พี่ชายหายออกไปจากบ้านเกือบอาทิตย์ ทำให้นักแสดงมากความสามารถ “ปอนด์ รุ่งรัตน์ ดวงขวัญ” ร้อนใจมาก เนื่องจากพี่ชายเป็นผู้ป่วยจิตเวช บวกกับมีภาวะซึมเศร้า ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวบอกว่าแม้จะมีการไปแจ้งความแล้วแต่ยังไม่พบตัวพี่ชาย อีกทั้งคุณแม่ก็เป็นห่วงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับและร้องไห้ตลอด
“รู้สึกว่าเขาหายไปไม่ลงมากินข้าวคือวันที่ 4 มกราคม ตอนเย็นๆ เพราะเราทำงานทั้งวัน ไม่ได้กินข้าว มากินตอนเย็น ก็รู้สึกว่าทำไมอาหารมันไม่พร่องเลย ก็ถามคนที่บ้านว่าพี่ปุ๊ลงมากินข้าวหรือเปล่า เขาก็บอกไม่รู้เหมือนกัน เราเลยขึ้นไปดูที่ห้อง ไม่อยู่ มาดูรองเท้าก็ไม่มี อ้าวไม่มีแล้ว
คำว่าไปแล้วของเราคือเข้าใจว่าเขาไปวัง เราก็มองว่าเดี๋ยวก็กลับ สักทุ่ม 2 ทุ่ม ก็กลับ เพราะทุกครั้งที่หายไปก็จะเป็นแบบนี้ แต่สัก 5 ทุ่มแล้วทำไมไม่กลับ มันผิดปกติ ก็เลยโทรไป 191 เขาก็ประสานให้ สน.คันนายาว ติดต่อมา เราก็บอกว่ากลางคืนพี่ไม่สามารถไปแจ้งความได้เพราะว่ามีคนแก่อยู่ที่บ้านที่ต้องดูแล ยิ่งกลางคืนเขาจะตื่นบ่อย เขาเลยส่งสายตรวจมากที่บ้าน มาสัมภาษณ์ มาคุย ซึ่งเราก็นอนไม่หลับทั้งคืน พอเช้ามาก็โทร.ไปหาตำรวจว่ามีความคืบหน้าอะไรบ้างไหม เขาก็บอกว่าได้แจ้งข่าวไปหมดแล้ว แต่ว่ามันยังไม่มีอะไรกลับมา
พอเป็นแบบนั้นปุ๊บเราก็ไม่สบายใจ ก็เลยเอาลงเฟซบุ๊กเลยว่าพี่ชายหาย แล้วก็แชร์ตามไลน์ ตามโซเชียลต่างๆ แล้วก็โทร.ไปหาที่ สน.อีกที เขาก็บอกว่าพอดีคุณปอนด์ไม่ได้มาแจ้งความ มันก็เลยไม่สามารถให้ใครไปสืบได้ ก็โอเคงั้นเดี๋ยวไปแจ้งความ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นมีใครมาสืบมาอะไร สุดท้ายเราก็กลับเข้ามาในหมู่บ้านก็มานั่งตรงป้อมยามเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด ดูตั้งแต่วันที่ 3 ดูไปเรื่อยๆ ตอนแรกก็ไม่เจอ เห็นแค่วันที่ 3 เขาเข้าบ้านมาตอน 4 ทุ่ม 31 นาที แต่ไม่เห็นตอนเขาออกไปจากบ้าน ซึ่งล่าสุดเข้าไปดูกล้องวงจรปิดอย่างละเอียดอีกครั้งก็พบว่าเขาออกไปจากบ้านประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 3 เข้าวันที่ 4
ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา พี่เขาก็มีหายไปหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็จะกลับมา ไม่เคยหายข้ามวัน แต่ครั้งนี้หายไปหลายวันเราก็เป็นห่วง เขาไม่เอาอะไรไปเลย ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า โทรศัพท์ เงิน บัตรประชาชน บัตรประจำตัวผู้ป่วยทางจิต ซึ่งปกติเขาเป็นคนเนี้ยบมาก ไปไหนพกตลอด อย่างเขาเป็นโรคจิตเวช เขามักจะได้ยินเสียงคนมากระซิบให้ไปที่วัง ซึ่งเวลาเขาแอบหนีไป ทางตำรวจก็จะประสานมาเพื่อให้เราไปรับตัวกลับ จนสุดท้ายเรายอมขายทุกอย่างที่กรุงเทพฯ แล้วย้ายไปอยู่ที่หาดใหญ่ เพื่อเขาเลย แต่มีวันหนึ่งแม่ให้เงินเขาสองพัน เขาก็แอบหนีขึ้นรถไฟมาที่วังอีก แล้วตอนนี้เราต้องกลับมาทำงาน จะว่างวิ่งขึ้นวิ่งลง กรุงเทพฯ - หาดใหญ่ ตลอดก็ไม่ได้ เลยตัดสินใจพาครอบครัวย้ายกลับมาอยู่กรุงเทพฯ มาได้ประมาณ 1 เดือนก็มาเกิดเรื่อง
ตอนนี้ที่ห่วงมากๆ คือเขาหายไปแบบนี้ แล้วเขาจะอยู่ยังไง กินยังไง จะมีใครทำร้ายเขาไหม หรือเขาจะคิดสั้นหรือเปล่า เพราะเขามีภาวะโรคซึมเศร้าด้วย เขาจะมีน้อยใจอะไรคนที่บ้านบ้างไหม อันนี้เราไม่รู้เลย ตัวแม่เองก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ ร้องไห้ตลอด เราเองก็แย่แทบไม่ได้นอน พยายามที่จะตามหาเขา ก็อยากวอนชาวเน็ตผ่านทางโซเซียลว่าอยากให้ช่วยกันแชร์ เผื่อจะมีคนเคยเห็นเขา หรือมีคนพบเบาะแส เพราะตอนนี้ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว”