“หนิม คนึงพิมพ์” เล่าชีวิตตอนดวงตก โดนผี 2 ตัว หลอกทุกคืนจนไม่ได้นอน ใครมาอยู่เป็นเพื่อนก็เจอดี หนักสุดคือยุให้โดดตึก ทำจิตตกและหมดพลังงาน ถึงขั้นคิดจะโดดให้จบๆ สุดท้ายตั้งสติย้ายหนีมาได้ แต่แพนิคอยู่ 3-4 เดือน เล่าเรื่องนี้ไม่ได้ มือสั่น หายใจไม่ออก ตอนนี้เหมือนมีชีวิตใหม่ หมั่นทำบุญให้ตัวเองก่อนอุทิศให้คนอื่น
ฟังแล้วก็หลอนสุดๆ สำหรับเรื่องราวชีวิตในช่วงดวงตก ของนักร้องสาวจากบ้าน AF “หนิม คนึงพิมพ์ ธนพิชชากรณ์” ที่โดนผีตามอาฆาตที่คอนโดมานับปี โดยล่าสุด (11 ธ.ค.) หนิมได้มาเล่าเรื่องนี้ ในรายการ Daily POP ทางช่องยูทิวบ์ Dailynews LIVE-TH ว่าผีที่มาหลอกไม่ใช่แค่ 1 แต่มีถึง 2 เป็นผู้หญิงกับผู้ชาย แถมยังอยู่ในห้องพระแบบไม่สนไม่แคร์อะไรทั้งนั้น แถมยังยุให้ไปกระโดดตึกด้วย
“ย้อนกลับไปน่าจะเป็นช่วง 3 ปีที่แล้วค่ะ ก็คือเจอผีรุกราน พูดง่ายๆ ก็คือช่วงโควิดค่ะ ก่อนหน้านี้ก็เคยเจอผีอำ แต่ไม่ได้หนักมากมายเท่าเคสนี้ เคสนี้รู้สึกว่าเขาจะเอาชีวิตเราจริงๆ (หัวเราะ) ก็เลยคิดว่าเป็นหนึ่งเรื่องที่หนักหนาสาหัสที่สุดในชีวิตเรื่องหนึ่ง ที่จำได้ไม่ลืมเลยค่ะ ถามว่าชีวิตช่วงนั้นแย่มากไหม ก็ไม่มาก น่าจะเหมือนทุกๆ คน ที่ไม่ได้มีงานมากมาย เพราะเป็นช่วงโควิดส่วนใหญ่ก็จะอยู่บ้านเฉยๆ มันไม่ได้มีความเครียดอะไรขนาดนั้น แต่อยู่ๆ ก็คือมีผีตัวหนึ่งเข้ามาอยู่ในห้อง โดยค่อยๆ เข้ามาอยู่กับเราเรื่อยๆ ทำให้เรานอนไม่ค่อยหลับ
ถามว่ารู้ได้ยังไง หนึ่งก็คือเริ่มนอนไม่หลับ ฝันเห็นผีตัวเดิมทุกคืน เขาเป็นผู้หญิง จะมาเป็นเสียงบ้างอะไรบ้าง แต่เราไม่เห็นเองกับตานะ จะเข้าฝันตลอด ทำให้เราตื่นกลางคืนตลอด หลังๆ มาเริ่มกลัว เราก็เลยชวนเพื่อนมานอนด้วย หลายคนที่มานอนด้วย ก็คือเจอพี่แกหลอกหมดเลย คือให้ไม่ต้องอยู่กับเรา ให้ออกจากห้องเราไป จากนั้นก็ไม่มีใครกล้ามานอนกับเราเลย เพราะกลับไปก็ฝันร้ายกันหมดเลย เขาจะขัดขวางทุกคนที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนเรา จะมีบางคนมาห้องเรา นั่งโซฟาอยู่ดีๆ แค่ลุกย้ายก้นเฉยๆ ข้อมือหัก แล้วก็กลับไปนอนฝันร้าย คือไม่มีใครกล้ามาเลย”
ไม่รู้ว่ามาจากไหน แต่มีถึง 2 ตน ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ทำจิตตก คิดมาก อยู่ไม่ได้
