แน่นอนนะครับว่า กว่าต้นฉบับชิ้นนี้จะเผยแพร่ งานแคมป์ไฟดนตรีมาลีฮวนน่า 10 ซึ่งจัดอย่างยิ่งใหญ่ได้ปิดม่านลงไปแล้ว คนไหนใครพลาดไปร่วมโจ๊ะๆ ต้องรอคราวหน้า
บรรดาแฟนคลับมาลีฮวนน่ารู้กันอยู่แล้วว่าต้นเดือนธันวาคมกว่าทศวรรษที่ล่วงมา จะได้มีโอกาสร่วมหรรษากับวงดนตรีที่คลั่งไคล้ในรูปแบบแนบชิดติดธรรมชาติ แรกเริ่มเดิมทีจัด ‘บิ๊กปาร์ตี้’ กันกลางไร่หุบกะพงของอาจารย์ไข่ มาลีฮวนน่า ทว่าบริเวณดังกล่าวถูกค่อยๆ วางแทนด้วยพูลวิลล่า แถม 3 – 4 ปีก่อนหน้าเจอมรสุมโควิต แคมป์ไฟดนตรีมาลีฮวนน่าจึงร้างลาไปโดยปริยาย ต่อเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย จึงกลับมาใหม่อีกหน เมื่อวันเสาร์ที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา
สถานที่จัดบิ๊กปาร์ตี้มาลีฮวนน่ายังคงเป็นที่หุบกะพง แตกต่างกว่าทุกครั้งคือจัดในไร่แห่งใหม่ กว้างใหญ่ไพศาลกว่าเดิม แม้อาจไม่ใช่เป็นศิลปะสถานของอาจารย์ไข่ แต่บรรยากาศทั่วไปก็เหมือนทุกหนที่บรรจงจัดกันขึ้นมา
ผมบังเอิญที่รุ่นน้องเป็นหัวแรงสำคัญของแคมป์ไฟดนตรีออกปากชักชวนให้ไปร่วมงานในฐานะสังเกตการณ์จึงไปยังสถานที่จัดงานตั้งแต่วันจริงจะเริ่ม
วันสุกดิบซึ่งก็คือตั้งแต่ค่ำคืนของวันที่ 1 ธันวาคม 2566 เหล่าสมาชิกวงมาลีฮวนน่า ขึ้นเวทีซ้อมใหญ่ให้กับแฟนคลับที่ไปจับจองที่นั่งที่นอนกันก่อนเพื่อนประมาณไม่เกิน 100 คน ได้ร่วมปาร์ตี้ความรู้สึกอีกแบบฟรีๆ ร่วมทั้งผู้เขียนด้วย
เคยฟังเคยดูมาลีฮวนน่าเล่นตามผับบาร์อยู่บ้าง แต่บอกได้เลยว่าไม่มีครั้งไหนอิ่มเอมใจเท่ากับได้มีโอกาสดูการซ้อมใหญ่ของคืนดังกล่าวนี้เลย
แค่ซ้อม ‘ลองไมค์’ กับ ‘ลองไฟ’ ทว่ามาลีฮวนน่าเป็นมาลีฮวนน่าที่ไม่เคยผ่านหูผ่านตามาก่อน เพลงที่เลือกซ้อมส่วนมากเป็นเพลงไม่คุ้นหู กระนั้นกลับตรึงคนดูจนเวลากว่า 3 ชั่วโมงหายวับไปอย่างรวดเร็ว ที่เติมเต็มเข้ามาคือความประทับใจชนิดไม่รู้เลือน
เหนือยิ่งสิ่งใด พลังของไข่ มาลีฮวนน่าเหลือกินเหลือใช้ เสียงใสกังวานราวแก้วหล่นบนจานหยก ว่ากันอย่างนั้นได้เลย
ยิ่งช่วงจังหวะที่เชิญพยัพ คำพันธุ์ มาแจมในช่วงลูกทุ่งเสียงโห่ โอ้โฮ! นี่มันเทพชัดๆ
ผมว่านะครับ แคมป์ไฟดนตรีมาลีฮวนน่าครั้งต่อไป ใครมีโอกาสไปดูก่อนตอนซ้อมใหญ่อาจประทับใจกว่าวันจริงมากกว่าหลายช่วงตัว เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่ได้ถูกวางไว้ในสคริป
อ้อ! ถ้าทีมงานจะเก็บตั๋วเหมือนทีมบอลจากพรีเมียร์ลีกช่วงปิดฤดูกาลมาซ้อมโชว์ในราชมังคลากีฬาสถาน ผู้เขียนก็จะยังควักกระเป๋าเข้าไปดู
มันยอดเยี่ยมมากเลยจอร์จ