“ไอซ์ พาริส” ตื่นเต้นและกดดัน เป็นพิธีกรเต็มตัวงานเดบิวต์วง “BUS” เหวอสุดสคริปต์เปลี่ยนก่อนคืนวันงาน รู้ตัวไม่ใช่สไตล์ แต่ทำเพราะ “พี่ย้ง” ขอ ไม่นอยด์ส่องทวิตฯ เจอคนบ่น ชวนแขกคุยอยู่ได้ ถามกลับจะให้ทำยังไง ก็น้องยังแต่งตัวไม่เสร็จ บอกคิดถึงตัวเองตอนเป็น 9by9 หลังเห็นน้องๆ บนเวที รู้สึกโชคดีที่เติบโตมากับพี่ๆ รอบตัว
หลังปีนี้ได้ทำอะไรใหม่ๆ หลายอย่าง ทั้งละครเวที และการเป็นพิธีกร งานนี้หนุ่ม “ไอซ์ พาริส อินทรโกมาลย์สุต” ก็เลยขอยกให้ปีนี้ เป็นปีแห่งการเรียนรู้ของตัวเอง และยิ่งได้เป็นพิธีกรบนเวทีเดบิวต์ของวง BUS เด็กปั้นของ “ย้ง ทรงยศ สุขมากอนันต์” เจ้าตัวก็เผยว่ายิ่งทำให้ได้นึกย้อนไปถึงตัวเองตอนเด็กๆ มากขึ้นไปอีก เพราะตอนเดบิวต์เป็น 9by9 (ไนน์ บาย นาย) ก็อายุเท่ากับน้องๆ วง BUS ตอนนี้เลย
“ปีนี้เป็นปีที่เราได้ทำอะไรใหม่ๆ เยอะ เล่นละคร ละครเวที มันเป็นปีแห่งการเรียนรู้ของผมครับ ทำอะไรใหม่หมดเลย ตั้งบริษัทของตัวเอง ปล่อยเพลง ได้เป็นพิธีกรบนสเตจจริงๆ ครั้งแรกในวันเปิดตัววง BUS ด้วย ได้ลองอะไรใหม่เยอะไปหมดเลย แต่ผมได้ไปส่องในทวิตฯ ทุกคนจะเป็นฟีลแบบ ไอซ์เลิกคุยกับแขกรับเชิญ อยากดูน้อง BUS แล้ว แต่ผมรู้ว่าน้องยังแต่งตัวอยู่ จะให้เราทำยังไง (หัวเราะ) น้องยังเปลี่ยนชุดไม่เสร็จ แต่เราก็สตรองของเราไป ในรายการผมไม่ได้เป็นฟีลพิธีกรจริงจังไง ผมจะไปเล่นกับน้องๆ ไปให้กำลังใจ แต่รอบนี้ผมต้องคุมทุกอย่าง ข้อมูลต้องเป๊ะ”
กดดันและตื่นเต้นมาก กับการเป็นพิธีกรภาคสนามครั้งแรก
“ตอนแรกตื่นเต้นมาก กดดันมาก แต่พี่ย้งก็มาบอกว่าอยากได้ความชิลๆ แต่มันไม่ชิลเลย ไม่เหมือนร้องเพลงเลย มันต้องเชื่อมจาก 1 ไป 2 ไป 3 มันต้องดำเนินทุกอย่างไปให้ได้ แล้วสคริปต์เขียนเยอะมาก เราต้องสรุปทุกอย่างไปเรื่อยๆ แล้วจริงๆ มันต้องมีพี่ย้งขึ้นไปอยู่บนเวทีด้วย แต่สุดท้ายเขาไม่ยอมขึ้น อยากเป็นคนถ่ายรูปอยู่ข้างล่าง ผมเลยเซ็งนิดหนึ่ง อยากแกล้งพ่อบนเวที”
เหวอโดนเปลี่ยนสคริปต์ ในคืนก่อนวันจริง
“เขาส่งสคริปต์ มาเราก็พยายามจำ พยายามนั่งอ่าน เขาส่งมาให้ก่อนอาทิตย์หนึ่ง เราก็อ่านจนจำได้หมดแล้ว แต่คืนก่อนวันจริง เขาเปลี่ยนใหม่หมดเลย (หัวเราะ) เราก็แบบห๊ะ โอเค จังหวะแรกก็แบบเอาจริงเหรอ มันมีความตื่นเต้น แต่พอเขามาเปลี่ยนในระยะสั้นๆ เราก็เลยเป็นฟีลแบบ ถ้าเกิดพี่ให้เวลาผมแค่นี้ มันจะออกมาเป็นยังไง ก็ตามเวลาที่พี่ให้ผมแล้วกันนะ ก็ปล่อยความกังวลไปบ้างเล็กน้อย ก็ท้าทายตัวเองนิดหนึ่งครับ”
