวัฒน์เลยฟ้องกลับ ฟ้องนักข่าวช่อง 3 ว่าปลอมเอกสาร นักข่าวช่อง 3 ก็ยืนยันว่าเอกสารจริง

วันนี้แม่จะมาเป็นพยานให้แซนและช่อง 3 ว่าเอกสารที่แจกเป็นเอกสารจริง เพราะแม่และอดีตทนายเป็นคนแจก?
เดชา : จะมายืนยันตรงนี้ แต่ชัยวัฒน์เขาบอกเขาไม่ได้แจก ก็เถียงกันอยู่แค่นี้

ภนิดา : เขาเป็นคนแบนี้ เราต้องรู้นิสัยเขานะ เขาถึงทำอะไรได้สารพัด ปลอมเอกสารเข้าไปเป็นพ่อของลูกอุ๊งอิ๊งเลย เอาหน้าตัวเองไปใส่ ชัยวัฒน์เป็นคนปลอม

อะไรนะ?
ภนิดา : คดีปลอมเอกสาร มีการปลอมหลายแผ่น เป็นครอบครัวคุณอุ๊งอิ๊ง เพื่อไทย ช่วงนั้นเขาหาเงินและหาคนไปสมัครหรือเปล่า ที่เป็นส.ส. บัญชีรายชื่อ เขาเอามาให้คุณแม่ดู ไอ้โต้เนี่ยมันเป็นพ่อของลูกอุ๊งอิ๊ง เราก็บ้าแล้ว แฟนเขามีนะ

พูดแบบนี้คุณแม่มีหลักฐานเหรอ?
ภนิดา : อยู่ที่เขาไง เขาพูดกับคุณแม่ แม่เล่าให้ฟังเฉยๆ

พี่เดเตือนหน่อยนะ ไม่อยากเป็นพยานให้ใครแล้วนะ?
ภนิดา : งั้นไม่ต้องพูดแล้ว

เดี๋ยวเรื่องจะกระทบแม่อีก?
ภนิดา : มีหลักฐาน เขารู้ดี แต่มันอยู่ที่เขา ที่เขาโดนหมายจับนี่ไง

เรื่องคดีจะจบแล้วนะ มันจะไปสุดตรงไหนเรื่องของแม่?
เดชา : ตอนนี้สืบพยานไป 20 กว่าปากแล้ว เดี๋ยววันที่ 23 ม.ค.ก็ขึ้นศาลต่อ สืบพยานโจทก์ให้จบไป เหลืออีกประมาณ 30 ผมเข้าไปเมื่อวาน ถอนทนายยื่นเป็นทนายเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว

อันนี้คือคดีแตงโม?
เดชา : ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีคดีเดียว

คดีล่าสุด เรื่องคุณชัยวัฒน์จะยังไง?
เดชา : แม่ไปแจ้งว่าเขายักยอกเงิน 1.5 แสน แจ้งเรียบร้อยแล้ว สน.วังทองหลาง เดี๋ยวก็เรียกชัยวัฒน์มารับทราบข้อกล่าวหา แค่นั้นเอง ปอคุยกันแล้วเขาจะมาเป็นพยาน เขายินดีเป็นพยานเพราะเป็นเรื่องจริง

สิ่งที่ออกมาพูดก่อนหน้านี้ แม่มีข้อเท็จจริง?
เดชา : มีพยานหลักฐานหมดที่ไปแจ้ง มีคลิปด้วย คลิปที่คุณชัยวัฒน์รับปากว่าจะเอาเงินที่เหลือมาคืน นั่งพนมมือ แล้วมีการทำบันทึกเอาเงินมาส่งมอบ 5 หมื่น มีทั้งภาพนิ่งและคลิป มีเสียงอะไรหมดเลย

ภนิดา : อยู่ที่ตร.

เขาอาจไม่ได้มีการพูดอะไรก็ได้?
เดชา : มี มีคลิปเลย ฟังแล้วก็ยอมรับว่าเอาเงินให้ ทำเอกสารส่งมอบเงิน 5 หมื่น อีก 1.5 แสนจะคืนภายในเดือนพ.ย. พอถึงกำหนดก็ไม่ได้เอาเงินมาให้ ไม่ใช่กู้เงินนะ ไม่มี คุณแม่ไม่ใช่นายทุนเงินกู้นี่

ภนิดา : ก็หวังว่าน่าจะเข้าใจกัน

เดชา : มันไม่มีอะไรซับซ้อน เราดูตามหลักฐาน ไม่ได้ดูคำพูดน้ำลาย เงินเข้าเงินออกมันก็ชัด เข้าบัญชีคุณชัยวัมน์ ถอนมาแล้วไม่เอาให้แม่ เอามาให้แค่ 5 หมื่น หลักฐานก็มี คลิปก็มี มันชัดเจน ชัยวัฒน์ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร

ส่วนเงิน 30 เปอร์เซ็นต์ ค่าที่ปรึกษากฎหมาย เอาเงินไปเข้าก่อน?
เดชา : มันเป็นโมฆะ ผมไปเปิดฎีกามาแล้ว เป็นนิติกรรมลักษณะยุยงส่งเสริม

