เรียกได้ว่าโค้งสุดท้ายก่อนจบทั้ง 9 ตอน สำหรับ “พรหมลิขิต” ที่หลายคนพูดเลยว่า “สู่ขิต”เพราะในอีพีสุดท้าย ในแต่ละตอน เหมือนเป็นการยำใหญ่ใส่มารวมๆ กัน ในแต่ละฉากเหมือนเป็นการตัดซอยเอามารวมๆ กัน จนคนคิดว่า 25 อีพีที่ผ่านมา ทำไมถึงไม่กระจายความสำคัญออกไป แต่ทำไมต้องมาอัดกองเอาไว้ในอีพีสุดท้ายตอนอวสาน เพราะไม่ว่าจะเป็นฉาก “คุณย่า” ป่วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งซีนเรียกน้ำตา แต่น้ำตายังไม่ทันไหล ก็ตัดไปซะดื้อๆ
ส่วนตัวละครที่น่าสงสารสุดก็ต้องยกให้ “พ่อเรือง” ที่ต้องดำเนินชีวิตไปอย่างโดดเดียว เพราะขนาดจะตาย ก็ยังไม่มีญาติมาร่วมไว้อาลัย ส่งเพียงอัฐิกลับไปเท่านั้น ขนาดน้องสาวแต่งงาน คุณย่าเสีย หรือแม้แต่ตัวเองแต่งงาน ก็ยังไม่ได้มีญาติฝ่ายตัวเองมาร่วมงาน
แต่ซีนที่ดีที่สุดของ #พรหมลิขิตตอนจบ ก็คือการปรากฎตัวของ “คุณยายบรรเจิดศรี ยมาภัย“ ที่มาเข้าฝัน “การะเกด” หลายคนซึ้ง เพราะนอกจากเรียกน้ำตาแล้ว แต่ยังได้เห็นความแข็งแรงของคุณยายบรรเจิดศรี ซึ่งในชีวิตจริงคุณยาย เป็นแม่ของ “อ.ศัลยา สุขะนิวัตติ์” (คนเขียนบทโทรทัศน์) และเป็นย่าแท้ๆ ของ “อึ่ง” ที่รับบทโดย “จ๊ะจ๋า แดนดาว ยมาภัย”
แต่ถึงแม้จะโดนกระแสดรามา สวดยับ! ไม่สมศักดิ์ศรีของความเป็นภาคต่อของ “บุพเพสันนิวาส” เลย ตอนจบบุพเพฯ คว้าเรตติ้งทั่วประเทศไป 18.6 ซึ่งเรียกได้ว่าทุบทุกอย่าง หลังจากอนาล็อกก้าวสู่ทีวีดิจิทัล แต่พอ 5 ปีผ่านไป แม้เรตติ้ง “พรหมลิขิต” อาจจะไม่ได้แตะเลข 2 หลัก แต่ก็ถือว่าจบได้สวยด้วยตัวเลข 8.63 ทั่วประเทศ ซึ่งย้อนกลับไปตอนเปิดตัวสตาร์ทออกตัวที่ 6 กว่า ระหว่างทางจะมีขึ้นมีลงไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับน่าใจหายสักเท่าไหร่ เพราะส่วนนึงหลายคนก็ยังชื่นชอบในคาแรกเตอร์ “พี่หมื่น-แม่การะเกด” รวมไปถึงการแสดงที่เป็นทีมเวิร์กของ “แก๊งพรหมลิขิต”
ซึ่งตัวเลขอาจจะสูง จนเป็นละครไทยที่เป็นแชมป์เรตติ้งสูงที่สุดของปีนี้เลยก็ว่าได้ แต่ถ้าเทียบแล้วกระแสในแง่บวกและเสียงชื่นชมก็ยังเทไปให้ “เกมรักทรยศ” ที่ทำเอาไว้ที่ 5.848 รวมไปถึง “มาตาลดา” ที่กวาดเรตติ้งลาจอ 5.75 ไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา
ส่วนภาค 3 จะมีไหม? ก็ต้องวัดใจทั้งผู้จัดและผู้ประพันธ์กันละทีนี้!
