“นิก เดอะสตาร์” เผยอดีตผิดพลาด หลงระเริงในความดัง เคยใช้เงินวันละแสน ทุกวันนี้โรครุมเร้า กระทบเส้นเสียง คิดอยากออกจากวงการ
เรียกได้ว่ากลายเป็นไวรัลดังในโซเซียล หลังออกมาบอกว่า “เป็นถึงนักร้อง ทำไมงานน้อยจัง” พร้อมตัดพ้อชีวิตทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ ล่าสุดเจอเจ้าตัว ตัวเป็นๆ “นิก รณวีร์ เสรีรัตน์” หรือ “นิก เดอะสตาร์” รองแชมป์จากเวทีเดอะสตาร์ปี 2 ก็ได้พูดถึงไวรัลล่าสุด พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้ถึงกับตกอับ แต่ยอมรับว่างานน้อยจริง รวมไปถึงมีปัญหาเรื่องการร้องเพลง เนื่องจากมีหลายโรครุมเร้า
“ผมมองว่าการทำงานที่ไหนก็คือการทำงาน แต่ตอนนี้งานอาจจะหายไปเยอะหน่อย ตั้งแต่หมดโควิด หายไปยังไม่กลับมาเลย เพราะก่อนโควิด ก็ไม่ได้เยอะมาก แต่มันก็มีให้เราได้ชื่นใจ 4-5 งาน แต่พอหมดโควิดไป นานๆ จะมีที 4-5 เดือน งานนึง ซึ่งเราก็ต้องใช้ชีวิตแบบกินอยู่อย่างประหยัด เราเริ่มกลับมาทำงาน แต่งานก็ยังน้อยอยู่”
“พูดตรงๆ ว่าตัวเองวางแผนในชีวิตผิดพลาด ใช้ชีวิตประมาท เรามั่นใจในสิ่งที่เรามีอยู่ คิดว่าความสามารถที่มีอยู่ คิดว่ามันจะคงอยู่ แต่สุดท้ายแล้วสรุปมันก็ออกมาเป็นแบบที่ทุกคนเห็นนี่แหละ"
"พูดตรงๆ ว่าตั้งแต่เราได้เดอะสตาร์มา เราหลงระเริงกับชื่อเสียงในวันนั้น เราไม่ได้บริหารว่าเราต้องสำรองอาชีพเพิ่มไหม เราคิดแค่ว่าร้องเพลงกับเล่นละคร ก็พอแล้ว แต่จริงๆ ไม่พอ ตอนนั้นอายุ 20 ปี เงินมันได้มาเรื่อยๆ ได้มาใช้ไป เขาบอกว่าเงินเข้ามามันต้องใช้ ถ้าไม่ใช้ เดี๋ยวมันจะบูด ฝากพ่อแม่บ้าง แต่หลังๆ ก็ไปเบิกที่ฝากไว้เอามาใช้”
“หมดไปกับอะไรใช่ป่ะ เราเหมือนใช้ชีวิตเริ่มใหม่เรื่อยๆ พอเราได้เงินมา เราใช้ไป ใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อน เปลี่ยนกลุ่มเพื่อนใหม่ ก็เลี้ยงเพื่อน ซึ่งถามว่าเมื่อก่อน เราเคยใช้สูงสุดวันละแสนกว่าบาท แต่ไม่ใช้ทุกวัน เราซื้อทุกอย่างที่เราอยากได้”
“ซึ่งพอเรามารู้ตัวอีกที เมื่อมองตัวเลขบัญชีจาก 7 หลัก มันเริ่มลดลงไปเรื่อยๆ ตอนนั้นอาจจะจะมีงานร้องเพลง และมีทั้งซิทคอม ละครต่อเนื่อง พอทุกอย่างมันหายไปพร้อมกัน ก็ขาดช่วงไป ทุกอย่างมันเริ่มหายไป 2 ปีก่อนโควิด รวมๆ 5 ปีให้หลัง บวกกับเรามีปัญหาสุขภาพด้วย รายได้หลักเราก็หายไป ร้องเพลงที่มิว ทองหล่อ ก็ปิดตัวไป ผู้กองเจ้าเสน่ห์ก็ปิดตัวไป ไปไหนก็ปิดตัว (หัวเราะ) หรือไปอยู่ค่ายพี่ดี้ เขาก็เปลี่ยนค่ายใหม่ (ยิ้ม)”
“ช่วงนั้นก็เครียด เพราะไม่มีงาน ไม่เครียดตรงที่ไม่มีเงิน แต่เครียดเรื่องสุขภาพ เราไม่ได้ดูแลสุขภาพตั้งแต่แรก เราใช้ชีวิตประมาท กินสุด ไม่พักผ่อน ตอนนี้เป็นโรคเก๋า ความดัน เบาหวาน กระทบต่อการร้องเพลง ถ้าไม่พักผ่อน เก๋าจะกำเริบ บางทีพอมันกำเริบเดินไม่ได้ ต้องนั่งร้อง ความดันก็จะขึ้น เหงื่อแตก ไม่มีสมาธิในการร้อง ไม่สามารถทำเหมือนศักยภาพที่เราเคยมีได้”
“ถามว่ารู้สึกไหม ว่าเราเป็นถึงเดอะสตาร์ แต่ไม่มีงาน เมื่อก่อนก็เคยโทษโชคชะตา โทษสิ่งแวดล้อมรอบข้าง แต่พอเอาจริงๆ ต้องโทษตัวเอง เราเลือกเอง ปฏิบัติเองทั้งนั้น เราวางแผนได้ไม่ดี"
"ตอนแรกกะจะเลิกร้องเพลง กลับไปอยู่บ้าน แต่พอไปอยู่บ้าน คุณพ่อเป็นนักดนตรี เขาก็ยังเล่นอยู่ เขาก็บอกว่าให้เรากลับไปทำให้เต็มที่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ต้องทำไปก่อน เพราะศักยภาพในการร้องเพลง บางวันก็ดี บางวันก็ไม่ดี จากวันที่เราตื่นขึ้นมาไม่ต้องวอร์ม แต่ทุกวันนี้ มันไม่ได้แล้วกัน มันมาจากสุขภาพที่เราไม่ได้ดูแลตั้งแต่แรก และพอมีปัญหากับเส้นเสียง มันทำให้ทัศนคติในการร้องเพลงเปลี่ยนไป ทำให้อารมณ์เราพะวง เกี่ยวกับสุขภาพ วิตกกังวลในการร้อง”
“ถามว่าปลงไหม ใช้คำว่าเราจะกลับไปในจุดที่เราเคยเป็นให้ได้ แม้ว่าจะน้อยกว่าปกติ หรือเทียบเท่าที่เคยเป็นก็ได้ แต่ทั้งหมดก็จะพยายาม แต่มันก็มีองค์ประกอบหลายงาน สุขภาพ ด้วยวัย ถ้ากลับไปจุดเดิมได้ เป็นผลดีกับเรา แต่ถ้าไม่ได้ ก็เป็นผลเสียกับเรา อยู่ที่ตัวเองต้องทำให้ได้ เพราะงานก็มีเข้ามา แต่สิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ แม้จะมีงานร้องเพลง แต่บางทีเสียงเราไม่พร้อม เราร้องไม่ไหว เราไม่สามารถร้องได้นาน ร้อง 4-5 เพลงก็เหนื่อยแล้ว”