คือนิติกรรมที่ยุยงส่งเสริมหรือแสวงหาประโยชน์ที่ผู้อื่นเป็นความกัน โดยตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องหรือได้เสียในมูลคดีด้วย ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมอันดีต่อประชาชน เช่น ตกลงออกค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้ ถ้าชนะคดีจะได้รับที่ดินพิพาทกันเป็นการตอบแทน หรือตกลงแบ่งที่ดินพิพาทกันในการตอบแทน ในการไปเบิกความเป็นพยานให้?
เดชา : มีคำพิพากษาเยอะแยะเลย มันชัดเจน บังคับไม่ได้ เสียเปล่าไปเลย จะมาเรียก 30 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ หมายถึงว่าตัวเองก็ยังไม่ใช่ทนาย ถ้าเป็นทนายก็โมฆะ จะมาแบ่งกัน ใครฟังรายการโหนกระแส ดูคดีนี้ไปเลย จะมาเอาส่วนแบ่งจากคดีไม่ได้ เพราะเจตนารมณ์กฎหมายต่อไปก็มุ่งจะให้ชนะอย่างเดียวสิ ใช้เอกสารปลอม เอกสารเท็จ มุ่งแต่ชนะ แทนที่มุ่งค้นหาความจริง มันไม่ใช่ จรรยาบรรณวิชาชีพ เขาห้าม ชัยวัฒน์ก็ต้องรู้อยู่แล้ว ไม่งั้นต่อไปก็มุ่งชนะอย่างเดียวสิ พยานหลักฐานไม่มีก็ไปจ้างพยานเท็จมา เอกสารปลอมไป บ้านเมืองก็วุ่นวาย นี่คือหลักการสากลทั่วโลก

ยืนยันว่า 30 เปอร์เซ็นต์ที่ชัยวัฒน์เรียกมาโมฆะ?
เดชา : โมฆะ ไม่มีสิทธิ์เรียก สัญญาเสียเปล่าเลย เงินที่เรียกเก็บไปไม่ต้องคืน ถือเป็นการชำระหนี้ตามอำเภอใจไป ก็รู้อยู่แล้วว่าผิดกฎหมายก็ยังให้เขาไป ก็เอาคืนไม่ได้ ยกเว้นหลอกลวง ยักยอก คนละเรื่อง ถ้ามีจำนวนไหนแม่โดนยักยอก อันนั้นก็คนละเรื่อง เช่น 1.5 แสนคนละเรื่องกับอันนี้ เพราะคุณชัยวัฒน์ไปเอากับคุณปอ หรือยักยอกเรื่องอื่นแม่ก็เอาได้ แต่ 2.7 ล้าน ไม่ต้อง

แม่โอเคมั้ย?
ภนิดา : ต้องคุยกับเขาด้วย

อยากได้คืน?
ภนิดา : อยากได้คืน

แต่ข้อกฎหมายมันไม่ได้?
เดชา : ต้องดูว่าเป็นเรื่องการยักยอกหรือเกี่ยวกับสัญญานี้

ชัยวัฒน์ โฟนอินกับรายการเปิดปากกับภาคภูมิ แม่ตกใจมั้ย?
ภนิดา : ตกใจสิ โฟนอินเข้ามา 2 ครั้ง แล้วพูดเรื่องส่วนตัวของคุณแม่ ซึ่งมันไม่เหมาะ เรากำลังคุยกันเรื่องเงินนะ ถูกมั้ย แต่นี่โฟนอินมาพูดเรื่องคนอื่น เหมาะสมมั้ย

เขาต้องการดิสเครดิตว่าคุณแม่เป็นคนไม่ดี?
ภนิดา : ประมาณนั้นค่ะ แล้วการที่เขาให้คุณอัจฉริยะพูดข้อมูลก็ไม่ตรง

เรื่องนี้ประเด็นอยู่แค่นี้ เรื่องราวคุณแซน คุณแม่ คุณปอ-โรเบิร์ต และคุณชัยวัฒน์ที่ปรึกษาคนเก่า แต่ประเด็นแตกหน่อออกมา เพราะคุณแม่ไปออกรายการคุณอุ๋ย ภาคภูมิ คุณชัยวัฒน์มีการพูดถึงเรื่องราวที่คุณแม่โกรธแก?
ภนิดา : เรื่องส่วนตัว แกบอกว่าคุณแม่โกรธเพราะแกไปห้ามว่าอย่าคบช้าง เท็จจริงแล้วแกไม่กล้ามาห้ามคุณแม่หรอก แกไม่มีสิทธิ์ แกโกหกว่าไปห้ามคุณแม่ จริงๆ ไม่ได้ห้าม

แกสนับสนุนเหรอ?
ภนิดา : (หัวเราะ) แกพูดเพื่อให้ได้ผลประโยชน์แก่แกแหละ เบี่ยงเบนประเด็นเรื่องเงิน แทนที่จะพูดกันเรื่องเงินแท้ๆ

