“เอสเธอร์” เผยสัมพันธ์ “เคน ภูภูมิ” ไม่มีความรู้สึกแบบคนรักเหลือแล้ว ลั่นที่ผ่านมาปรับตัวแล้ว แต่กลับมาอยู่จุดเดิม ไม่ได้มีการพัฒนาขึ้น คบกันไปเรื่อยๆ จะเสียเวลาทั้งคู่ ไม่ปิดโอกาสจีบอีกครั้ง ไม่เชื่ออาถรรพ์ แต่ 7 ปีรู้สันดานที่แท้จริง
ออกมาตอบเคลียร์ๆ หลังจากที่ “เคน ภูภูมิ พงศ์ภาณุภาค”ประกาศขอจีบ “เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา” ใหม่อีกครั้ง หลังจากที่รักร่อแร่จนทำให้สาวเอสเธอร์ต้องออกมาเผยผ่านสื่อ สิ้นปีเป็นการชี้ชะตาความรัก ฝั่งสาวเอสเธอร์ก็เผยว่าจริงๆ ตอนนี้ไม่เหลือความรู้สึกแบบคนรักให้เคน ภูภูมิ แต่ถ้าจะจีบใหม่ก็ไม่ปิดโอกาส
“เขาบอกจะจีบใหม่เหรอคะ ไม่รู้จะตอบอะไรเลยค่ะ ความสัมพันธ์ก็อาจจะต้องถอยกลับมาค่ะ อย่างที่บอกไปครั้งที่แล้วว่าระหว่างหนูกับพี่เขา เราไม่ได้รู้สึกเหมือนคู่รัก เรารู้สึกเหมือนเขาเป็นคนในครอบครัวที่เราเป็นห่วงเป็นใยซึ่งกันและกัน แต่ความรู้สึกที่เราคบกันแบบคนรักกัน ณ ตรงนี้มันไม่มีแล้ว มันไม่เหลือแล้ว เราก็บอกเขาตรงๆ ด้วย
ส่วนที่เขาบอกว่าไม่อยากเลิก ไม่อยากเป็นพี่น้อง อยากเป็นคนรัก ต้องบอกว่าคู่ของหนู จริงๆ มันมีปัญหาที่ใหญ่แล้วก็หนักในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในระหว่างที่คบกันแค่เลือกที่จะไม่พูด เพราะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องในบ้าน ก็อยากที่จะเก็บไว้ แต่มันยาวมาจนถึงตอนนี้ เรารู้สึกว่าถ้าความสัมพันธ์ของทั้งคู่มันเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันก็ไม่ดีต่อตัวเราเองด้วย ไม่ดีต่อตัวพี่เขาด้วย เราก็เลยเลือกที่จะคุยกับเขาตรงๆ คือก่อนหน้านั้นค่ะ”
5 ปีปรับตัวแล้ว แต่กลับมาอยู่จุดเดิม ไม่ได้มีการพัฒนาขึ้น
“พยายามปรับตัว พยายามทำให้มันดีขึ้น แต่มันก็กลับมาอยู่จุดเดิมที่รู้สึกว่ามันไม่ได้มีการพัฒนาขึ้น ถามว่าเรามีข้อตกลงกันไหม ไม่ได้มีข้อตกลงกันแบบ 1 2 3 4 5 แต่มันผิดที่คู่ของหนูเป็นคู่ที่ไม่สื่อสารกัน เป็นคู่ที่ไม่ได้ดูแล ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องของความสัมพันธ์ จนวันนึงเราลืมตาขึ้นมาแล้ว เอ๊ะ ทำไมความสัมพันธ์ของเรามันเป็นแบบนี้ ทำไมมันไม่ดี ทำไมมันยิ่งแย่ลง ไม่ดีขึ้น จนเราต้องกลับมาคิดว่าเราจะต้องแก้ไขยังไงดี”
คบกันไปเรื่อยๆ จะเสียเวลาทั้งคู่
“ตอนที่พี่เขาไปเรียน ก็ไม่เกี่ยวนะคะ แต่หนูแค่มองตรงจุดที่ว่าด้วยเราอายุเยอะทั้งคู่แล้ว ถ้ามันไม่ดีขึ้นหรือคบกันแล้วมันไม่ได้ทำให้ทั้งคู่มีความสุข แล้วดีขึ้น เราก็ต้องหันมามองไหมว่าเราจะเอายังไงต่อกับชีวิต เหมือนถ้าเราคบกันไปแบบนี้เรื่อยๆ จะเสียเวลาทั้งคู่”