“ไม่รู้เลยว่าเขามาได้ยังไง เพราะตอนแรกคอนโดนี้ เราก็อยู่มาเรื่อยๆ ของเราปกติ อยู่มานานแล้วปีสองปี แต่พอช่วงโควิดก็รู้สึกว่าเขามาอยู่ด้วย พอรู้สึกว่ามันหนักเข้า เรามีเพื่อนที่เห็นผี ก็เลยชวนเขามา ว่ามันมีจริงๆ ไหม หรือเราคิดไปเอง ปรากฎว่าปุ๊บไม่ได้มีแค่หนึ่งคน แต่มี 2 คน คือเราเห็นผู้หญิงมาตลอด แต่เพื่อนบอกว่าอย่ากลัวนะ จริงๆ มีผู้ชายอีกคนอยู่ในห้องนอนของเรา เราก็ไม่รู้ทำยังไงดี (หัวเราะ) เราก็เริ่มจิตตกด้วยความกลัว เราไม่เห็นเขาด้วย แต่กลายเป็นเพื่อนเราทุกคนที่มาเห็นกันหมด เราก็เลยยิ่งหลอนยิ่งคิดมาก หลังๆ มาเริ่มได้กลิ่นพี่แกแล้ว ว่าชอบยืนอยู่ตรงตู้เสื้อผ้า เวลาไปหยิบก็จะขนลุก จะหวิวๆ ตลอด เริ่มจิตตกอยู่ไม่ได้”
ไม่ทำบุญให้ผี แต่ทำบุญให้ตัวเอง โดนกระซิบตอนหลับ “เครียดเหรอ ไปโดดตึกสิ” ตอนนี้ย้ายคอนโดเรียบร้อยแล้ว
“ไม่ได้ทำให้เขาค่ะ คือรู้สึกว่าเขาเหมือนแรงอาฆาตเรามากๆ เลยทำบุญให้ตัวเอง โดยไม่ได้เอ่ยถึงเลย ซึ่งตอนนี้ไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็นแล้ว เพราะเราย้ายคอนโดแล้ว (หัวเราะ) แต่ก่อนหน้านี้เห็นเขาอยู่ค่ะ จนสุดท้ายเจออีกคนหนึ่ง เขาบอกว่าย้ายคอนโดแล้วจะจบ ก็เลยตัดสินใจย้ายเลยค่ะ แต่วันที่ย้าย เขาก็เริ่มอาการรุนแรงหนักขึ้น เขาอยากจะเอาชีวิตเราหนักมากๆ มีอยู่วันหนึ่งช่วงกลางวันแหละ เข้าไปงีบหลับในห้อง เพราะเขามาหลอนเราทุกคืน จนเรานอนไม่หลับมาเป็นปีๆ แล้ว มันค่อนข้างเพลียมมากๆ ช่วงนั้นน่าจะจิตตกขั้นสุด พลังงานเราเหลือน้อยมากๆ เราก็ได้ยินเสียงเขาว่า เครียดเหรอ ไปโดดตึกสิ เราก็สะดุ้งลุกขึ้นมา แล้วบอกว่าไม่เครียด แต่เอายังไงดี เราต้องทำยังไงดี แล้วแต่คนจะเชื่อนะ แต่หนิมกลัวว่าถ้าหนิมหลับแล้วเขาจะเข้าสิง และพาเรากระโดดตึก มันก็มีความกลัวประมาณนั้นค่ะ
เพื่อนก็ไม่มีใครกล้ามาแล้ว สุดท้ายแล้วแฟนคลับ จะมีคนสนิทอยู่คนหนึ่ง เราก็ชวนว่าพี่ๆ มาอยู่ในห้องเป็นเพื่อนหนูหน่อย หนูอยู่คนเดียวไม่ไหวแล้ว พอเขามาสิ่งที่ผีทำ คือพอเขาผ่านตู้เสื้อผ้า นางเป่าหูเขา พี่เขาก็ก็กรี๊ดขึ้นมา คือเขากลัวมากเหมือนกัน ก็ไลน์หากัน คืออยู่ในห้องด้วยนะ แต่ไม่พูด บอกว่าพรุ่งนี้เราออกเลยเนอะ ก็คือไม่น่าจะไหวแล้ว ตอนนั้นก็กลัว ไม่กล้าหลับ พูดคำเดียวเลยว่าว่าไม่กล้าหลับเลย กลัวเราขาดสติไป แล้วเขาจะสิงเราได้ เพราะเราก็เพลีย ร่างกายมันเพลียมากๆ แล้ว ก็ตัดสินใจย้ายออก โดยไม่พูดสักคำว่าจะออก เราเก็บเสื้อผ้าไปชุดเดียว แล้วเดินออกจากห้องไปเลย จากนั้นก็จ้างคนเข้าไปเก็บของค่ะ ถามว่าเขาไปเก็บแล้วเจอไหม ก็ไม่ได้ถาม แล้วก็ไม่ได้บอกด้วย แต่เขาน่าจะเจอเราติดยันต์เต็มห้อง (หัวเราะ) เพราะกลัวมาก เขาก็น่าจะสยองเพราะเห็นยันต์เต็มห้อง เราไม่เก็บอะไรมาเลย ผีคงงงๆ ตามไม่ทัน ทุกวันนี้ก็ไม่รู้ว่าเราอยู่ไหน (หัวเราะ)”