เดชา : แทนที่จะชี้แจงว่ายักยอกเงินหรือเปล่า กลับไปพูดเรื่องชู้สาว

ภนิดา : เบี่ยงเบนประเด็นไป

โฟนอินหา “ชัยวัฒน์ โลมากุล” เรื่องเงิน อันดับแรก เงิน 4 แสน เงินสด ตอนแรกแม่ได้ 2 ล้านเป็นเช็คค่าเยียวยาจากปอ-โรเบิร์ต ทำไมเอาเงิน 4 แสนเข้าบัญชีตัวเอง?
ชัยวัฒน์ : เรื่องนี้เป็นข้อตกลงระหว่างผมกับคุณแม่ คุณแม่มาให้นโยบายและว่าจ้าง คุณแม่ก็มาแต่ตัว ไม่ได้ถือเงินสดเป็นเงินว่าจ้างผมด้วย คุณแม่เสนอมา ผมก็สนอง รับข้อตกลงทำงานให้คุณแม่ก่อน การทำงานของผม ใช้ระยะเวลาตังแต่ 28 มิ.ย. ปี 65 มาถึง 21 ก.ย. มันเป็นการสำเร็จใจการทำงานของผม ได้เจรจาต่อรอง ทำการประนีประนอม ได้ค่าชดเชยเยียวยามาก็เหมือนค่าจ้าง ผมก็ทำหนังสือให้คุณแม่ส่งเงินจำนวน 4 แสนบาท ผมก็เซ็นรับ สัญญาตรงนี้เป็นเงินค่าว่าจ้าง วันที่ 21 ก.ย. 2565 เป็นค่าจ้างครับ

ค่าจ้าง 30 เปอร์เซ็นต์?
ชัยวัฒน์ : ตรงนี้ผมก็เข้าใจอยู่ว่าเงินสดจริงๆ รับยังไม่ถึง 9.2 ล้าน ความลงตัวอยู่ตรงไหนก็ต้องมาเจรจากัน จะเหมารวมจาก 9.2 ล้านเนี่ย ที่ผมส่งโนติสไป 2.7 ล้าน เป็นแค่ใช้สิทธิ์เรียกร้องค่าว่าจ้าง แต่ถ้าข้อเท็จจริง ความจริงได้เงินมาเท่าไหร่ ผมก็พิจารณาตกลงว่าสมควรได้รับเท่าไหร่ อยู่ที่ความพอใจสองฝ่าย ไม่ได้ไปบีบบังคับอะไร ผมใช้สิทธิ์ส่งหนังสือเรียกร้องการชำระการว่าจ้างแค่นั้นเองครับ

เงิน 30 เปอร์เซ็นต์ เห็นคุณแม่บอกว่าทำโดยมิชอบ เงิน 4 แสนที่คุณชัยวัฒน์เอาเข้าบัญชีตัวเองไป ตอนนั้นยังไม่ได้ทำสัญญา 30 เปอร์เซ็นต์ สองมุมการทำสัญญา เขาถือว่าเป็นโมฆะเพราะสัญญามันไม่ถูก ขัดต่อความสงบ?
ชัยวัฒน์ : ขออนุญาตเรียนท่านเดชาและนักกฎหมายทั่วประเทศ การวินิจฉัยว่าสัญญาจะเป็นโมฆะหรือไม่ อยู่ที่ศาลตัดสิน เราไม่ใช่ศาลนะครับ ก่อนหน้านี้ผมเคยทำให้คุณแม่เข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ ก็เห็นนักกฎหมายทั่วประเทศหรือคนอยู่ในวงการกฎหมายชื่อดัง อย่างคุณเดชาก็เคยออกความเห็นว่าไม่สามารถกลับเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ แต่ผมก็สามารถใช้วิธีการให้คุณแม่เข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ ทั้งที่ถอนมาแล้วครั้งนึง เราไม่ใช่ศาล อยู่ที่ศาลจะพิจารณาว่าเป็นโมฆะหรือไม่ แล้วการรับเงิน 21 ก.ย.ของผมทำสัญญามาก่อนหรือไม่ ระบุไว้ชัดเจนว่าทำสัญญาวันที่ 28 มิ.ย.2565 ก่อนหน้านั้นอีกในวันที่เจอครั้งแรก และสัญญาฉบับนี้ได้รับการกลั่นกรองวินิจฉัยจากเพื่อนสนิทคุณแม่ ที่คุณแม่อ้างชื่อท่านว่ารองอธิบดีอัยการ ได้มีการกลั่นกรอง สิ่งที่คุณแม่ไม่ประสงค์ เราก็ขีดออกหมดแล้วมาลงชื่อกำชับ ผมมอบให้คุณแม่หนึ่งฉบับ อ่านให้ฟัง มีทนายสองท่าน คือคุณไพศาลกับวรวิทย์ ผมมีพยานชัดเจนทั้งเอกสารและบุคคล

ยืนยันว่าเงินได้มาโปร่งใส?
ชัยวัฒน์ : โปร่งใสแน่นอนครับ ถ้าไม่โปร่งใสคุณแม่ก็ต้องคัดค้านตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย.สิครับ ต้องดำเนินคดีกับผมเลยสิครับ ตอนนี้ล่วงเลยมาเกือบปีแล้ว มันเป็นการอาจหาข้อแก้ตัวหรือทำให้ผมเสียหาย อ้างว่าไปยักยอกหรือฉ้อโกง ตรงนี้ผมก็ยังต้องใช้สิทธิ์ดำเนินการ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณแม่เป็นคนดี เป็นคนมีน้ำใจ ผมก็ยังรักและเคารพคุณแม่อยู่ตลอดเวลา ถึงแม้มีเรื่องผมก็ไม่โกรธเคืองครับ เราพร้อมที่จะเจรจากันได้

