xs
xsm
sm
md
lg

“ณัฏฐ์ เทพหัสดิน” เผยเจอดรามาย้ายประเทศจนคนเข้าใจผิดไม่จ้างงาน! ย้ำขออยู่และตายที่เมืองไทย! (คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา”ควงภรรยา “นาน่า ธันยา”มาเปิดตัวลูกสาว “น้องเนล่า”วัย 2 ขวบ 8 เดือน มาเล่าเรื่องราวชีวิตครอบครัวที่ช่วยเลี้ยงลูกกันเอง โดยไม่จ้างพี่เลี้ยง พร้อมเคลียร์ข่าวย้ายไปอยู่ต่างประเทศถาวร จนคนเข้าใจผิด ผู้จัดไม่จ้างงาน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องวัน 31

นาน่าบอกทีมงานว่าณัฏฐ์เลี้ยงลูกเหมือนเลี้ยงสุนัข คืออะไร?
นาน่า : “อันนี้สลับกัน”

ณัฏฐ์ : “เขาเลี้ยงลูกเหมือนเลี้ยงหมา”

นาน่า : “คือที่บ้านน่าเลี้ยงหมาอยู่ 5 ตัว มันออกลูกมาก็น่ารัก แล้วเชื่อฟัง ก็อยากเลี้ยงแบบธรรมชาติ ปล่อยล้มลุกคลุกคลาน อย่าไปโอ๋เขาเยอะ”

ณัฏฐ์ : “เขาเป็นคนรักสุนัขเหมือนลูก ตั้งแต่คบกัน ผมเห็นตั้งแต่แรกแล้ว ผู้หญิงคนนี้ถ้ามีลูกก็น่าจะเป็นแม่ที่ดี เขาจะเลี้ยงสุนัขแบบไม่ตีหมา ไม่ดุหมา เลี้ยงให้หมาสบายใจมีความสุข เราก็รู้สึกว่ามันเป็นวิธีธรรมชาติดี แต่ถ้ากับคนก็คงอีกแบบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาเป็นคนรัก มีเมตตากับสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง ถ้าเป็นลูกของเราเขาก็น่าจะเป็นแม่ที่ดี ซึ่งเขาก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาพูดเพราะมากกับหมา ไม่ดุหมาเลย”

คือรักหมามาก ดูแลทะนุถนอม ก็เป็นแบบนั้นเลย รักเหมือนลูก?
ณัฏฐ์ : “ใช่ เลี้ยงในบ้าน เขาทำบ้านหมาให้เลยนะ แต่สุดท้ายเป็นที่เก็บของ เพราะหมามาอยู่ในบ้าน เขาบอกว่าเวลาหมาอยู่ข้างนอกเขาหงอย เขาไม่เห็นเราต้องคอยมาเกาะหน้าต่างมองดู”

ทั้งคู่มีวิธีการเลี้ยงลูกที่ต่างกันมาก จนทะเลาะกัน มีข้อมูลว่าสองคนนี้ตีกันฉ่ำ?
ณัฏฐ์ : “จริงๆ แล้วก่อนที่จะมีลูกก็ตีกันเรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะผมเรียนโรงเรียนประจำมา พอมีลูกปุ๊บ บ้านนี่ก็จะมีวิธีเลี้ยงอย่างนึง บ้านผมก็อย่างนึง ยกตัวอย่างง่ายๆ เรื่องการนอน เขาจะเป็นกังวลว่าถ้าให้นอนตะแคงหรือนอนคว่ำ เดี๋ยวลูกจะขาดอากาศหายใจ หรือมีเคสบางเคสให้เด็กนอนคว่ำเพื่อให้หัวสวย แต่เด็กขาดอากาศหายใจ ส่วนบ้านเราต้องนอนตะแคง หรือนอนคว่ำก็ได้ลูก แต่ผมก็ไม่กล้าให้นอนคว่ำ มีช่วงนึงลูกหัวเบี้ยว แต่มันเป็นเรื่องปกติ เพราะกะโหลกยังพัฒนาไม่เต็มที่ ก็มีอยู่ช่วงนึง เห็นไหมให้นอนหงายตลอดเวลา ก็จะมีทะเลาะกันบ้าง”

