แม้จะไม่ได้มง 3 แต่ “แอนโทเนีย โพซิ้ว” ก็สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการนางงามไทย กับการคว้าตำแหน่งรองอันดับ 1 Miss Universe 2023 มาครองได้สำเร็จ ซึ่งเป็นการเข้าใกล้มงฯ ใหญ่สูงสุดในรอบ 35 ปีที่คนไทยรอคอยมานาน โดยคนที่คว้ามงกุฎจักรวาลในปีนี้คือ “เชย์นิส ปาลาซิโอส” สาวงามจากประเทศนิการากัว งานนี้ทำเอากองเชียร์ไทยแลนด์มูฟออนไม่ได้ตกอยู่ในสภาพปวดใจไปหลายวัน
ถึงไม่ได้ที่ 1 ในระดับโลก แต่แอนโทเนียคือที่ 1 ในใจคนไทยทั้งประเทศ ทันทีที่บินกลับเมืองไทยก็สร้างปรากฎการณ์สนามบินแตก แฟนนางงามแห่ไปต้อนรับแอนกลับบ้านแน่นขนัดกรี๊ดสนั่น มีการจัดงานต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการขึ้นรถแห่ด้วยขบวนรถโรลส์-รอยซ์เปิดประทุนสุดหรู ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิไปที่ท้องฟ้าจำลอง-เอกมัย-ทองหล่อ-พร้อมพงษ์ ยาวไปจบที่อุทยานเบญจสิริ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะสำคัญของถนนสุขุมวิท ตลอดเส้นทางได้มีคนไทยมารอให้กำลังใจพร้อมตะโกนเรียกชื่อแอนโทเนียอย่างอบอุ่น สร้างปรากฎการนางงามฟีเวอร์ที่ไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อยๆ แอนได้กลายเป็นนางงามขวัญใจชาวไทยที่ใครๆ ก็เทใจให้ ไปที่ไหนงานแตกที่นั่น
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นทำให้แอนฮอตปรอทแตกกลายเป็นนางงามเนื้อหอม มีงานแย่งจองตัวคิวแน่นข้ามปีไปถึงสิ้นปี 2567 แล้ว แม่เจ้า!! ในแง่ของการแข่งขันถึงจะไปไม่ถึงฝัน และเงินรางวัลสำหรับตำแหน่งรองอันดับ 1 ก็ไม่ได้เยอะมากเพียง 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 106,186.50 บาท แต่สิ่งที่แอนได้รับกลับมานั้นยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน เรียกว่าเปลี่ยนชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งไปตลอดกาล เพราะนอกจากจะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศแล้ว แอนยังสร้างมูลค่าให้ตัวเองและเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์แบบมหาศาล กลายเป็นนางงามที่ทั้งดังและรวยมาก หอบตำแหน่งกลับไทยไม่ถึง 1 เดือน รวยอู้ฟู่ 20 กว่าล้าน มีงานพรีเซ็นเตอร์ 3-4 ตัว ออกอีเวนต์ทีบางงานค่าตัวครึ่งล้าน ไหนจะงานโปรโมตสินค้าต่างๆ ที่รุมจีบ ไม่รวมเดินสายออกรายการอีกเพียบ เช็กคิวตอนนี้แน่นไปถึงสิ้นปีหน้า ฟาดค่าตัวทะลุ 100 ล้านได้ไม่ยาก แล้วยังมีงานในวงการบันเทิงที่จะมีเข้ามาในอนาคตอีกนับไม่ถ้วน เรียกว่าเป็นปีทองของแอนที่ทำให้สาวๆ หลายคนยกเป็นไอดอล อยากเดินตามรอยบ้าง
คนอะไรสวย รวย เก่ง ครบจบในคนเดียว แต่กว่าแอนโทเนียจะมาถึงจุดนี้บอกเลยไม่ง่าย ปัจจุบันแอนอายุ 27 ปี เป็นลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก วัยเด็กแอนเคยอาศัยอยู่ 7 ประเทศ ทำให้ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตและเรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไป โดยแอนจบการระดับมัธยมที่โรงเรียนนานาชาติโฮจิมินห์ซิตี ประเทศเวียดนาม และระดับปริญญาตรี หลักสูตรนานาชาติ สาขาวิชาการตลาดและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด พูดได้หลายภาษา ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาลาว ภาษาเดนมาร์ก ภาษาเวียดนาม และภาษาสเปน
