“ปุ๊ อัญชลี” เผยปีนี้โชคดียังมีงานร้องเพลงเข้ามาเรื่อยๆ แต่ชีวิตส่วนตัวช่วงแรกเป็นคนโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยชอบออกไปไหน ช่วงเพลง “หนึ่งเดียวคนนี้ดัง” แทบไม่ได้ออกไปไหนเลย แต่ทุกวันนี้ออกไปซื้อของเอง ออกไปเที่ยวแฮงค์เอาท์กับเพื่อน ขึ้นรถไฟฟ้า เรียกว่าหาตัวง่ายมากกว่า บอกความลับของความหน้าเด็ก คือต้องเริ่มดูแลตัวเองตามวัยได้แล้ว เพราะสุขภาพเป็นสิ่งที่เราต้องสร้างเอง พร้อมบอกดีใจที่คนยังจับจิ้นอยากให้เป็นแฟนกับ “เบิร์ด ธงไชย” เพราะมีผลงานแค่เรื่องเดียว แต่คนก็ยังจำได้ถึงทุกวันนี้
เป็นซุเปอร์สตาร์ค้างฟ้าที่ถ้ายกให้ฝั่งนักร้องชายก็คงจะเป็น “พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย” แต่ฝั่งผู้หญิงใครๆ ก็ต้องนึกถึง หนึ่งเดียวคนนี้ อย่าง “ปุ๊ อัญชลี จงคดีกิจ”แน่นอน ที่ซึ่งต้องบอกว่าเป็นอีกคนที่หาตัวจับมานั่งพูดคุยได้ยากพอสมควร แต่วันนี้เรามีโอกาสได้พูดคุยแบบเปิดใจกับ พี่ปุ๊ ของหลายๆ คน ซึ่งเจ้าตัวก็เปิดหลายๆ มุมให้เราได้ฟังกันแบบที่ฟังแล้วเชื่อว่ามีอึ้งกันแน่นอน
“ปีนี้สำหรับก็เรื่อยๆ นะคะ แต่ก็มีงานเยอะเหมือนกัน ตอนนี้ก็ออกคอนเสิร์ต แต่จะเป็นแบบไม่ได้ใหญ่มาก มีงานอีเว้นต์บ้าง งานเลี้ยงตามบริษัทบ้าง ก็สนุกดี คือเราเป็นนักร้องอายุประมาณนี้แล้ว และยังมีงาน ก็ทำให้รู้สึกสนุกสนานในชีวิตนะคะ ก็รับงานพอสมควร อะไรที่มันไม่มากไป ปีนี้ก็ได้ร้องเพลงตลอด"
"ชีวิตส่วนตัวก็ปกติค่ะ ถ้าใครรู้จักก็จะรู้ว่าถ้าไม่ได้ไปออกงานอะไรก็จะชอบอยู่บ้าน อยู่กับหมาแมวไป ออกกำลังกาย หรืออาจจะมีบ้างที่ไปทำธุระส่วนตัว หรือไปกินข้าวกับพวกเพื่อนๆ สว. (สูงวัย) เพราะเพื่อนๆ ที่เขาไม่ได้มีอาชีพนักร้องอย่างเราเขาก็เกษียณกันหมดแล้ว พวกนี้เขาก็จะมีเวลาว่างมาก เราก็นัดเจอกันตามบ้านเพื่อน มีปาร์ตี้เล็กๆ น้อยๆ หรือไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง ถ้าจะไปเมืองนอกก็ปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้นเอง”
บอกเป็นแผนกซื้อของเข้าบ้าง ขึ้นรถไฟฟ้า พาหมาไปหาหมอ ไม่ใช่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านอย่างที่ใครคิด
“นอกนั้นวันอาทิตย์ก็อยู่ที่โบสถ์ นมัสการ เล่นดนตรี วันธรรมดาก็อาจจะมีเรียนพระคัมภีร์ออนไลน์บ้าง นี่คือชีวิตประจำวันทั่วไปธรรมดา เดินห้างก็ไปบ่อยนะ ไปห้างแถวๆ บ้าน แฟนๆ ถ้าเป็นรุ่นเราพอเห็นเขาก็จะมาทักทายขอถ่ายรูปเซลฟี่กันไป ก็ปกติค่ะ ไม่ได้กรี๊ดกร๊าดอะไรมาก เพราะส่วนใหญ่ไปไหนก็จะไปที่ประจำ คนก็จะเห็นประจำ ก็มีไปเดินเล่นบ้าง ไปทานข้าวบ้าง ซื้อของเข้าบ้านบ้าง เป็นแม่บ้านบ้าง ส่วนใหญ่จะชอบไปซื้อของเอง ไปบ่อยนะ ทุกอาทิตย์เลย พอแม่บ้านบอกว่าขาดนั่นนี่ พี่ก็จะเป็นแผนกที่ไปซื้อของ"