แล้วเงินที่บอกว่าคุณปอ ตนุภัทรมีการโอนมา 4 แสน คุณเอาไปเข้าบัญชีคุณหมดเลย แล้วคุณให้คุณแม่ 5 หมื่น ตกลงเงินก้อนนี้คืออะไรกันแน่?
ชัยวัฒน์ : เงินตัวนี้คือเงินที่สองฝ่าย คือฝ่ายโจทก์ร่วมคือคุณแม่ และจำเลยที่พิพากษา ตัดสินคดีถึงที่สุดแล้ว มันเป็นเงินที่เขาเรียกว่าเป็นการตอบแทนทำให้คดีถึงที่สุดโดยเร็ว เนื่องจากคุณแม่ให้ผมขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไป 2 ครั้ง ก็จะถึงที่สุดอยู่แล้ว หมายความว่าท่านอัยการก็ขยายไปถึงครั้งสุดท้ายคือไปถึงวันที่ 8 ก.ย.2565 คดีจะถึงที่สุด แม่ก็บอกว่าคุณชัยวัฒน์ เราไม่ต้องไปเอาเรื่องเอาราวเขา เพราะในสัญญาประนีประนอมยอมความเราก็เขียนชัดเจนว่าสละสิทธิ์ในการอุทธรณ์และฎีกา ผมก็ให้ความเห็นแม่ว่าเราไม่น่าที่จะอุทธรณ์เขา เพราะเขารับผิดไปแล้ว และชดเชยค่าเยียวยา ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับคุณปอและเบิร์ต น้องสองคนก็น่ารักมาก รู้รายละเอียดทุกเรื่อง ในการทำสัญญาประนีประนอมครั้งที่สอง วันที่ 10 พ.ค. วันที่ 21 ก.ย.ตกลงกันในศาล วันที่ 10 พ.ค. ก็เรียกทนายความที่ปรึกษาทุกฝ่ายของจำเลยที่หนึ่งที่สอง และผมกับคุณแม่ ไปจับมือกันลงข้อตกลงพันธะสัญญาว่าจะไม่ดำเนินการใดๆ เรียกร้องอะไรยังไงทั้งสิ้นอีกแล้ว โดยเฉพาะมีโบนัสเขียนมาอีกทุกสิ้นปีคือธ.ค.โบนัสก็ส่วนใหญ่ต้องจ่ายทุกสิ้นปี เป็นเงินที่ทางคุณปอกับโรเบิร์ตมอบให้เป็นค่าตอบแทน ค่าน้ำใจ ที่คุณแม่มิได้ดำเนินการขอขยายอุทธรณ์ คือสละสิทธิ์ในการดำเนินคดี เป็นความพอใจของคุณแม่ คุณแม่เป็นคนสั่งผมเองครับ เป็นเงินก้อนนี้ครับ

แม่มีอะไรจะชี้แจงกับเขามั้ย?
ภนิดา : คุณแม่ข้องใจเรื่องคุณอัจฉริยะ (อัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์) มาพูดข้อมูลผิดพลาดนะ

ชัยวัฒน์ : ก็น่าจะคลาดเคลื่อน พอดีทุกคนก็รักผม เป็นเพื่อนกัน คุณเดชาก็มีการขอร้องกันในการร่วมมือกันทำงาน แต่ผมก็เข้าไปก้าวก่ายมากไม่ได้ ขอกราบเรียนท่านเดชาให้เข้าใจ ผมคิดว่าทำไมคุณเดชาถึงต้องมาไฟว์ติ้งกับผม แต่ด้วยความเคารพ ผมเป็นแฟนคลับคุณเดชาอยู่นะ

เดชา : ผมไม่มีอะไร เรื่องคุณอัจฉริยะไปแจ้งความหมิ่นประมาทคดีแตงโมอัยการก็สั่งไม่ฟ้องไปแล้วนะ แล้วผมก็ไม่ได้มาไฝว้อะไรคุณชัยวัฒน์ เพราะผมมาทำหน้าที่ทนายความ

ชัยวัฒน์ : ก็ต้องกราบขอบพระคุณมากที่มารับหน้าที่แทนผม เพราะเป็นเรื่องสลับซับซ้อน มีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้น มีปรากฎการณ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา คุณแม่ก็น่ารัก ใจดี เรื่องเงินเรื่องทองท่านไม่มีปัญหา ถ้าผมเอ่ยปากเมื่อไหร่ท่านยินดีให้ เงิน 1.5 แสนไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าหากคุณแม่ไม่ไปออกรายการสัมภาษณ์กับคู่กรณีผม (แซน วิศาพัช) และกล่าวหาผม จุดไคลแม็กซ์อยู่ตรงนี้ แล้ววันที่ 2 พ.ย. คุณแม่ไปกอดกับจำเลย ผมก็ตกใจ คุณแม่มีเงื่อนไขที่จะเป็นซัมติงรองอะไรกันหรือเปล่า แต่ตอนนี้พิสูจน์แล้วว่าคุณแม่จะไปให้การช่วยจำเลยที่ผมดำเนินคดีอยู่ แต่ก็อยากเรียนบอกคุณแม่ถ้าขึ้นให้การ ผมก็ต้องใช้สิทธิ์ดำเนินคดี เพราะศาลท่านพิพากษาแล้วว่าผมไม่มีความผิด การไปพูดขัดแย้งต่อคำพิพากษาของศาล ผมก็กราบเรียนคุณแม่ว่าไม่น่าเสี่ยง เพราะเราเป็นจำเลยด้วยกัน

ภนิดา : คุณแม่ยกเลิกการเป็นพยานแล้วค่ะ

ชัยวัฒน์ : ขอบคุณมากครับ ไม่อยากให้คุณแม่ปวดหัว ถ้าสิ่งหนึ่งสิ่งใดผมทำให้คุณแม่ไม่พอใจ ก้าวล่วงคุณแม่ทำให้โกรธเคืองผม ก็ถือโอกาสนี้กราบขอโทษคุณแม่ ถ้ากลับจากเยี่ยมลูกที่เวียงจันทน์ ผมจะไปกราบคุณแม่

ภนิดา : คุณแม่ก็อยากได้เงินคืนนะ 1.5 แสน

ชัยวัฒน์ : ไม่มีปัญหาครับ

ภนิดา : เอามาทั้งก้อนเลยนะคะ ไม่ต้องผ่อน

ได้มั้ย?
ชัยวัฒน์ : ยินดีครับ ผมเป็นลูกผู้ชาย ไม่มีปัญหา

ตกลงเรื่องคุณไปชอบคุณแม่ฉันท์ชู้สาว เดินจูงตลอดเวลา คือยังไง?
ชัยวัฒน์ : ผมถูกคุณแม่กล่าวหาว่าหึงหวง ผมเข้าใจคุณแม่ คุณแม่อาจแซวผม เพราะเราเหมือนคบกันมาประมาณ 20 ปี ทั้งที่ผมเจอคุณแม่มาปีกว่าๆ เองนะ เรารู้ใจกันทุกเรื่อง รู้ใจกันแม้กระทั่งเรื่องที่เป็นในที่ลับ แต่ผมก็คุยกับคุณแม่เพื่อมารยาท คุณแม่ก็รู้อยู่แก่ใจ เราทำอะไรอยู่ในขอบเขต ในฐานะผู้ว่าจ้างกับลูกจ้าง

แล้วที่จูงตลอดเวลาเพราะอะไร แม่เขาสงสัย?
ชัยวัฒน์ : ผมกลัวคุณแม่ล้ม คุณแม่มักจะหน้ามืด ผมหวังดี เรื่องนี้เดี๋ยวจะหาข้อยุติโดยเร็ว ไม่ต้องห่วง เรื่องเงิน 1.5 แสน เดี๋ยวคุณแม่อาจให้ผมเยอะกว่านั้นอย่างแน่นอน

ภนิดา : เขารู้ใจแม่ดี
แทรกไปในหลอดเลือดหัวใจคุณแม่แล้ว ประเด็นเดียวที่เป็นประเด็นสังคม ทำให้ชื่อคุณแม่ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ คือการที่คุณไปพูดว่าเขามีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับนายช้าง ทำไมถึงพูดคำนี้ออกมา?
ชัยวัฒน์ : ให้ผมไปสาบานต่อพระสยามเทวาธิราชก็ได้ มันเป็นเรื่องจริง ที่ผมพูดเป็นเรื่องจริง ถ้าไม่จริงก็ดำเนินการกฎหมายกับผมได้เลย ที่ผมพูดเพราะคุณแม่ไปออกข่าวประจานผมทั่วประเทศ ทั่วโลก ตอนนี้ชื่อเสียงผมพูดง่ายๆ ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม ตอนนี้ผมอยู่เวียงจันทน์กับครอบครัว เดี๋ยวจะกลับเมืองไทยไปเคลียร์เรื่องคดีต่างๆ ที่บอกว่าไปปลอมเอกสาร มีหมายจับ เป็นเพราะการกระทำคนติดตามผม คุณแม่ก็รู้ชื่อนายโตโต้ ไปแอบอ้างว่าเป็นสามีนักการเมืองใหญ่ ไปถ่ายรูปกันในห้องคลอด ไปตัดต่อรูปภาพฉ้อโกงเงินบุคคลภายนอกอีก 20 ล้าน เอาเงินมาให้ผม 4.5 ล้าน ผมก็อาไปคืนให้เจ้าของเรียบร้อย ทำข้อตกลงยุติปัญหาเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้ผมถูกพาดพิง ตรงนี้เป็นเรื่องเก่า ผมก็ใช้สิทธิ์ ผมเป็นเจ้าของสำนักงานกฎหมายมา 30 ปี ไปตรวจสอบได้เลย ผมทำคดีไม่เคยแพ้นะครับ ไม่เคยพิพากษาจำคุกผมเลย ไปตรวจสอบได้เลยครับ

ทำไมถึงพูดเรื่องความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว โฟนอินเพื่ออะไร?
ชัยวัฒน์ : ประเด็นที่คุณแม่ไปเดินสายออกอากาศ คุณแม่เคยบอกว่าถ้าไม่ได้เงิน 1.5 แสน คุณแม่จะประจานชัยวัฒน์นะ ชัยวัฒน์จะอยู่ไม่ได้นะ ต้นเหตุตรงนี้แหละ คุณแม่ประจานผม ผมก็ต้องมีสิทธิ์ตอบโต้ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องโกรธเคืองในร้านอาหารวันนั้น 2 ต.ค. 65 วันฟ้องคดีอาญา คุณแม่ไม่พอใจต้องถอนฟ้องดีๆ ก็ได้ เขียนกระดาษแค่แผ่นเดียว แต่นี่แม่เขียนหนึ่งหน้ากระดาษกล่าวหาว่าผมไปโกง 1 ล้าน ซึ่งมันไม่จริง เราทำอะไรเรารู้ คุณแม่เสน่หาผม คุณแม่มอบให้ผมเยอะเกิน 1 ล้านอีก เรารักกันนะครับคุณหนุ่ม

กับนายช้างจะเคลียร์ยังไง?
ชัยวัฒน์ : มันเป็นเรื่องจริงนี่ครับ คุณช้างเคยมาปรารถกับผมว่าจะอยู่ไม่ได้แล้วนะ จะกลับไม่ได้ ผมก็บอกว่าใจเย็นๆ คุณแม่เป็นคนปากร้ายใจดี เดี๋ยวก็หายโกรธ ให้คุณแม่ไปร้องเพลงสัก 3-4 เพลง คุณแม่ก็ใจดีแล้ว มีคุณมาทำงานผมจะได้ไม่เหนื่อย ผมขับรถจากชลบุรีเข้ากรุงเทพฯ กี่ครั้งๆ ก็ต้องรับคุณแม่มาขึ้นศาลทุกครั้ง ถ้ามีคุณแม่อยู่ผมสบายใจมากเลย คุณแม่ก็มีความนิยมชมชอบคุณช้าง แต่ตอนนั้นยังไม่เข้าใจว่าเป็นเรื่องชู้สาวหรือไม่ แต่คุณช้างมาแจ้งผมเอง ว่าคุณแม่ให้ไปเอาใบหย่า อันนี้ต้องสัมภาษณ์คุณช้างนะว่าเขาพูดจริงมั้ย

ที่ข้องใจมากที่สุด ทำไมปล่อยคลิปหอมแก้มกับรูปหอมแก้มออกมา?
ชัยวัฒน์ : ผมไม่ได้ปล่อย ผมนั่งชิดกับคุณแม่

แล้วหลุดมาได้ไง?
ชัยวัฒน์ : เรื่องนี้เป็นที่จับจ้องของสังคม ในเมื่อคุณแม่ปฏิเสธในการให้สัมภาษณ์ว่าไม่มีการจูบกัน คนอยู่ในโลกสื่อเขาก็ต้องพิสูจน์ความจริงให้สังคมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คลิปนี้ผมไม่ได้ถ่ายและไม่ได้ส่งไป เวลามีปัญหาผมใช้กระบวนการศาลเท่านั้น ภายใต้กฎหมายจะไม่ละลาบละล้วงกล่าวหาลอยๆ

คุณบันทึกเสียงไว้หมดเลย?
ชัยวัฒน์ : เป็นเรื่องจริง

คุณแม่บอกว่าไม่เคยคิดกับคุณช้างเป็นอื่นเลย นอกจากเลขาส่วนตัว?
ชัยวัฒน์ : (หัวเราะ) อันนี้ถามความในใจคุณช้างกับคุณแม่ดีกว่า มันมีอะไรลึกกว่านี้

ภนิดา : พูดมาเลย อะไรที่ลึก

ชัยวัฒน์ : คุณแม่อนุญาตแล้วนะ ก่อนที่คุณช้างจะเข้ามา เดือนมิ.ย. ช่วง 2 เดือนก่อนผมได้ค่าเยียวยา มีคุณปุ๊มาอยู่ที่ห้องอยู่แล้ว

ภนิดา : ก็ไม่เกี่ยวกับคุณนะ คุณคิดเอง

ชัยวัฒน์ : คุณแม่อาจไม่มีอะไรก็ได้ แต่คุณปุ๊มาพูดกับผม ผมก็ไปบ้านน้องโมบ่อย ท่านก็ปรารถว่า ผมไม่มีอะไรนะ คุณแม่ให้ออกจากคอนโดผมก็ไม่คิดอะไรมาก แกก็มีอาชีพนักดนตรี ในเมื่อคุณช้างจะเข้ามาแกก็หลีกทางให้ ไม่ได้ติดขัดอะไร ถ้าคุณแม่ให้ออกก็จะออกทันที แต่คุณช้างเป็นฝ่ายเกรงกลัวคุณปุ๊ว่าจะมาทำร้ายเนื่องจากเป็นมือที่สาม ผมเลยแซวคุณช้างว่าหนึ่งหญิงสองชายนะเนี่ย เพลงดังอมตะ ดาวใจ ไพจิตร เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง คุณช้างโกรธผมเป็นฟืนเป็นไฟ คุณช้างไม่ชอบคำพูดนี้ว่าไปแซวเขาทำไม คุณแม่ก็แจ้งผมเองว่าคุณช้างโกรธมากนะคุณเอ็ม มันเป็นประเด็นตรงนี้ แต่ไม่อยากเล่ามาก บางทีเราอายุเยอะ เรื่องผมหึงหวงคุณแม่ ผมกราบใต้เท่าเลยว่าผมไม่มีเจตนาที่จะมีความคิดที่จะไปละลาบละล้วง เรื่องชู้สาวไม่มีเด็ดขาด ผมก็มีลูกมีภรรยาอยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นแน่นอน เราไปไหนด้วยกันดึกดื่น ร้องเพลงตีหนึ่งตีสอง ไม่เคยก้าวล่วงเลย

