นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก เจสัน สเตแธม นักแสดงแอ็กชันสตาร์ตัวพ่อที่เคยฝากผลงานมาแล้วมากมายไม่ว่าจะเป็นหนังมาดเท่ที่มีสไตล์อย่าง Snatch, Transporter, The Italian Job หรือหนังแอ็กชันฉลามยักษ์ชื่อดังอย่าง The Meg รวมถึงหนังแอ็กชันแฟรนไชส์ฟอร์มยักษ์อย่าง The Expendables, Fast & Furious เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงชายที่ฆ่ามาแล้วมากมายจนนับไม่ถ้วน
เจสันถือเป็นนักแสดงหนุ่มมาดนิ่งที่มีสไตล์การต่อสู้ ที่เปลี่ยนไปตามบทบาทในแต่ละเรื่องที่ได้รับ ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะเป็นนักแสดงแถวหน้าที่มีผู้กำกับ และทีมเบื้องหลังอยากร่วมงานด้วยมากที่สุด รวมถึงในผลงานแอ็กชันบล็อกบัสเตอร์เรื่องล่าสุดอย่าง “The Beekeeper นรกเรียกพ่อ” เขาจึงถือเป็นตัวเลือกเดียวที่ เคิร์ต วิมเมอร์ (Law Abiding Citizen, Equilibrium) ผู้เขียนบทได้วางไว้ให้มารับบทเป็น อดัม เคลย์
The Beekeeper ภาพยนตร์แอ็กชันไล่ล่าทะลวงเดือด ซึ่งรับบทนำโดย เจสัน สเตแธม ครั้งนี้เขากลับมาพร้อมผลงานสุดระห่ำอีกครั้งกับการลุยเดี่ยวถล่มองค์กรนรก กับเล่าเรื่องราวของ อดัม เคลย์ (เจสัน สเตแธม) ชายที่อาศัยอยู่ในโรงนาของหญิงชรา (ฟีลีเซีย ราชาด จาก The Cosby Show) เขาเป็นคนเลี้ยงผึ้ง ที่ทิ้งอดีตตัวเองไว้ข้างหลัง แต่เมื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเงินของหญิงชราที่เขารักและเคารพไปจนเกลี้ยง เคลย์ต้องกลับสู่ความระห่ำอีกครั้ง จากอดีตเจ้าหน้าที่มือพระกาฬขององค์กรลับ สู่ปฏิบัติการล้างบางแก๊งคอลเซ็นเตอร์โคตรชั่วให้สิ้นซาก
ก่อนที่ทุกคนจะพบกับความมันส์ทะลุจอในภาพยนตร์แอ็กชันที่ทุกคนไม่ควรพลาดอย่าง The Beekeeper เรามีบทสัมภาษณ์ของ เจสัน สเตแธม นักแสดงแอ็กชันตัวพ่อที่ทุกคนชื่นชอบมาเรียกน้ำย่อยกันก่อน
บทบาทและคาแร็กเตอร์ใน The Beekeeper
เจสัน: ในเรื่องผมรับบท อดัม เคลย์ อดีตเจ้าหน้าที่โค้ดเนม บีคีปเปอร์ ที่เกษียณตัวเองมาใช้ชีวิตสันโดษ เขาเป็นคนมุ่งมั่น เน้นทำมากกว่าพูด เขาใส่แต่ชุดเลี้ยงผึ้ง มันทั้งเก่า ทั้งเปื้อน มีแต่รอยปะเต็มไปหมด เคลย์หาเลี้ยงชีพด้วยการสกัดน้ำผึ้ง เขารักผึ้งไม่ต่างกับคนในครอบครัว เคลย์เป็นคนมีฝีมือ เขาคือสุดยอดทหาร เขาปกป้องคนที่ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ เขาเป็นคนเลี้ยงผึ้งที่มีหน้าที่ปรับสมดุล เขาอยู่ในเงาเหมือนไม่มีตัวตน จะโผล่มาก็ต่อเมื่อมีปัญหาใหญ่ต้องจัดการเท่านั้น
เรื่องราวของภาพยนตร์
เจสัน: เขาพักอยู่ในสวนของคุณป้าคนหนึ่งซึ่งพวกเขาผูกพันกันมาก เธอเหมือนเป็นแม่ที่เขาไม่เคยมี เราไม่รู้อดีตของเขาเท่าไหร่ รู้เพียงว่าเขาโตมาตามลำลัง คุณป้าคนนี้สำคัญกับเขา เมื่อเธอกลายเป็นเหยื่อของแก๊งต้มตุ๋น หรือพวกคอลเซ็นเตอร์ เขาจึงตัดสินล้างแค้น และทำทุกอย่างเพื่อลากไส้พวกคนชั่วทั้งหมด เขาไล่ตั้งแต่ระดับพวกปฏิบัติการจนถึงคนสั่งการแบบถอนรากถอนโคนเลยทีเดียว
ความน่าสนใจของภาพยนตร์