"นอกนั้นก็มีไปโรงพยาบาลสัตว์นี่แหละที่ไปประจำ เพราะว่าสุนัขขก็รุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เวลาป่วยก็จะมีหน้าที่พาเขาไปที่โรงพยาบาลสัตว์จุฬาฯ บ้าง หรือไม่ก็คลินิค ถามว่าหาตัวยากมั้ย สำหรับแฟนคลับบางคนที่อาจจะไม่ได้มีโอกาสใกล้ชิด หรืออาจจะอยู่ต่างจังหวัด คือไม่สามารถตามไปได้ทุกที่ก็อาจจะดูเหมือนห่างนะคะ แต่จริงๆ แล้วหาตัวง่ายที่สุดเลยนะ (หัวเราะ) ไปโผล่บิ๊กซี โผล่เอ็มเค คือมักจะไปที่ประจำ จนบางทีผู้จัดการร้านสุกี้เขายังบอกเลยว่ามีลูกค้าเขาเป็นแฟนเพลงเรา เขาให้เบอร์ไว้เลย บอกว่าถ้าพี่ปุ๊มาเมื่อไหร่ให้รีบโทรบอกเขาแล้วเขาจะมา" (หัวเราะ)
"จริงๆ หาง่าย ไม่ได้ดำดินไปไหน ก็เดินทั่วไป ขึ้นรถไฟฟ้าบ้างก็มี แต่ก็จะไปแค่ที่คุ้นเคยแหละ สายอะไรใหม่ๆ หรือไกลจากที่เดิมของเราก็ไม่ค่อยกล้าไป เพราะเราไม่ได้มีธุระจะไป ส่วนใหญ่จะใช้บริการเพราะรถติด หรือเราต้องไปงาน หรือเราจำเป็นจะต้องไปที่นี่ แล้วมันมีรถไฟฟ้าไปถึง ก็เลือกที่จะใช้รถไฟฟ้า โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เร่งด่วน การจราจรติดขัดมากๆ ก็จะใช้บริการเขา ซึ่งดีกว่าเยอะ เวลาคนเจอเราในรถไฟฟ้าเขาก็ดีใจนะ ตอนแรกเขาอาจจะไม่แน่ใจ มีมองๆ เราก็ยิ้มให้เขา ก็ไม่รู้ว่าเขาจำผิดคนหรือเปล่านะ (หัวเราะ) แต่มีบางคนก็เข้ามาทัก ก็ใช้ชีวิตปกติเหมือนทุกคนเลย”
ย้อนไปสมัย “หนึ่งเดียวคนนี้” ที่ดังสุดโต่งชั่วข้ามคืน
“ตอนที่เพลง หนึ่งเดียวคนนี้ดัง จากคนที่ไม่เคยได้มีชื่อเสียงอะไร และพอมันดังภายในข้ามคืน ความรู้สึกเราคือมันไวมาก ถ้าจะปรับตัวยากก็ตรงที่เราเริ่มเป็นที่รู้จัก จะไปไหนมาไหนคนก็จำได้ และคนจะมอง ช่วงนั้นวัยรุ่นก็จะมากรี๊ดกร๊าด ก็ดีใจนะ แต่เราก็ทำตัวไม่ถูก ต้องยิ้มตลอดเวลามั้ย เพราะเดี๋ยวคนจะหาว่าเราหยิ่ง มันมีนะสมัยก่อนที่พอเราไม่ยิ้ม หรือทำหน้าเฉยๆ ก็โดนหาว่าหยิ่งแล้ว เราก็รู้สึกอึดอัดเหมือนกันนะคะ ก็เลยต้องปรับตัวตรงนี้นิดนึง เลยไม่ค่อยออกไปไหน" (หัวเราะ)
"แต่เป็นความรู้สึกอึดอัดที่ดีนะคะ ที่เราได้มีโอกาสมีชื่อเสียงขนาดนั้น มันไม่ใช่ไม่ดีนะ แต่มันทำให้เราที่ไม่เคยเป็นคนเด่นดังอะไร และกลายเป็นว่าไปเดินที่ไหนต่อไหนก็ลำบากนิดนึง แต่พอผ่านช่วงนั้นไปมันก็โอเค เริ่มปรับตัวได้ เริ่มรู้สึกเป็นกันเอง สามารถเปิดตัวเองให้คนอื่นเข้ามา มีแฟนเพลงเข้ามาพูดคุย มาสนิทสนมได้ เพราะเมื่อก่อนเป็นคนโลกส่วนตัวสูง คนที่จะมีปัญหาก็คือมีโลกส่วนตัวสูง พอเริ่มไปไหนแล้วมีคนจับตามองเราก็จะอึดอัด แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีแล้ว แก่แล้ว โลกส่วนตัวไม่สูงแล้ว (หัวเราะ) ก็ใช้เวลาปรับตัวตอนนั้นนานพอสมควรนะคะ แต่ก็ผ่านมาจนถึงตอนนี้ได้ 40 ปีแล้ว (หัวเราะ)”