ทะเลาะกันจริงจังไหม?
นาน่า : “ไม่ค่อยจริงจัง คือช่วงที่ทะเลาะกัน เราไม่ค่อยทะเลาะกันเรื่องเลี้ยงลูก มีช่วงเดือนต้นๆ ประมาณ 1-2 เดือนแรก เรื่องหัวนี่แหละ”

ณัฏฐ์ : “เราใหม่กันทั้งคู่ เขาเป็นคนหวงลูกมาก ไม่ชอบให้ใครมาแตะมายุ่ง แม้กระทั่งผมเอง เขาบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวเขาจะทำของเขาเอง”

แม่เป็นคนหวง แต่พ่อเป็นคนดุ?
ณัฏฐ์ : “ดุ ดุลูกด้วย พอเขาเริ่มรู้เรื่องแล้วผมจะดุเรื่องพูดไม่เพราะ เก็บของไม่เป็นที่ เล่นของเล่นกระจัดกระจาย เราจะรู้สึกว่าเรื่องมารยาทก่อน ถ้าเจอผู้ใหญ่ต้องสวัสดีค่ะ พูดเพราะๆ เรื่องเก็บของไม่เป็นที่ แล้วของเล่นเขาเยอะ เราไม่ใช่ว่าเหนื่อยจะเก็บนะ แต่บางทีรู้สึกว่าเราอยากฝึกความรับผิดชอบให้เขารู้สึกว่าเวลาเขาเล่นอะไรแล้ว เก็บอันนี้ก่อนแล้วค่อยไปเล่นอันใหม่”

นอกจากจะดุเมีย ดุลูกแล้ว ยังสตริกเรื่องการใช้จ่ายเงินด้วย?
ณัฏฐ์ : “อันนี้ดุแม่ คือจริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ผมมองว่า ผมอยากจะปลูกฝังลูกอย่ามีนิสัยสิ้นเปลือง”

ตอนแรกคิดว่าจะดุหม่าม๊าอย่าซื้อกระเป๋า?
ณัฏฐ์ : “เขาเป็นคนไม่ใช้ของแบรนด์เนม เป็นคนเรียบง่ายมาก แต่เขาจะชอบสั่งของเด็ก มาทุกวันเลยนะ ซึ่งถ้าเขาไม่ได้สั่งมาก็จะมีคนส่งมาให้ เรารู้สึกว่าลูกเราของเล่นเยอะมากแล้ว บางทีเขาบอกปาป๊าซื้อให้ลูกแค่ 100-200 เอง เราก็บอก 100-200 ก็เงิน เราไม่อยากฝึกนิสัยฟุ่มเฟือยหรือใช้เงินเกินตัวกับลูก”

หลายคู่พอมีลูกโฟกัสที่ลูก ความหวานของสามีภรรยาจะน้อยลง บ้านนี้เป็นไหม?
นาน่า : “เป็นเพราะว่าเราเลี้ยงลูกกันเอง แล้วน่าเวลาทั้งวันก็อยู่กับลูก พอตกเย็นเราก็เหนื่อยแล้วหลับไปกับลูกทุกครั้ง ทำอาหารก็จะทำให้ลูก ไม่ค่อยมีเวลาไปทำให้เขากิน เขาก็จะงอน น้อยใจ บางทีเขาจะบอกเนล่ากินอะไร พ่อก็ชอบ พ่อกินด้วยได้”

ณัฏฐ์ : “ต้องพูดแบบนี้ก่อนที่จะมีลูก เราเป็นจุดศูนย์กลางของเขา เราอยากกินอะไรก็ได้กิน เขาทำให้ แต่พอมีลูกปุ๊บ สิ่งเหล่านั้นไปอยู่ที่ลูกหมดเลย พ่อได้แต่น้อยใจ แต่มีบางแมชต์ที่พูดกับเขาไม่รู้ว่าแรงหรือเปล่า บางทีเธอเป็นแม่ที่ดีนะ แต่บางทีเธอก็บกพร่องในหน้าที่ภรรยา”

