“บ๊วย เชษฐวุฒิ” เผยนอนโรงพยาบาลนานที่สุดในชีวิต ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดและเป็นฝีที่ตับ โอดหลังผ่าตัดสภาพไม่ดี ยังไม่กลับมามีแรงเหมือนเดิม ต้องให้ยาฆ่าเชื้อทุกวันไปถึงกลางเดือน ถือเป็นการล้างสิ่งไม่ดีก่อนปีใหม่ ปรับชีวิตไม่คุยงานตอนเย็นและนอนเร็วขึ้น นับเป็นบุญมีเจ้าอาวาสมาเยี่ยมถึงสองรูป
เพิ่งหายป่วยมาหมาดๆ ก็กลับมาทำงานแล้ว สำหรับ “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” ที่ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด ทำให้เป็นฝีที่ตับ จนต้องผ่าตัดและพักฟื้นที่โรงพยาบาลถึง 8-9 วัน ล่าสุดวันนี้ (8 ธ.ค.) ได้เจอหนุ่มบ๊วย ในพิธีบวงสรวง “ชูชัยบุรี ศรีศิวะ มหาเทพ อัญมณี” เจ้าตัวก็ได้อัปเดตอาการป่วยให้ฟัง ว่าตอนนี้ก็ยังต้องไปโรงพยาบาลทุกวันเพื่อให้ยาฆ่าเชื้อ แต่การป่วยในครั้งนี้ ก็ได้รับพระเดชพระคุณจากเจ้าอาวาสถึง 2 วัดด้วยกัน โดย พระพรหมวชิรมุนี (เชิด จิตฺตคุตฺโต) เจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ได้ให้พระเลขามาเยี่ยมและสอบถามอาการแทน ส่วนพระปลัดสุรเชษฐ์ สุรเชฏโฐ เจ้าอาวาสวัดโตนด ต.วัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ได้เดินทางมาเยี่ยมด้วยตนเอง
“ติดเชื้อในกระแสเลือดครับ ก็ไม่รู้ว่าติดเชื้อมาจากที่ไหนยังไง หมอก็ไม่ทราบสาเหตุ แล้วเผอิญว่าตามกระแสเลือดไปเรื่อยๆ แล้วก็ไปลงตับ เลยเป็นฝีที่ตับก็เลยต้องผ่าตัดเล็กเอาหนองออก แล้วก็ต้องให้ยาฆ่าเชื้อ ซึ่งยาฆ่าเชื้อก็ต้องรอดูว่ายาตัวนี้มันส่งผลต่อฝีไหม ถ้าส่งผลก็นอนโรงพยาบาลน้อยหน่อย แต่เผอิญว่ามันส่งผลต่อฝี ก็นอนประมาณ 8-9 วันครับ อาการเริ่มต้นคือตอนเย็นหนาวๆ ร้อนๆ ตอนเช้าก็เหงื่อออก เป็นมาประมาณ 4-5 วัน คือไม่เจ็บคอ ไม่มีน้ำมูก ตรวจ ATK ก็ไม่ได้ 2 ขีด แต่พอไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาล ก็คือค่าเม็ดเลือดขาวสูง แสดงว่าร่างกายมันต่อสู้กับตัวเองอยู่ ก็โชคดีที่รู้ว่าเป็นที่ตับ ตอนนี้ก็ยังต้องให้ยาฆ่าเชื้ออยู่ครับ”
ไม่มีสัญญาณเตือน มีแค่รู้สึกเสียดในท้อง
“ไม่มีสัญญาณอะไรเลย บางคนบอกว่าคนที่เป็นโรคติดเชื้อในกระแสเลือด บางทีก็มารู้ตอนตายไปแล้ว แต่เราเสียดในท้องเราเลยบอกได้ คุณหมอเลยให้ไปเอ็กซเรย์ คือมันเหมือนคนป่วย 40 องศา ก็หนาวๆ ร้อนๆ หายใจไม่สุด มันเสียดๆ ในท้อง”
โอดนอนโรงพยาบาลนานที่สุดในชีวิต และตอนนี้ยังต้องไปให้ยาฆ่าเชื้อทุกวัน
“หลังผ่าตัดสภาพไม่ดีเลยครับ ก็คือว่าเจ็บเหมือนคนมาแทงตลอดเวลา ต้องขอมอร์ฟีน แต่ก็ดีขึ้นตามลำดับ ให้ยาฆ่าเชื้อตามกระแสเลือดก็ต้องรอร่างกายรีคัฟเวอร์ตัวเอง ถามว่าคุณหมอห้ามอะไรไหม ไม่ได้ถามเลย แต่ก็ไม่ควรจะไปโลดโผน ออกกำลังกาย ตอนนี้ก็ยังไปโรงพยาบาลทุกวันครับ วันละ 1 ชั่วโมง ต้องไปถึงประมาณกลางเดือนนี้ ก็ภาวนาให้หายขาดครับ นี่ถือว่านอนโรงพยาบาลนานมากที่สุดในชีวิตเลย”
คาดเป็นสัญญาณว่าทำงานหนักเกินไป
“ใช่ สงสัยอาจจะเครียดเยอะด้วยครับ ทำงานหนัก มีความเครียด ก็ว่ากันไป คือเราไม่รู้ว่าติดเชื้อในกระแสเลือดจากอะไร ซึ่งก็ไม่ได้กินของดิบ อาจจะเข้าทางผิวหนัง หรือไปเข้าห้องน้ำสาธารณะ อันนี้ไม่รู้เลย(หวั่นไหมพอไม่รู้สาเหตุ?) ไม่หวั่นครับ เราก็ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ ถ้ามานั่งกลัวมันก็นอยด์เปล่าๆ แต่เราโชคดีที่เรารู้ว่าเราเสียดตรงท้อง เราเลยบอกหมอ อัลตราซาวด์แล้วก็เจอเลย พอ CT สแกนยิ่งใช่ใหญ่”
หลังผ่าตัดยังกลับมาไม่เต็มร้อย รู้สึกไม่มีแรงเหมือนเดิม
“ก็อย่างที่บอกว่าติดเชื้อในกระแสเลือด เลือดก็วิ่งไปทุกที่ ของผมมันไปลงที่ตับ อาการแบบนี้หมอบอกว่าฝีมันเกิดสักประมาณ 1-2 สัปดาห์ ก็เพาะเชื้อได้ พอไปเจอที่ตับขนาด 5.7 เซนติเมตร ก็คือว่าใหญ่พอสมควร ตอนนี้น้ำหนักลดลงไปเท่าไหร่ไม่ทราบ แต่ว่าเสียงเรายังมีความเหมือนมอเตอร์ไซค์จะล้ม สิ่งที่ชัดที่สุดคือไม่มีแรงครับ มันไม่มีแรงเหมือนเดิม เราต้องเดินช้าๆ ทำอะไรช้าๆ ตั้งสติก่อน ก็ขัดใจแต่ต้องไปตามสังขาร ตอนนี้ก็ปรับการใช้ชีวิตคือนอนเร็วขึ้น วันนี้ก็ถอดเข็มมาเลย เพราะรับปากกับพี่ชูชัย (ชูชัย ชัยฤทธิเลิศ) ไว้แล้ว”
ตอนนี้ปรับชีวิตใหม่ เลิกคุยงานตอนเย็นและนอนเร็ว
“โห เราทำบริษัทด้วย แล้วเราก็คอยดูแลลูกน้อง คอยเป็นห่วงคนอื่น ทีนี้ก็ต้องคิดตลอดเวลา แต่เรานอนเร็วขึ้น คือช่วงเย็นจะไม่คุยเรื่องงานแล้ว จะนอนเลย ปิดสัญญาณโทรศัพท์ ปิดอินเตอร์เน็ต เพื่อที่จะไม่ให้อย่างอื่นรบกวนการนอน การป่วยครั้งนี้ก็เรียนรู้ว่าความตุยมันอยู่ใกล้ๆ เราเท่านั้นเอง เหมือนแข็งแรงแต่จริงๆ ก็ไม่ได้การันตีอะไรเลย”
ถือเป็นการล้างสิ่งไม่ดีออก เพื่อต้อนรับปีใหม่แบบปังๆ
“ช่วงนี้ตื่นเช้าทุกวันมา 4 เดือนแล้ว เพื่อเข้าคลาสของพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ตื่นตี 5 มานั่งสมาธิ ไหว้พระ สวดมนต์ พระอาจารย์ก็เทศน์ ซึ่งชีวิตก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว ได้เจอมหัศจรรย์ของชีวิตอยู่แล้ว แต่สำหรับตัวผมเอง การมาเป็นสิ้นปีนี้ เหมือนการล้างสิ่งไม่ดี ในปี 2566 แล้วก็เริ่มต้น 2567 แบบเต็มที่เลย”
เป็นการป่วยที่มีเจ้าอาวาสมาเยี่ยมถึงสองรูป
“ผมไม่ได้ตั้งใจโพสต์ เผอิญว่าผมจะไปงานลอยกระทง ที่มีจันทร์ซ้อนจันทร์ มีการอาบน้ำโบราณของพระสังฆราชที่วัดสุทัศน์ เราก็กะว่าจะพาเอฟซีเราไป ก็แจ้งชื่อเรียบร้อย ท่านก็ถามว่าจะไปกี่คน ก็บอกว่าผมไปไม่ได้แล้วครับ ผมอยู่โรงพยาบาล ท่านก็เลยให้พระเลขามาเยี่ยม เราก็รู้สึกว่าเป็นกรุณาของท่าน ก็เป็นการป่วยที่มีพระมาเยี่ยม เป็นเจ้าอาวาสถึงสองรูปด้วยกัน (หัวเราะ)”
หลังจากนี้ต้องรักษาและดูแลร่างกายตัวเองดีๆ
“ก็รักษาร่างกายตัวเอง คอยดูแลตัวเองเรื่อยๆ เรื่องอาการป่วย คือทุกคนมีเชื้อโรคดีและไม่ดีอยู่แล้วในร่างกาย แต่เชื้อโรคไม่ดี จะส่งผลต่อเมื่อเราพักผ่อนน้อย เครียด เกิดภาวะแอนติบอดี้อ่อนแอ”