เชื่อเพราะดวงตก ทุกอย่างเลยประดังประเดแบบนี้
“หนิมว่าจุดหนึ่งเพราะเราดวงตกแหละ และด้วยความเครียด ด้วยส่วนหนึ่งอาจจะเรื่องงาน พอยิ่งนอนไม่หลับ ร่างกายไม่แข็งแรง เขาก็สามารถแทรกเข้ามาได้”
ยืนยันไม่เคยคิดสั้นอยากฆ่าตัวตาย เป็นแพนิคอยู่นาน พูดถึงเรื่องนี้ไม่ได้ มือสั่น หายใจไม่ออก
“ไม่ได้มี ไม่ได้มีความคิดนั้นเลย แต่พอได้ยินคำนั้น ก็คือตื่นเลย ไปดีกว่า ฉันต้องออกจากห้องนี้แล้ว ซึ่งออกจากห้องนั้น ก็ไม่เจออีกเลย แต่ว่าจิตมันแพนิคค่ะ เวลาเราพูดถึงเขา มือไม้จะสั่นหมดเลย เราเลยออกจากคอนโดนั้นมา โดยที่ไม่ได้บอกเพื่อน ไม่ได้บอกใคร เพราะกลัวเขาจะมาถามว่าทำไมถึงย้าย เกิดอะไรขึ้น คือเราไม่สามารถที่จะเล่าได้เลย แต่ผ่านมา 3-4 เดือนก็เริ่มดีขึ้น นี่ถึงได้เล่าได้ ก่อนหน้านี้แพนิคหนักเลยค่ะ หายใจไม่ออก ใจเต้นตุ๊บตั๊บ มือไม้สั่นเมื่อพูดถึงเขา”
ตอนนี้เหมือนมีชีวิตใหม่ หมั่นทำบุญอุทิศให้ตัวเองก่อน
“ใช่ค่ะ เหมือนมีชีวิตใหม่ จิตใจก็สงบขึ้น เจอครูบาอาจารย์ที่ดี สอนปฏิบัติธรรมค่ะ จริงๆ ก็รอดมาเพราะเรื่องนี้นะ แต่เดี๋ยวเล่านานไป กลัวจะเล่าไม่ถูก (หัวเราะ) มันเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ไม่รู้จะให้ข้อคิดอะไรใครยังไง แต่รู้สึกว่าถ้าใครกำลังเจอเรื่องนี้อยู่ ก็เป็นให้กำลังใจนะ เพราะเราก็เคยเจอมาเหมือนกัน บางทีอาจจะลองย้ายที่อยู่ สิ่งที่ทำหลังจากนั้น คือเวลาเราทำบุญ เราเอาแต่อุทิศให้คนอื่นไปหมด โดยไม่ได้หันมามองตัวเอง แล้วเราก็ไม่เข้มแข็งพอจะมาต่อสู้กับอะไรได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผีหรือชีวิตส่วนตัว เราไม่เคยมอบบุญ มอบสิ่งดีๆ ให้ตัวเอง ทำอะไรก็ให้คนอื่นก่อน หลังจากนั้นไม่ว่าจะทำบุญอะไร เราจะขอให้ตัวเองก่อน ทำให้เรามีสติ หันกลับมารักตัวเอง ดูแลตัวเองมากขึ้น”
ยกเป็นเรื่องที่ใกล้ชิดกับความเป็นความตายมากที่สุด
“ใช่ค่ะ คือตอนนั้นพูดไปมันอาจจะดูเว่อร์ แต่มันมีจุดหนึ่งที่คิดเหมือนกันว่าแบบ หรือว่ามันต้องโดดให้มันจบๆ ไปวะ (หัวเราะ) คือมันเพลียมาก ไม่รู้จะทำยังไงกับมันแล้ว ต่อสู้ไม่ไหวแล้ว แต่ไม่ได้เป็นซึมเศร้าค่ะ เคยสงสัยตัวเองเหมือนกัน ไปปรึกษาหมอแล้ว คุณหมอบอกว่าไม่ได้เป็น อาจจะเครียดเพราะไม่ได้นอน แต่ตอนนั้นมันเพลียมาก เหมือนพลังงานเหลือแค่ 1 เปอร์เซ็นต์แล้ว มันไม่สามารถต่อสู้กับอะไรได้ เชื่อไหมว่าดวงตกขนาดเดินผ่านมาหมา หมายังเห่าเลย ทุกตัวด้วยนะ ความดวงตกของมันคือเดินผ่านหมา ก็ทะเลาะกับหมา หมาเห็นเรายังเห่าเลย เหมือนมันนอยด์ไปหมดเลย”