ไม่ปิดโอกาสให้จีบ
“หนูก็ไม่ได้ปิดนะคะ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าอนาคตเราจะเป็นยังไง แต่ถ้า ณ ตอนนี้ความสัมพันธ์มันไม่ได้รู้สึกเหมือนคนรักกัน มันก็ต้องเริ่มสร้างใหม่แหละแต่อยู่ที่ว่าเราก็ต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกันว่าเราจะพัฒนาไปได้ดีขึ้นกว่าเดิมไหม หรือไม่รู้ว่าจะไปในทิศทางไหน เราเปิดโอกาสให้เขา และเปิดโอกาสให้ตัวเอง เราไม่ได้ปิดเขา แต่เราก็ไม่ได้ปิดตัวเองด้วย
การกลับมารอบนี้ไม่ได้มีข้อตกลงเลยค่ะ (ยื่นข้อเสนอให้ไหม เขาเดินหน้าง้อ-จีบ?) เราแค่บอกในจุดที่เรารู้สึกว่าเราเห็นปัญหาของตัวเราด้วย และเขาเห็นปัญหาของตัวเราด้วย เราบอกในจุดที่ไม่โอเคกันและกันทั้งคู่ บอกไปแบบตรงๆ เรียบร้อย เคลียร์แล้ว อยู่ที่ว่าจะไปในทิศทางไหนได้”
ไม่ปิดโอกาสตัวเอง แต่ไม่มีใครจีบ
“หนูไม่ปิดค่ะ คนเข้ามาก็ไม่มีค่ะ (หัวเราะ) เขาก็ต้องรู้ว่ามีคู่แข่งแล้วนะ ครอบครัวไม่ได้เป็นกาวใจ เขารู้ปัญหาทุกอย่าง แต่ว่าเขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของคน 2 คนเขาก็ได้แต่คอยให้คำปรึกษาอยู่ห่างๆ ส่วนในเรื่องการตัดสินใจว่าเราจะเอายังไงต่อ จะทำยังไง ก็เป็นในส่วนหน้าที่ของเราและพี่เขาค่ะ”
ไม่เชื่ออาถรรพ์ แต่ 7 ปีรู้สันดานที่แท้จริง
“หนูว่า 7 ปี เป็นช่วงระเวลาที่เราเรียนรู้ใครสักคนนึง รู้ถึงสันดานที่แท้จริง หมายถึงว่าสันดานที่เขารู้ของเราและรู้กันและกัน รู้นิสัยกันและกัน รู้มากกว่านิสัยด้วยค่ะ รู้ถึงตัวตนแท้จริง ที่ถามเรื่องอาถรรพ์ส่วนตัวหนูไม่เชื่อค่ะ ส่วนที่เขาบอกว่าจะฝ่าให้ได้ ก็ต้องลองดูค่ะ กำแพงไม่สูงค่ะ แค่รู้สึกว่าต้องรู้ให้ดี แล้วก็ต้องเอาใจใส่ในเรื่องของความสัมพันธ์มากขึ้น ไม่ใช่ว่าคบกันก็ปล่อยปะละเลย มันเป็นสิ่งนึงที่เราควรจะต้องเอาใจใส่ ดูแลรักษาให้ดี”
อักษรย่อชี้เป้ามาที่คู่ตนไม่กระทบ ไม่รีบตัดสินใจ
“ไม่กระทบเลยค่ะ ไม่มีค่ะ ตอนนี้ก็ขอพักก่อน หมายถึงว่าไม่รีบตัดสินใจ ทำอะไรด้วยสติ ไม่ใช่อารมณ์ในการดำเนินชีวิต ปีใหม่ก็ไม่เหงา”
เผยอยู่ในระยะทำใจ
“ถามว่าเรียกว่าโสดไหม เรียกว่ารักษาใจอยู่แล้วกันค่ะ ระยะทำใจ ถ้า ณ ตอนนี้ไม่รู้เลย มันมัวๆ ลางๆ ไปหมดเลย แต่อย่างที่บอกว่าเราทำอะไรด้วยกันเยอะ อย่างงานที่ต้องทำด้วยกัน ก็ต้องเจอกันบ่อยๆ อยู่แล้ว เราก็เห็นเขาเป็นเหมือนคนในครอบครัว เราก็อยากให้เขาได้แต่สิ่งดีๆ รักและหวังดีกับเขาเสมอ ถามว่าเขาง้อไหม ตั้งแต่เขากลับมา เพิ่งได้คุยกันจริงจังไม่กี่วันนี้เองค่ะ ส่วนที่เขาดูเดินหน้า เขาน่าจะเห็นตั้งแต่สัมภาษณ์ที่แล้ว ใจอ่อนเมื่อไหร่จะบอกค่ะ”