เคยดีเอ็มไปหาบอกว่าน่ารักมากค่ะ มีมั้ย?
ชัยวัฒน์ : เรื่องนี้น่าจะเป็นคุณหนุ่มนะครับ (หัวเราะ) ผมพูดจาไม่ใช่ขวานผ่าซาก ได้รับการสั่งสอนจากเจ้าคุณ ผมจบการศึกษามาผมไปเรียนวัดก่อน ผมไต่เต้ามาจากไม่มีอะไรเลย คุณแม่สั่งสอนให้ผมเป็นคนดี ผมไม่มีเจตนายักยอกครับ ผมกลับไปเมื่อไหร่คุณแม่ได้แน่นอน 1.5 แสน

ภนิดา : โอนเข้าบัญชีคุณแม่เลย ส่วนเรื่องข่าวเขาไม่ต้องแก้หรอก เดี๋ยวพี่ช้างจะแก้เอง

1.5 แสนจ่ายนะ เป็นลูกผู้ชาย จ่ายเมื่อไหร่?
ชัยวัฒน์ : เร็วๆ นี้ครับ เดี๋ยวให้นักกฎหมายผมแจ้งคุณแม่นัดหมายกันอีกที

ภนิดา : เร็วหน่อยได้มั้ย คุณแม่ต้องใช้เงิน

ชัยวัฒน์ : เงินจำนวน 1.5 แสนไม่ได้เยอะสำหรับคุณแม่ แต่มันเยอะสำหรับผม ผมให้คุณแม่ 1.5 แสน แต่คุณแม่อาจให้ผม 5 แสนก็ได้ เชื่อได้เลย คุณแม่เป็นคนใจดี ไม่ห่วงเรื่องเงินเลย การจ่ายเงินของคุณแม่บางครั้งเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์นะ บางทีคุณแม่ควักเงินหมื่นช่วยค่าน้ำมันเลยนะ คุณแม่น่ารักครับ

ค่าปลาสลิดตกลงยังไง?
ชัยวัฒน์ : กราบพระสยามเทวาธิราช 3 หมื่นไม่ใช่ความจริง

ตกลงกี่ถุง?
ภนิดา : หลายถุง ถุงละ 3 พัน

ชัยวัฒน์ : ถูกต้อง ถ้า 3 หมื่นผมต้องเอาปิ๊กอัพใส่มาแล้ว

ปลาสลิดนี่ให้จบไปเลย?
ภนิดา : ตลก

ชัยวัฒน์ : คุณแม่อาจพูดเล่น คุณแม่กล่าวหาผมหึงหวงผมไม่ได้โกรธคุณแม่ คุณแม่แซวผมแน่นอนพันเปอร์เซ็นต์ ในใจผมรู้

เขาบอกพี่เอาปลาสลิดแม่ไปหมดเลยแม่จ่ายอีก?
ชัยวัฒน์ : ผมให้คุณแม่หนึ่งถุง ให้คุณหมอหนึ่งถุงเป็นของฝาก แต่คุณหมอไม่รับ ผมก็มีสองถุง เอาไว้ทอดกินหนึ่งถุง ให้เพื่อนหนึ่งถุง ส่วนใหญ่ปลาสลิดเขาขายอย่างเกรดเอก็ไม่ถึง 300 คุณแม่ให้ผมด้วยความเสน่หา การที่คุณแม่ไปให้ 3 พัน ผมก็ไม่ขัดใจ ถ้าผมไม่เอาคุณแม่ก็ดุผมอีก อาจรวมค่าน้ำมันต่างๆ วันนั้นผมไปรายงานเรื่องการดำเนินคดีอะไรสักอย่าง

แม่จะเอาคืนมั้ยค่าปลาสลิด?
ภนิดา : ไม่เอา

ค่าปริ้นเตอร์ล่ะ?
ภนิดา : ซื้อให้ แต่ไม่เห็นเอามาใช้

ชัยวัฒน์ : ผมใช้อยู่ที่บ้าน ถ้าคุณแม่จะเอาก็ไม่เป็นไร ผมจะคืนให้

ภนิดา : คุณใช้หรือเปล่า ถ้าใช้ก็ไม่เอา

ชัยวัฒน์ : เอาง่ายๆ เรื่องที่เกิดเรื่องเกิดราวอยู่ที่เงิน 1.5 แสนเท่านั้นเอง

ภนิดา : คุณเอ็มไม่ตรงเวลาด้วย บอกแม่เดือนพ.ย. จะคืน ภายในสิ้นเดือน

ชัยวัฒน์ : 30 พ.ย. ผมต้องจ่ายคืนคุณแม่ แต่ 2 พ.ย.คุณแม่ไปเผาผมที่ศาลจังหวัดนนท์และไปกอดกับคุณแซน ผมถือว่าเป็นปฏิปักษ์กันแล้ว