เสน่ห์ของแอนคือการเป็นนักสู้ทำทุกอย่างเต็มที่ มีทัศนคติที่ดีในการดำเนินชีวิต เจ้าตัวก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 17 ปี ด้วยการเข้าแข่งขันในรายการ เดอะเฟซไทยแลนด์ ซีซั่น 1 เป็นลูกทีมของ “พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” ทำผลงานได้ดีที่สุดอันดับที่ 10 ของซีซั่นนั้น โดยเจ้าตัวถูก “ลูกเกด เมทินี กิ่งโพยม” คัดออก ซึ่งในห้องดำ ลูกเกดได้บอกกับแอนว่า แอนจะไปได้อีกไกลในอนาคต ตอนประกวดเดอะเฟซฯ แอนโดนดูถูกโดนบูลลีว่าไม่สวย อ้วนเกินไป ทำให้ฮึดสู้ปรับบุคลิกตัวเอง ออกกำลังกายจนเป็นแอนในเวอร์ชั่นเฟอร์เฟกต์ได้ในที่สุด
ในเส้นทางนางงาม แอนสามารถคว้ามงกุฎมาครอบครองถึง 3 เวที คือ Miss Supranational Thailand 2019 (มิสซูปราเนชั่นแนลไทยแลนด์) และเป็นสาวไทยคนแรกที่สร้างประวัติศาสตร์คว้ามงกุฎจากเวทีอินเตอร์ Miss Supranational ที่ประเทศโปแลนด์ได้สำเร็จ ซึ่งนับเป็นมงฯ แรกของไทยสำหรับเวทีนี้อีกด้วย โดยแอนได้ครองตำแหน่งถึง 2 ปีซ้อน (ปี 2019-2020) เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาดที่สร้างผลกระทบทั่วโลก
แม้จะได้มงกุฎในเวทีนางงามระดับแกรนด์สแลมของโลกแล้ว แต่แอนก็ไม่หยุดฝัน อยากไปให้สุดในระดับจักรวาลให้ได้ ทำให้ในปี 2566 เจ้าตัวตัดสินใจมาประกวด “มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์” ก่อนจะคว้ามงกุฎมาครอง และได้เป็นตัวแทนสาวไทยเพียงหนึ่งเดียวไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2023 เวทีที่เป็นที่สุดของการประกวดนางงามที่สาวๆ ทั่วโลกใฝ่ฝัน ซึ่งแอนกลายเป็นตัวเต็งสายแข็งตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ากองประกวดวันแรก และในที่สุดสามารถทะลุเข้าไปยืนจับมือกับมิสยูนิเวิร์สนิการากัว ก่อนจะคว้ารองอันดับ 1 ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกมาเป็นของขวัญให้คนไทยชื่นใจส่งท้ายปี เป็นการสร้างชื่อกระหึ่มโลก จนภาครัฐเตรียมผลักดันนางงามเป็น soft power ซึ่งแอนเผยว่ารู้สึกภูมิใจที่จะทำหน้าที่นี้ในการโชว์เอกลักษณ์ความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลก
โดยแอนได้เผยถึงโมเมนต์สำคัญนี้ว่า... “มันยิ่งใหญ่ แอนชนะรองอันดับ 1 แต่มันไม่ได้แปลว่าเราไม่ได้เป็นจักรวาลสำหรับคนอื่น เราได้มีแพลตฟอร์มที่จะช่วยเหลือคนอื่น มันมากกว่าแค่มงกุฎ มากกว่าแค่สายสะพาย มันเป็นแพลตฟอร์มที่เรามี ที่เราเลือกที่จะส่งพลัง สร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่น นางงามจักรวาลไม่ได้เป็นจุดสุดท้ายของเรา แอนบอกเสมอว่าถึงเราไม่ชนะแต่มันก็ได้เป็นบทเรียนรู้ให้เราพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นทุกวัน ไปหาความฝันอีกอันนึงก็ได้ เราไม่ได้จะต้องหยุดแค่ตรงนี้
เป็นโมเมนต์ที่แอนจะทำให้ดีที่สุด ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเองหรือเพื่อประเทศของเรา แต่เพื่อจะเป็นตัวอย่างให้ทุกคน ถ้าเรามีความฝันพร้อมที่จะสู้มัน แพลตฟอร์มที่แอนได้รับมา ต้องขอบคุณมิสยูนิเวิร์ส และมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ที่ไว้ใจในตัวแอน ที่ให้มาเป็นกระบอกเสียง และมาเป็นตัวแทนขององค์กร แอนจะใช้แพลตฟอร์มนี้ให้เป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนทำดีๆ กับสังคมค่ะ”
“แอนโทเนีย โพซิ้ว” ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการนางงามไทยอย่างยิ่งใหญ่ กลายเป็นบุคคลแห่งปีที่จะเป็นตำนานตลอดไป
