“โยชิ รินรดา” เผยเคยคิดพัฒนาสัมพันธ์ “บลิว
วรพล” แต่สุดท้ายไม่รอด แม้น่ารัก แต่ไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตไม่ตรงกัน
ยันไม่เกี่ยวเรื่องช่องกีดกัน ไม่เสียดาย รักษาความสัมพันธ์ของเพื่อน
ไม่จำเป็นต้องเป็นพระเอก คบใครอยากคบให้นาน ไม่อยากเลิก
ถูกจับตามองเรื่องความสัมพันธ์กับนักแสดงหนุ่ม “บลิว วรพล จินตโกศล” นักแสดงในสังกัดช่อง 7 และหนุ่ม Smart Boy 2015 มาสักระยะแล้ว สำหรับสาว “โยชิ รินรดา ธุระพันธ์”ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวก็ออกมาเผยว่าตอนนี้สถานะคือเพื่อนกัน เพราะลองคุยกันแล้ว ความเป็นเพื่อนน่าจะดีที่สุด ยืนยันไม่เกี่ยวกับค่ายหรือช่องสั่งห้ามใดๆ ทั้งสิ้น
“ความจริงคือเป็นเพื่อนกันค่ะ เคยคุยกันในเชิงที่จะพัฒนาความสัมพันธ์เหมือนกัน แล้วเราก็ตกลงกันว่าเราควรที่จะอยู่ในสถานะเพื่อนดีกว่า เราสองคนคิดว่าถ้าขยับไปเป็นแฟนหรือคนคุยที่มากกว่านั้นอาจจะไปกันไม่รอดอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าเราเป็นเพื่อนกันดีกว่าบลิวเขาก็เป็นคนที่เฟรนด์ลี่ น่ารักเหมือนกัน เราก็สนิทกันในรูปแบบของเพื่อนค่ะ เราก็คุยกันอยู่เป็นเดือนนะคะ แต่เพิ่งตกลงกันเมื่อไม่นานมานี้
ก็รู้สึกดีใจที่คนให้ความสนใจคู่เรานะคะ แต่ก็อยากจะบอกว่าไม่มีอะไร โยชิกับบลิวก็เป็นเพื่อนกันค่ะ ถามว่าอะไรที่ตัดสินใจว่าไม่พัฒนาดีกว่า คิดว่าน่าจะเป็นนิสัยส่วนตัวของเรา และไลฟ์สไตล์ของเราสองคนด้วย การใช้ชีวิต แต่ไม่อยากให้โยงว่าช่องกีดกันอันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับช่องหรืออะไรเลยนะคะ เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตมากกว่าค่ะ”
เผยไม่ได้รีบเรื่องแฟน ถ้าคุยกันแล้วไม่ใช่ ก็เป็นโสดดีกว่า
“ไม่ได้มีการปรับตัว แต่แค่เราคุยกันในสถานะเพื่อน เห็นไลฟ์สไตล์และคุยกันหลายๆ เรื่อง ซึ่งโยเองก็อายุ 26 แล้วค่ะ การที่เราจะมีคนรู้ใจสักคนมันมีหลายปัจจัยมาก การที่เราจะไปต่อจริงๆ หรือการที่เราจะไปรอดจริงๆ โยคิดว่ามันต้องดูหลายๆ องค์ประกอบ ถ้าดูไม่ครบแล้วไปกันต่อ คุยกัน เป็นแฟนกัน สุดท้ายแล้วเราก็เลิกกันอยู่ดี สู้เราเป็นเพื่อนกัน รักษาความสัมพันธ์การเป็นเพื่อนของเราไปตลอดดีกว่า”
ถามว่าอะไรที่รู้สึกว่าเขาโดนใจ เยอะมาก (หัวเราะ) บลิวเขาเป็นคนที่อารมณ์ดีค่ะ ไม่ซีเรียสกับทุกเรื่อง และมีสเปซซึ่งกันและกันแค่นั้นเอง คือเราเริ่มมาจากการทำความรู้จักกันค่ะ จากนั้นก็มาเป็นเพื่อนกัน ถามว่าเสียดายไหม ไม่เสียดายเลย เพราะความรักมันเป็นสิ่งที่ต้องอยู่ด้วยกันไปยืนยาว และเป็นเรื่องคนสองคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ถ้ามันมีอะไรที่เข้ากันไม่ได้ ก็ต้องปรับเปลี่ยนและคุยกันว่าเราจะทำยังไงกับความสัมพันธ์ ในมุมมองความรักของโยคิดว่าก็เหงา แต่ก็ไม่ได้รีบ ถ้าคิดว่ามีแฟนแล้วรู้สึกวุ่นวาย และถ้าใช้ชีวิตโสดกับมีแฟน ถ้าโสดดีกว่า เราก็เลือกที่จะเป็นโสดดีกว่า”
บอกตั้งแต่มีข่าวกับ “บลิว” ก็ไม่มีคนเข้ามาจีบเลย
“โยก็ไม่ได้ซีเรียสหรอก แต่จริงๆ การมีแฟนบางทีมันก็อยู่ที่โชคชะตาฟ้าลิขิตด้วย (หัวเราะ) ไม่ใช่บางทีเราเดินไปแล้วเจอคนที่สปาร์กเลย หรือบางทีคนนี้หล่อแล้วมาคุยกับเรา มันมีอะไรมากกว่านั้น คือเราชอบคนหล่อ ชอบคนตัวสูง แต่ถ้าไลฟ์สไตล์มันไปด้วยกันไม่ได้ แล้วเราต้องมาปวดหัว แต่การที่เราเจอคนที่คลิกกันจริงๆ แล้วไปต่อได้ด้วยจริงๆ น่าจะโอเคกว่า ถ้าคบแล้วก็อยากจะคบนานๆ ไปเลย ไม่อยากคบแล้วเลิก ก็เลยอยากจะดูดีๆ นิดนึง แต่ก็ไม่ได้ปิดนะคะ ก็เปิดอยู่
จำเป็นต้องเป็นพระเอกอีกไหม ไม่จำเป็นเลย จริงๆ โยชอบคนธรรมดานะ คนที่คุยด้วยแล้วรู้เรื่อง คนที่ไม่ต้องเปลี่ยนตัวของโยเยอะ ไม่ต้องเป็นพระเอกก็ได้ ใครก็ได้ที่เข้ากับโยได้จริงๆ โยเป็นคนง่ายๆ มากเลยนะ (คนมองว่าเราเป็นเหมือนแรร์ไอเท็ม อยากคุย อยากคบด้วย กดดันไหม?) ไม่กดดัน อยากจริงๆ หรือเปล่า เพราะตอนนี้ไม่มีคนทักมาเลย ก็เปิดไดเร็กต์ตลอด แต่ตั้งแต่มีข่าวกับบลิวก็ไม่ค่อยมี คงคิดว่าโยมีแฟนแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไร เราไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องมีแฟน ไม่รีบ”
บอกตอนนี้โสดสนิท ไม่ติดว่าต้องคนในหรือนอกวงการ
“โสดค่ะ สเปกของโย เราไม่ได้เรื่องเยอะนะ แต่ถ้าสเปกภายนอกก็ชอบผู้ชายตัวสูง เพราะเราก็สูงอยู่แล้วใช่ไหมคะ เวลาเดินด้วยก็อยากได้ผู้ชายตัวสูง ดูปกป้องเราได้ เราก็เป็นผู้หญิงตัวเล็กตัวน้อย ตี๋ ขาว หรือเข้มไม่ติดเลย ได้หมด และคุยกันรู้เรื่องแค่นั้นเอง แต่คนอาจจะเข้าใจผิดว่าเรามีแฟนแล้ว ก็อาจจะเป็นได้ ก็พยายามออกข้างนอก ไปเที่ยวแล้วนะ เราก็เหนื่อยนะ เคยพยายามจีบคนอื่นก็เคยมาแล้ว พยายามพูดคุย แต่สุดท้ายแล้วมันก็มีอะไรหลายๆ เรื่องนี่แหละค่ะที่มันไปต่อกันไม่ได้ ก็อยากมี แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร อยู่ได้(ทำหน้าร้องไห้)
ถามว่าคนนอกหรือคนในวงการที่จะเหมาะกับเรา อันนี้โยบอกไม่ได้เลยว่าใครเหมาะ เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ต้องมาคุยกันหลายๆ เรื่อง ว่าไลฟ์สไตล์เธอชอบไปเที่ยวทะเลไหม ภูเขาไหม หรือเป็นแฟนกันต้องอยู่ด้วยกันตลอดไหม หรือมีสเปซซึ่งกันและกัน ตรงนี้สำคัญมาก จะนอกหรือในวงการถ้านิสัยคลิกกันได้ก็โอเคค่ะ แต่ถามว่าแบบไหนที่รู้สึกว่าบาลานซ์สำหรับเรา โยคิดว่ามันดีคนละแบบ (หัวเราะ) หนูรู้สึกว่ามีความดีที่แตกต่างกันค่ะ โยมองที่ตัวบุคคลมากกว่าสถานะทางสังคมมากกว่า”