ภนิดา : มันคนละเรื่องนะคุณ

ภนิดา : ผมรู้สึกน้อยใจนิดนึง ผมไม่ได้อธิบายคุณแม่ทุกอย่างหรอก การน้อยใจมันถึงลุกลามมาถึงตอนนี้ ผมขอถามว่าผมทำงานให้คุณแม่บกพร่องมั้ย

ภนิดา : ดี อยากให้ขอโทษพี่ช้าง

ชัยวัฒน์ : ยินดีครับ ถ้าสิ่งไหนก้าวล่วงก็กราบขอโทษด้วย

ภนิดา : ที่เขาบอกว่าหนึ่งหญิงสองชายต้องขอโทษ

ชัยวัฒน์ : (หัวเราะ)

ภนิดา : ต้องขอโทษคุณแม่ด้วย

ชัยวัฒน์ : (หัวเราะ) มันเป็นการแซวเล่นเฉยๆ ก็กราบขอโทษคุณช้างด้วย ถ้าสิ่งไหนก้าวล่วงก็ขอโทษด้วย

ภนิดา : เมื่อไหร่คุณเอ็มจะมามอบตัว

ชัยวัฒน์ : เรื่องนั้นโตโต้เป็นผู้ก่อเหตุ ผมไม่มีปัญหา เคยถูกออกหมายจับหลายสิบใบ ผมก็สู้คดีเข้ากระบวนการ เราทำงานกระบวนการทางศาล มีความเสี่ยงหมด คดีนี้ผมพนันกับคุณเดชา ถ้าผมแพ้ผมจะกราบคุณงามๆ เลย เพราะมีข้อต่อสู้หลายประเด็น คุณแม่รู้ดีว่าใครเป็นคนโกหก ใครเป็นคนปลอม

วันนี้ยังรักคุณแม่อยู่มั้ย?
ชัยวัฒน์ : พันเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ร้อย ไม่ใช่ 99 เต็มร้อย ผมรักคุณแม่ตลอดเวลา เรื่องชู้สาวก็ให้คุณแม่ตอบ ผมไปทำลายความรู้สึกคุณแม่ไม่ได้

ภนิดา : มันเกี่ยวอะไร พูดคำกวม

ชัยวัฒน์ : ไปหาคุณแม่ทุกครั้งที่คอนโด ผมก็คุยใต้คอนโดทั้งนั้น คนเข้าถึงตัวคุณแม่ได้ คุณแม่ต้องไว้ใจมากที่สุด

ภนิดา : คูณแม่ฝากบอกพี่อัจฉริยะไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกับคดีแม่ไม่ว่าเรื่องอะไร

ชัยวัฒน์ : เขาเห็นว่าผมไม่ได้รับความเป็นธรรม ถ้าผมอยู่ผมไปรายงานตัวแน่นอน ผมไม่ได้มีความผิดอะไรนะตอนนี้ ผมเป็นแค่ผู้ถูกกล่าวหา ศาลยังไม่พิพากษา และต้องกราบขอโทษพี่หนุ่มและสื่อมวลชนทุกแขนง มีคดีนึงที่ผมฟ้องคุณแซน และใส่ชื่อบรรณาธิการข่าวช่อง 3 ผมยินดีถอนความให้ เพราะเธอไม่รู้เรื่องหรอก แต่เธอยืนยันเอกสาร ไม่รู้ใครแนะนำหรือบงการ อาจเป็นทนายคู่ความผมก็ได้ เขียนคำถามตอบไปว่าต้องยืนยันแบบนี้ๆ เขาไม่ใช่นักกฎหมาย เขายืนยันเอกสารเขียนรับรองมาต้องเอามาเป็นจำเลยก่อนเพื่อให้เบิกความสนับสนุนหรือแก้ข้อกล่าวหากับจำเลยที่ผมฟ้องอยู่ ผมไปศาลวันนั้นท่านเจ้าของสำนวนพิจารณาคดี บอกว่าเป็นเรื่องน่าตลกมาก ที่ถอนความคุณแม่แต่ไม่ถอนผม คุณมีเจตนากลั่นแกล้งผมให้ได้รับโทษทางอาญา ในเมื่อผมต่อสู้คดีแล้วหลุดมาได้ ไม่มีความผิดตามคำสั่งของศาล ผมก็ต้องดำเนินคดีกับคุณแซน แต่ตอนนี้ทุกเรื่องเดินอยู่ระหว่างทาง ถึงปลายทางต้องมีการเจรจากันได้ ต้องถามคุณแซนว่าเขามีจุดประสงค์อะไรถึงไม่ถอนแจ้งความผม ศาลก็อยากฟังเหตุผล ทำไมถอนคุณภนิดา ไปมีข้อตกลงกันหรือไม่ ถึงมากอดกันวันที่ 2 ผมก็ยังมีข้อสงสัยอยู่ เรื่องเงินคุณแม่สตริกมาก คุณทำงานให้เขาร้อยนึง คุณแม่จ่ายพัน ทำงานให้พัน คุณแม่จ่ายหมื่น เรารู้ใจกัน เรามีความรักกัน

ภนิดา : คุณแม่ไม่ได้บอกคุณไพศาลทางโทรศัพท์ไม่ได้บอกว่าคุณแม่ถอนเขา ให้คุณเอ็มไปบอกแล้วกัน







กำลังโหลดความคิดเห็น