เจสัน: การเป็นคนเลี้ยงผึ้งมันสอดคล้องกับโค้ดเนมเก่าของเขา เราจะได้รู้ถึงที่มาของโค้ดเนมบีคีปเปอร์ ว่ามันเป็นโปรแกรมพิเศษของรัฐบาล ตัวหนังจะมีฉากแอ็กชันที่ทวีความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดสูงสุดที่จะทิ้งให้คุณอ้าปากค้าง มันยังมีการปูจักรวาล โลกใต้ดินขององค์กร Beekeeper ถ้าหนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ จนเรามีโอกาสสร้างภาคต่อ เรายังมีโลกทั้งใบที่รอจะดําดิ่งลงไปได้
พูดถึงการทำงานร่วมกับผู้กำกับอย่าง เดวิด เอเยอร์
เจสัน: เอเยอร์และผมทำงานเข้าขากันได้ดีมาก ตอนนี้พวกเรากำลังจะเริ่มโปรเจกต์หนังเรื่องใหม่อีกเรื่อง เราคุยกันว่าเราอยากทำงานด้วยกันอีกครั้ง หลายคนไม่รู้ว่าเขาเป็นมือเขียนบทที่มากฝีมือ เขาเขียนตัวละครที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา และ เดวิด เองก็เป็นนักเขียนที่มีออสการ์การันตี เราปรับแก้บทและรีไรต์หลายรอบ จนเราได้บทที่สมบูรณ์ในมือพร้อมเป็นพื้นฐานให้โครงสร้างทั้งหมด
ความรู้สึกของคุณที่ได้มาอยู่ในจุดนี้
เจสัน: การอยู่ในวงการภาพยนตร์ มีหลายช่วงเวลาที่คุณรู้สึกเหมือนฝันไปจนต้องคอยหยิก ถ้ามองกลับไปตรงที่ผมเริ่มต้น ผมยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่าผมมาอยู่ตรงจุดนี้ได้ยังไง ผมหยิกตัวเองจนแขนช้ำหมดแล้วเนี่ย มันไม่ใช่เส้นทางที่ผมวาดฝันไว้ เหมือนสัญชาตญาณนำพาผมไปมากกว่า อุตสาหกรรมนี้มันพร้อมจะพาคุณไปได้หมดนั่นแหละ ผมชอบออกกำลังมาตั้งแต่เด็กๆ ผมใช้พลังพัฒนาทักษะการต่อสู้ ทักษะกายกรรมทั้งหลาย ซึ่งผมใช้มันมาประยุกต์กับศาสตร์แอ็กชัน
พูดถึงภาพยนตร์แอ็กชันในมุมมองของคุณ
เจสัน: บ่อยครั้งที่หนังแอ็กชันถูกมองว่าไร้สาระในแง่คุณภาพ แต่ทั่วโลกผู้คนชอบภาพยนตร์แอ็กชัน ยิ่งผมเดินทางมากเท่าไร ผมยิ่งได้พบกับผู้คนที่ชอบผลงานของผม ขณะที่ในงานประกาศรางวัล ภาพยนตร์แอ็กชันแทบไม่มีใครพูดถึง แต่ผมไม่ได้ผูกใจเจ็บหรอกสำหรับผมอาชีพผมไปได้สวย
น้อยคนนักจะรู้ว่า คุณเป็นผู้รณรงค์ให้เวทีออสการ์เพิ่มสาขาพิเศษให้คนเสี่ยงชีวิตทำงานสตั๊นต์
เจสัน: ผมเป็นแฟน เจมส์ บอนด์ ตั้งแต่เด็ก เพราะมันเต็มไปด้วยฉากแอ็กชันตระการตา ขับรถไล่ล่า ซิ่งสกีลงเขา กระโดดร่มชูชีพ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นงานสตั๊นต์ มันคือความท้าทายทางกายภาพที่ต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อฝึกฝน พวกเขาเสี่ยงอันตรายอย่างมากเพื่อความสนุกของภาพยนตร์ ผมคิดว่าการที่ไม่มีรางวัลอะไรเพื่อยกย่องวีรกรรมของพวกเขาเลย เป็นการมองข้ามครั้งร้ายแรงแบบไม่น่าให้อภัย
ฝากผลงานเรื่องใหม่ The Beekeeper
เจสัน: ผมแทบรอไม่ไหวที่จะให้คนได้ชมกัน The Beekeeper เป็นภาพยนตร์ที่มีประเด็นที่ลึกซึ้งแถมยังเท่มาก มีหัวใจและยังน่าตื่นเต้น มันเป็นภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยม ยังไม่เคยมีใครเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ผมภูมิใจมากที่ได้มีส่วนในภาพยนตร์นี้ ในมุมของผมภาพยนตร์ก็เหมือนกับดนตรี บางคนชอบเพลงคันทรี บางคนชอบเฮฟวีเมทัล ส่วนผมชอบแอ็กชันที่ค่อนข้างจริงจัง และสมจริง เอาเป็นว่า ในภาพยนตร์เรื่องนี้เอาความสมจริงอัดเข้าไปในโลกแสนบ้าครั้งที่เป็นฉากหลังของเรื่อง