ดีใจที่หลังจากหายไปหลายปี พอกลับมาคนก็ยังตอบรับดีเหมือนเดิม
“จริงๆ ก็ชอบเพลงตัวเองหลายเพลงนะ เพราะมันก็จะมีอัลบั้มที่อาจจะไม่ได้รู้จักกันมาก อาจจะออกมาผ่านๆ ที่พี่แต๋ม (ชรัส เฟื่องอารมย์) ก็มีหลายเพลงที่พี่ชอบ เพราะพี่แต๋มเขาแต่งเพลงมีเนื้อหาที่น่าสนใจ อย่างพวกละครต่างๆ ก็จะชอบเพลงพวกนี้มาก แล้วก็มีอย่างชุด Crossroads ที่จะมีเพลง มีเธอ , ด้วยความคิดถึง ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังร้องอยู่ คนก็ยังจำได้ นั่นก็เป็นอีกช่วงนึงหลังจากที่ไม่ได้ออกอัลบั้มไปหลายปี และมาออกอัลบั้มนี้แล้วประสบความสำเร็จ เพราะฉะนัันเพลงในอัลบั้มชุดนี้ค่อนข้างมีความหมายกับเรามากเลย เพราะมันทำให้เราเป็นตัวเราได้ทุกวันนี้หลังจากหนึ่งเดียวคนนี้"
"ที่ช่วงหลังจากหนึ่งเดียวคนนี้มันตัดไปแล้ว คนอาจจะลืมไปแล้ว เพราะเราหายไปนานพอสมควร พอกลับมามีอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จอีกครั้งนึง ก็รู้สึกว่าเป็นเพราะได้ทีมงานดี เพลงดี และการร้องของเราอาจจะดีขึ้น จากที่เราได้หยุดพักและได้เรียนรู้เกี่ยวกับการร้องเพลงด้วยหัวใจอีกครั้งนึง ก็เลยกลับมาประสบความสำเร็จ ก็ถือว่ากระแสพอๆ กับตอนหนึ่งเดียวคนนี้ คนนิยมชมชอบจนทุกวันนี้”
บอกไม่มีเพลงไหนที่เปรี้ยงเท่า หนึ่งเดียวคนนี้ แล้ว
“ต่อมาก็มีเพลงของคุณบอย โกสิยพงษ์ คือเพลง รัก อันนี้ไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะคนก็ยังคงใช้เพลงนี้ เพราะว่าความหมายดี เพลงเพราะ โดยเฉพาะมีเปียโนของน้องโต๋ (ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร) ที่เขาเล่น มันก็เลยอยู่ได้ทุกวันนี้ คนอื่นก็ยังสามารถเอาไปร้องได้ในงานแต่งงาน ในงานขอบคุณกัน งานเกษียณกันก็ยังใช้เพลงนี้อยู่ เพราะฉะนั้นเพลงพวกนี้มีความหมายสำหรับเราทั้งนั้นเลย แม้เพลงนั้นจะดังหรือไม่ดัง อย่างชุดของพี่แต๋ม ชรัส ก็ชอบมาก"
"ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเปรี้ยงนะ เพราะคิดว่าเปรี้ยงกว่าหนึ่งเดียวคนนี้คงไม่มีอีกแล้ว การเปรี้ยงตอนนั้นมันมีปัจจัยคือคนยังไม่รู้จักเรา และอยู่ดีๆ เราก็มาจากไหนไม่รู้แล้วมันเปรี้ยง แต่ตอนหลังคนรู้จักเราแล้ว และเราหายไป ก็ยังมีแฟนเพลงบ้างที่เขายังรอคอยว่าเมื่อไหร่พี่ปุ๊จะออกอัลบั้ม