ที่คิดว่าหรือจะโดดตึกให้จบๆ เพราะมันเหนื่อยและไม่มีพลังแล้ว
“มันไม่เกี่ยวกับความเครียดนะ มันเกี่ยวกับความเหนื่อย (หัวเราะ) แบบโอเค หรือฉันจะยอมแพ้หล่อนดีนะ มันเหนื่อย มันไม่มีพลังแล้ว แต่เรื่องของความเครียดเรื่องของงาน มันไม่ได้ขนาดนั้น เหมือนเรานอนเขาก็จ้องเรา ให้เรานอนไม่หลับ มีเพื่อนคนหนึ่งนอนอยู่กับเรานี่แหละ เขากำลังหลับ แล้วเขากรี๊ดขึ้นมา มีผีปลายเตียง”
ห้อยพระแล้วก็ไม่หาย เพราะผีอยู่ในห้องพระ
“ไม่หายค่ะ นางไม่กลัวใดๆ ในคอนโดนั้นมีห้องพระด้วยนะ แล้วนางก็นั่งในห้องพระนั่นแหละ (หัวเราะ) เขาไม่ได้แคร์หรือกลัวอะไรทั้งนั้นค่ะ เขาก็นั่งอยู่ในห้องพระ มีเพื่อนหลายคนบอกว่ามองเข้าไปในห้องนั้น แล้วเห็นเขามองจ้องตาออกมา เพื่อนบอกแกมันมองหน้าฉันๆ ถามว่าเป็นกรรมเก่าไหม เราก็ไม่ทราบ ไม่รู้มาจากไหน หรืออยู่คอนโดนั้นอยู่แล้วหรือเปล่า หรือใครส่งมา ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะมันเป็นอีกมิติหนึ่ง เราไม่สามารถมองเห็นได้”
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่แย่ทุกด้าน แต่หลังผ่านมาได้ก็ปังสุดๆ
“ใช่ค่ะ แต่หลังจากนั้นก็ปังแล้ว ทุกวันนี้ก็โอเคค่ะ ฟาดเคราะห์ ทุกวันนี้มีงานละครเข้ามา ก็เชื่อว่าเป็นจังหวะหนึ่งของชีวิตแหละ ที่ให้เราเรียนรู้ ช่วงก่อนหน้านั้นเราอาจจะไม่ได้รักตัวเองมากพอ มีอะไรก็ให้คนอื่นก่อน หันกลับมารักตัวเองบ้างก็โอเค มันดีขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ หลังจากนั้นก็เป็นกราฟชีวิตที่ขึ้น มีโอกาสได้เล่นละคร เร็วๆ นี้ก็มี วิญญาณแพศยา หนังผีอีกแล้ว (หัวเราะ) ไม่ใช่การโปรโมตละครนะคะ บังเอิญค่ะ หรือเราจะเป็นทางนี้ (หัวเราะ) ถามว่ามารับละครผีกลัวไหม ก็ไม่ได้กลัว แต่พอถ่ายละครผี มันก็จะมีบางอย่างในกองอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่กองเจอ คนอื่นเห็น แต่เราไม่เห็นค่ะ”
ขอบคุณแฟนๆ ให้กำลังใจ ตอนนี้ชีวิตดีขึ้นแล้ว
“ก็ขอบคุณแฟนๆ นะคะ ที่ติดตามมาโดยตลอด ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามทุกๆ ช่วงอายุ หวังง่าจะได้มีโอกาสทำผลงานดีๆ ให้ทุกคนได้ชมต่อไปค่ะ”