“หมอเน๋ง” เผยเพิ่งเปิดโรงพยาบาลสัตว์สาขาที่ 7 ปีหน้าเปิดเพิ่มอีก 1 สาขา เผยตอนนี้คืนทุนเรียบร้อย เปลี่ยนตำแหน่งขึ้นเป็นผู้บริหารแล้ว ทำให้ลงตรวจเองน้อยลง มีภาระหน้าที่เพิ่มมากขึ้น ตั้งเป้าอยากสร้างโรงพยาบาลที่เป็นศูนย์รวมในการรักษาแบบครบวงจร
ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งอายุน้อยร้อยล้านเลยก็ว่าได้ สำหรับนักแสดงและคุณหมอคนเก่งอย่าง “หมอเน๋ง ศรัณย์ นราประเสริฐกุล” ที่ล่าสุดเจ้าตัวเผยว่าเพิ่งเปิดโรงพยาบาลสัตว์เพิ่มไปอีก 1 สาขาเป็นสาขาที่ 7 และปีหน้าจะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขา เผยตอนนี้คืนทุนแล้วเรียบร้อย แต่ก็ยังไม่ชินกับคำว่าผู้บริหาร เพราะตนเริ่มจากเล็กๆ และค่อยๆ ไต่ขึ้นมาเปิดเป็นโรงพยาบาล บอกตอนนี้เริ่มลงตรวจเองน้อยลง เพราะมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบเยอะขึ้น
“ฟีดแบ็กโรงพยาบาลสัตว์เพิ่งเปิดไป 1 สาขาครับ แถวฝั่งธนฯ ช่วงนี้ก็ปลุกปั้นสาขาใหม่อยู่ ยังไม่ชินกับคำว่าผู้บริหาร เพราะเราสร้างมาจากเล็กๆ เราก็รู้สึกว่าเราค่อยๆ โต ค่อยๆ ก้าว เราก็ยังเป็นเราคนเดิมอยู่ แต่พอบริษัทมันใหญ่ขึ้นมันก็ทำตัวไม่ถูก คือแต่ก่อนเราเป็นนักแสดงพอเข้ามาบริษัทเราก็จะสวัสดีทุกคน ทุกคนเป็นพี่เราหมด แต่ทีนี้มันจะเริ่มมีคนเรียกเราว่าพี่บ้างแล้ว หรือเริ่มเป็นเจ้านายแล้ว ก็เป็นฟีลลิ่งแปลกๆ เหมือนกัน ก็คิดว่ายังทำตัวเหมือนเดิมนะ
ตอนนี้หน้าที่หมอไม่ค่อยได้ลงตรวจแล้วครับช่วงนี้ (หัวเราะ) พอต้องมาทำงานบริหารก็ต้องปรับตัวเยอะครับ รู้สึกว่าเราต้องคิดภาพรวมมากขึ้น เพราะแต่ก่อนเราทำเป็นหมออย่างเดียวเราก็ต้องคิดว่าเคสนี้มีอะไร เราก็เจาะไปเป็นเคสๆ แต่พอก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารบ้างแล้ว ก็รู้สึกว่าต้องมองภาพรวมมากขึ้น ต้องมองภาพใหญ่ว่าน้องๆ เขาจะอยู่ได้ไหม บางทีก็ต้องเรียกคุยรายคน บ้านมีปัญหาอะไรไหม บริษัทซัปพอร์ตอะไรได้บ้าง
บอกอาจจะต้องมีลุคผู้บริหารมากขึ้น เพราะต้องให้คำปรึกษาน้องๆ ทีมงานด้วย
“ถามว่าต้องคีฟลุคเป็นผู้บริหารมากขึ้นไหม ก็คิดว่าไม่นะ แต่ผมว่าบางทีเราร่าเริงอยู่เรื่อยๆ ใช่ไหม แต่ถ้าเกิดมีเรื่องซีเรียส แล้วเราเปลี่ยนไปนิดนึง น้องๆ เขาก็จะเริ่มรู้ว่าอันนี้พี่เน๋งซีเรียส แต่ถ้าปกติเราก็จะเฮฮาเหมือนเดิม จริงๆ ผมว่าน่าจะเป็นสายรับฟังมากกว่า ก็ให้คำแนะนำเท่าที่ทำได้ เวลามีคนพาน้องหมา น้องแมวมารักษามีมาแอ๊วหมอไหม (หัวเราะ) ไม่หรอก แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ยินดี ก็มีบางเคสที่รีเควสว่าต้องขอเป็นผมอะไรแบบนี้ ส่วนใหญ่เขาก็จะไปที่สาขากัน แล้วก็ถามน้องๆ ว่าหมอเน๋งเข้าวันไหน แล้วคำตอบที่ได้ก็คือ หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ (หัวเราะ) แต่ช่วงนี้ไม่ได้ลงตรวจเอง แต่ว่าไปตรวจสาขาบ่อยๆ สาขาละวัน ถ้าเกิดแจ็คพ็อตก็เจอครับ
ส่วนงานละครตอนนี้เพิ่งปิดกล้องไป 2 เรื่อง ดวงใจจอมกระบี่ กับเรื่องกู๊ดด็อกเตอร์ ที่มันเปิดและปิดพร้อมกัน ก็รู้สึกว่าเราอาจจะได้ถอยมาพักผ่อนสักแป๊บนึง เพราะช่วงก่อนหน้านี้เราทำงานหนักมาก ก็มีโอกาสมาดูแลบริหารมากขึ้น มีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น ก็ได้ชาร์ตแบตไปเที่ยวเยอะ”
บอกคืนทุนแล้ว แต่ภาระหน้าที่ก็เพิ่มขึ้นด้วย
“ตอนนี้เรื่องเงินไม่ใช่ประเด็นแล้ว มันเป็นความรับผิดชอบมากกว่า มันเหมือนภาระหน้าที่ แต่ก่อนพนักงานเราไม่เยอะ พอมีกำไรเราก็แฮปปี้ แต่ตอนนี้สาขาเยอะ บริษัทใหญ่ขึ้นจริง แต่ก็มีภาระเยอะด้วย รายจ่ายก็เยอะ พนักงานน้องๆ ก็ต้องอยู่ได้ด้วย มันก็มีความเครียดอีกแบบนึง อนาคตต่อไปผมก็มีแพลนไว้แหละว่าจะเดินไปในทางไหน หรือว่าโรงพยาบาลเครือข่ายจะเดินไปทางไหน ก็ยังไม่ถึงเป้าหมายที่อยากจะให้มันเป็น แต่ว่าก็จะพยายามทำต่อไปเรื่อยๆ
เรื่องคืนทุน คืนไปนานแล้ว คือผมอยากทำเป้าหมายสูงสุดให้สำเร็จ คืออยากตั้งโรงพยาบาลที่เป็นศูนย์รวม อยากได้โรงพยาบาลที่เป็นเซ็นเตอร์สักอันนึง ตอนนี้มี 7 สาขาแล้วครับ ปีหน้า ม.ค.- ก.พ. น่าจะเปิดอีก คิดว่าจะเปิดกี่สาขาก็ขึ้นอยู่กับทางบอร์ดบริหารด้วยว่าเขาอยากลองไปแค่ไหน ถามว่าอายุน้อยร้อยล้านไหม หนี้ร้อยล้าน (หัวเราะ)”