ก็มีถามกันอยู่เรื่อยๆ พอออกมาจริงๆ ด้วยความที่เพลงมันดี ก็เลยทำให้คนชอบ พี่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ดูจากยอดขายก็ถือว่าดีมากเลย ทีมงานที่เขาทุ่มเทกับงานนี้ทุกคนก็แฮปปี้กันหมด ถือว่าประสบความสำเร็จดีมาก ใช้คำว่าเปรี้ยงคงไม่ได้ เพราะพี่คิดว่ามันไม่ค่อยมีนะเปรี้ยงที่ 2 ถ้าครั้งแรกเราเข้าใจ แต่พอออกมาแล้วประสบความสำเร็จอีกครั้งเราก็ดีใจ (ยิ้ม)”
ดีใจที่คนยังจับจิ้นอยากให้เป็นแฟนกับ “เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย”
“คนคิดว่าพี่เป็นแฟนพี่เบิร์ดเหรอ (หัวเราะ) แล้วใครว่าไม่ใช่ล่ะ (ยิ้ม) แต่คิดว่าเป็นการพูดกันเล่นๆ มากกว่า เพราะคนเขาก็รู้กันอยู่ แต่คนเขาอาจจะชอบอยากให้เป็นแบบนั้น เพราะเราเล่นหนังด้วยกัน และหนังเรื่องนั้นมันก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอีกเรื่องนึง ที่คนพูดกันจนทุกวันนี้ เพราะว่าเป็นคู่พระคู่นางที่น่ารักมั้งสำหรับเขา แปลกๆ ดี นางเอกก็นุ่งกางเกงทุกฉากเลย แล้วผมก็สั้นกว่าพระเอกอีก (หัวเราะ) เนื้อหามันก็คงจะกินใจด้วย มีเพลงด้วย และตอนนั้นพี่ก็เพิ่งออกหนึ่งเดียวคนนี้
ก็มีเอาเพลงนี้เข้าไปในหนังด้วย ก็เลยเป็นหนังประกอบเพลง มีความรัก มีเรื่องของหัวใจ ตอนจบก็ตาย มันก็เลยมีเรื่องซึ้งเศร้า คนก็เลยอินมั้ง อยากให้เป็นแฟนกัน ก็คงพูดเล่นๆ เหมือนทั่วไปแหละ เมื่อก่อนดาราที่เล่นหนังด้วยกัน เขาก็อยากจับให้เป็นแฟนกัน หลังๆ ตอนที่ได้ขึ้นคอนเสิร์ตด้วยกันคนก็ยังจำจากภาพนั้นอยู่ในใจตอนนั้นอยู่ แต่พี่กับพี่เบิร์ดไม่ค่อยแซวกันเรื่องนี้นะ เพราะเรารู้ว่าแฟนๆ เขาพูดกันเล่นๆ น่ารักๆ มากกว่า”
เผยเคล็ดลับความเด็ก และหุ่นดีตลอดกาล
“เรื่องความเด็กของพี่กับพี่เบิร์ดเหรอ เราไม่เทียบกันแบบนั้นนะคะ พี่เชื่อว่าถ้าเราอายุปูนนี้ แล้วเรายังรักษาตัวเองได้ดี พอมีคนมาชมเราก็ดีใจ เพราะถือว่าเรายังแข็งแรง และเป็นคนมีวินัยมาก เพราะฉะนั้นพี่ก็พิสูจน์แล้วว่าแม้เราจะอายุมากขึ้น แต่ถ้าเราดูแลตัวเองดีตั้งแต่สมัยที่เรายังไม่ถึงอายุปูนนี้ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด มีวินัยกับตัวเอง ดูแลตัวเอง ตรวจสุขภาพร่างกายประจำ บำรุงตัวเอง เพราะพี่เป็นคนผอมแบบนี้ ก็ต้องหาอะไรบำรุงตัวเอง พวกวิตามินอะไรต่างๆ ที่คนเขาว่าดี ปรึกษาคุณหมอบ้าง มันก็จะช่วยทำให้เราอยู่ได้ไปอีกนานโดยที่ยังมีสุขภาพที่ดี