นาน่าเขาพูดแบบนี้ทิ่มใจไหม?
นาน่า : “แต่เราก็เป็นแม่ที่ดีนะ”

ณัฏฐ์ : “ท้ายที่สุดเราก็โอเค เพราะเรารู้สึกว่าอย่างน้อยโฟกัสของเราทั้งคู่อยู่ที่ลูก เราไม่มีพี่เลี้ยง เหนื่อยมาก แต่คุ้มที่ได้เห็นเขาโต แล้วสิ่งที่เราสอนอะไรเขาวันนึงมันเริ่มเห็นผล เป็นเด็กที่น่ารัก ไปอยู่ที่ไหนก็มีคนเอ็นดู นั่นคือสิ่งที่เราตั้งเป้าเอาไว้”

เมื่อ 2 ปีที่แล้วบอกว่าจะไปอยู่อเมริกาแบบถาวร ตกลงยังไง ไปไหม?
ณัฏฐ์ : “จริงที่แพลนไปมันคือช่วงโควิด เพราะว่ามันไม่มีงาน เรารู้สึกไม่อยากอยู่เฉยๆ บวกกับคุณนาน่าเป็นคนไทยที่เกิดที่อเมริกา เขาก็มีสัญชาติอเมริกัน พอลูกเกิดปุ๊บให้ลูกเป็นอเมริกันด้วย เพราะเรื่องโรงเรียน ถ้าให้เรียนที่เมืองไทย เราให้เรียนโรงเรียนดีๆ อยู่แล้ว แต่ค่าเทอมก็แพงอยู่เนอะ แต่เมื่อเราเลือกได้ ทำไมไม่ให้ไปเรียนที่โน่น เพราะที่โน่นเรียนฟรี แล้วรัฐที่คุณนาน่าอยู่คือฟลอริด้า คือโรงเรียนมันดีมาก ดีกว่าโรงเรียนอินเตอร์เมืองไทยอีก แล้วได้อยู่ใกล้คุณตา คุณยาย แล้วตอนนี้คุณพ่อ คุณแม่ผมไปอยู่แคลิฟอร์เนีย พี่ชายผมก็อยู่ที่นั่น”

ตอนนั้นที่บอกว่าจะไปอยู่อเมริกาแล้วเจอดรามาเหรอ?
ณัฏฐ์ : “ใช่ เหมือนคนก็ประมาณว่าเมืองไทยไม่ดีก็ไปเลย แต่จริงๆ เราไม่ได้คิด เมืองไทยมันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนเรา เราคงตายที่นี่ แต่ที่เราคิด เราคิดเผื่อลูก เรื่องการศึกษา แล้วเรื่องงานเรา ถ้าวางแผนดีๆ เราบินไปบินมาได้ เราคิดอย่างนั้นนะ ไม่ได้คิดย้ายไปอยู่แบบถาวร แล้วให้ลูกไปเรียน ไม่ได้ไปเรียนแบบถาวรด้วย อยากให้เรียนถึงชั้นประถม มัธยมอยากให้กลับมาเรียนที่ไทย เพื่อเพื่อน สังคม ภาษา มารยาท”

เราวางแผนไว้ แต่คนอาจจะไม่เข้าใจ รวมถึงผู้จัดด้วยคิดว่าจะไปจริงๆ งานไม่จ้างเลย?
นาน่า : “เวลาเจอเขาทักว่าไงนะ”

ณัฏฐ์ : “เอ้า..กลับมาแล้วเหรอ ผมยังไม่ได้ไปเลยพี่ ผมยังอยู่เมืองไทย ยังรับงานอยู่ เรื่องที่จะไปหรืออยู่มันไม่ได้เป็นผล เรารับงานได้ แต่ถ้าไม่ได้เดี๋ยวบอกเอง แต่เรารู้สึกว่านี่คือบ้านเกิดเมืองนอนของเรา แล้วอาชีพที่ทำให้เรามีกิน มีใช้ทุกวันนี้คืออาชีพในวงการบันเทิง ยังไงเราก็ไม่ทิ้งอยู่แล้ว”

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama






















กำลังโหลดความคิดเห็น