ไม่รู้จะให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่ แค่แอบคิดถึงตัวเองตอนเดบิวต์ 9by9
“ถามว่าให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่ ก็ไม่รู้เลย ลงมาก็ยังถามอยู่เลยว่ามันดีเปล่า ผมพูดผิดๆ ถูกๆ ยังไงไม่รู้ แต่อย่างน้อยมันยังสนุก เพราะเราค่อนข้างสนิทกับน้องๆ รู้สึกจักมาพอสมควร จนมีวันนี้ แล้วพอมันขึ้นที่ลานพาร์ค พารากอน เราก็นึกย้อนไปถึงตอนที่เราเดบิวต์ 9by9 มันคล้ายมากเลย เวทีที่เดิม แฟนคลับทำป้ายเหมือนเดิม เรามองแล้วก็แบบ เออ…เรามันแก่แล้วว่ะ (หัวเราะ) ตอนผมเข้าวงการแรกๆ ผมก็อายุประมาณนั้น 17-18 แล้วมองพี่ต่อ (ธนภพ ลีรัตนขจร) ว่าเขาดูอาวุโสมากเลย ซึ่งตอนนั้นพี่ต่อ 24-25 แล้วตอนนี้ผม 25 มองย้อนกลับไป ไอ้พวก BUS มันคือเราตอนนั้นนี่หว่า แสดงว่าน้องกำลังมองเราแบบนั้นใช่ไหม”
วันนี้รู้สึกภูมิใจและดีใจกับตัวเองแล้ว โชคดีที่มีพี่ๆ คอยสอนและเป็นตัวอย่าง
“กับตัวเองในวันนี้ก็รู้สึกภูมิใจครับ ดีใจที่เราโตมาแบบนี้ มีพี่ๆ รายล้อมเรา เห็นพี่เขาพลาดอะไรเราก็ไม่ต้องไปทำตามเขา (หัวเราะ) มันเป็นความโชคดีที่ผมทำงานในวงการมาโดยมีพี่ๆ พวกนี้ เทียบกับพี่ต่อ ผมไม่รู้ว่าเขามีเหมือนที่ผมมีไหม อย่างตอนผมอยู่ 9by9 ก็มีพี่ๆ คอยเตือน ไม่รู้ว่าพี่ๆ คนอื่นๆ ที่เขาเริ่มมาก่อนผมเขามีหรือเปล่า แต่เรามีเลยรู้สึกโชคดี เห็นตัวอย่างความดีไม่ดีมาหมดแล้ว เราก็เลือกเอา (หัวเราะ)”
การเป็นพิธีกรไม่ใช่สไตล์ ถ้า “พี่ย้ง” ไม่ขอ ก็คงไม่ทำ
“สำหรับผมมันไม่ใช่สไตล์ผมเลย มันไม่ใช่อะไรที่เรารู้สึกว่าเราอินกับมันขนาดนั้น ถ้าเกิดไม่ใช่พี่ย้ง ไม่ใช่พ่อของเรามาขอให้เราทำ ผมก็คงไม่รับ เพราะรู้สึกว่ามันยากนะ ที่เห็นว่ามันผ่านไปได้แบบนั้น เราคิดอะไรเยอะมาก ไหวพริบทุกอย่างมันต้องดีมาก ก็นับถือความสามารถพี่ท็อปแท็ป (ณภัทร โชคจินดาชัย) โคตรเก่งเลย ทำได้ไงไม่รู้”
ผลงานปีหน้ามีทั้งเพลงใหม่และละคร
“ผลงานเพลงมีแน่นอนครับ ตอนนี้ทำไว้เยอะแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะปล่อยอีกเพลง จะมีมาเรื่อยๆ จนกว่าจะครบอีพี เดือนนี้ก็มีโชว์เยอะมาก ก็จะมีการฟอร์มวงทำทัวร์ปีหน้า แต่งานแสดงก็ยังเรื่อยๆ ตอนนี้ยังไม่มีถ่ายอะไร มีละครรอออนแอร์ทางช่อง 3 อยู่ ก็น่าจะดุเดือดและเมามันอยู่ เขาบอกว่าต้นปีหน้า แล้วก็มีโปรเจกต์ใหญ่ที่ทำกับเพื่อนอีกโปรเจกต์หนึ่งครับ ยังทำอยู่เรื่อยๆ มีอะไรจ้างได้นะครับ”