ทำให้คนเห็นแล้วยังอิจฉา อายุเธอขนาดนี้เธอยังร้องเพลงอีกเหรอ เธอยังมีแรง เธอยังกระโดดได้อีกเหรอ เขาก็ชม เราก็ดีใจ เราก็อยากที่จะทำอย่างนี้ต่อไป ดูแลตัวเองให้ดีต่อไป ใครๆ ก็ทำได้ อย่างพี่เบิร์ดหรืออย่างพี่เองก็ตาม เพราะฉะนั้นพี่เชื่อว่าคำว่าเด็กก็อาจจะเพราะยังมีร่างกายที่ยังแข็งแรงอยู่ ยังคงร้องเพลง ยังคงทำอาชีพของเราได้อยู่ ถ้าเป็นอาชีพอื่นมันก็คงต้องมีเกษียณกันใช่มั้ย แต่ถ้าอาชีพนักร้องถ้าเราดูแลตัวเองดีๆ และยังมีคนฟังเพลงเราอยู่ ยังมีคนนิยมชมชอบ รุ่นเรายังอยากฟังเพลงของเราอยู่เนี่ย มันอยู่ได้นานเลย พี่ก็ยังไม่รู้ว่าจะอีกกี่ปีนะ แต่เราก็ต้องยอมรับว่าอายุมากขึ้นมันก็ต้องมีการถดถอยแน่นอน ไม่ว่าเราจะดูแข็งแรงยังไงก็ตาม มันก็มีวันที่เราอาจจะต้องเลิกไป เป็นเรื่องปกติ”
บอกวิธีดูแลตัวเองตอนนี้สามารถดูได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ตแล้ว
“จริงๆ พี่ก็ไม่ได้มีเทคนิคอะไร ทุกคนหาความรู้ได้เองเลยว่าอยากให้ตัวเองแข็งแรงต้องทำยังไง เดี๋ยวนี้มีคุณหมอที่ออกยูทูปออนไลน์มาเยอะแยะ ที่ให้คำแนะนำว่าควรจะหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไหน หลีกเลี่ยงความเครียดยังไง ควรจะดูแลตัวเอง ให้ออกกำลังกายอาทิตย์ละกี่วัน ครั้งละกี่ชม. และควรจะออกกำลังกายประเภทไหนที่จะสมกับวัยของเรา เราหาความรู้อย่างนี้ได้หมดเลย เรื่องอาหารเราไม่สามารถกินได้ครบหรอก 4-5 หมู่เนี่ย ไม่ได้หรอก เราก็ต้องมีอาหารเสริม คือต้องดูแลตัวเองอย่างนั้น ต้องยอมจ่ายบางอย่างหน่อยสำหรับของดีๆ ที่จะเข้ามาบำรุงร่างกาย ดีกว่าเราไปจ่ายให้กับโรงพยาบาลหรือหมอ ซึ่งหมอเองเขาก็ไม่ได้อยากได้เงินเราหรอก เขาอยากเห็นเราสุขภาพแข็งแรงดีกว่า
เพราะฉะนั้นพี่เชื่อว่าพี่ไม่ได้มีเคล็ดลับอะไร มันอยู่ที่ตัวเองมากกว่า เราต้องตั้งใจเลยว่าเราอยากสุขภาพแข็งแรง เราไม่อยากจะเจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าป่วยบ้างก็นิดๆ หน่อยๆ เป็นปกติแหละร่างกายคนเรามันมีเชื้อโรค พวกไข้หวัดใหญ่อะไรต่างๆ เราก็ต้องพยายามทำตัวยังไงให้ปลอดภัย ถึงติดมาแต่ถ้าร่างกายเราแข็งแรงเราก็จะเป็นไม่มาก เพราะนั้นพี่บอกจริงๆ ว่าทุกคนต้องดูแลตัวเองให้ดี ไปตรวจสุขภาพบ้าง ปีละครั้ง รับคำแนะนำจากคุณหมอในเรื่องเกี่ยวกับการดูแลโภชนาการอะไรต่างๆ
ไม่ได้มีเคล็ดลับอะไรพิเศษเลย พี่เองก็เป็นคนกินตามใจตัวเองนะ แต่บางครั้งก็ต้องยั้ง ว่ามันไม่ได้นะ เพราะถ้าเรากินแบบนี้ ตามใจตัวเองมาก กลดไหลย้อนมันมา (หัวเราะ) เดี๋ยวเป็นไอ้นู่นไอ้นี่ เราก็ต้องมีความรู้ในเรื่องนี้บ้างด้วยเหมือนกัน แม้ว่าเราจะตามใจปากอยู่บ้างบางครั้ง แต่พวกหมูกระทะ นมเนย พี่เป็นคนไม่กินอยู่แล้ว พี่ถึงได้ผอมอย่างนี้ แต่ชอบกินรสเปรี้ยว รสจัด คุณหมอก็บอกให้ลดลง ต้องระวังบ้าง กินโปรตีนให้เยอะหน่อย“
