ในปัจจุบัน ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายคนเริ่มหันมาพิจารณาทำประกันสุขภาพเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต หนึ่งในประเภทของประกันสุขภาพที่ได้รับความนิยมคือ ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายซึ่งให้ความคุ้มครองแบบเหมารวมทุกรายการการรักษาพยาบาล โดยไม่จำกัดวงเงินตามประเภทการรักษา
ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายเหมาะกับใครบ้าง? บทความนี้จะพาไปไขข้อสงสัยกัน
1. บุคคลทั่วไปที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง
ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายมีเบี้ยประกันที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประกันสุขภาพประเภทอื่น ๆ ดังนั้น บุคคลทั่วไปที่มีรายได้ปานกลางถึงสูงจึงเหมาะกับการทำประกันแบบเหมาจ่ายมากกว่า เนื่องจากมีกำลังจ่ายเบี้ยประกันที่เพียงพอและสามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้
2. ผู้ที่กังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น
ค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายคนเริ่มกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ดังนั้น การทำประกันแบบเหมาจ่ายจึงสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้
3. ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง
ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรังมักต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจทำให้ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูง ดังนั้น การทำประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายจึงสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้
4. ผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษี
เบี้ยประกันแบบเหมาจ่ายสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี ดังนั้น ผู้ที่เสียภาษีเงินได้จึงสามารถประหยัดภาษีได้หากทำประกันแบบเหมาจ่าย
ข้อดีของประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย
• ให้ความคุ้มครองแบบเหมารวมทุกรายการการรักษาพยาบาล โดยไม่จำกัดวงเงินตามประเภทการรักษา
• คุ้มครองทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก
• เคลมได้ง่าย เพียงยื่นเอกสารตามเงื่อนไขที่กำหนด
• สามารถเลือกแผนความคุ้มครองและวงเงินคุ้มครองได้ตามความต้องการ
ข้อเสียของประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย
• เบี้ยประกันค่อนข้างสูง
• ไม่สามารถเคลมค่ารักษาพยาบาลย้อนหลังได้
• กรณีเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บรุนแรง อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินวงเงินคุ้มครอง
ประกันแบบเหมาจ่ายเหมาะกับบุคคลทั่วไปที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง ผู้ที่กังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง และผู้ที่เสียภาษีเงินได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะทำประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย ควรศึกษารายละเอียดของแผนความคุ้มครองและวงเงินคุ้มครองให้รอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของตนเอง