”ไอซ์ ปรีชญา” เลิกเศร้า ชีวิตกลับมาแฮบปี้ ปรับความเข้าใจกับแฟนแล้ว ด้านคุณแม่ก็หายป่วยมะเร็ง คดีความไซนาไนต์ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง และกลับมามีงานทำเหมือนเดิม “คุณแม่บังอร” อัปเดตมีกำลังใจใช้ชีวิตขึ้น แม่หายป่วยจากมะเร็ง งานเริ่มกลับมาแล้ว คดีไซยาไนด์คลี่คลาย
เจอมรสุมชีวิตคุณแม่ป่วยเป็นมะเร็ง เจอคดีไซนาไนด์ งานหาย กระแสดรามาในโซเชียล แฟนไม่เข้าใจ ตรอมใจจนเข้าไอซียู ล่าสุด ”ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร“ ก็ควงคุณแม่ ”บังอร พงษ์ธนานิกร“ มาอัปเดตเรื่องราวดีๆในชีวิตว่า คุณแม่หายป่วยจากโรคมะเร็งแล้ว และออกตัวกลัวดรามาทันทีว่า แม่ตนไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็งทิพย์ ป่วยจริง ทรุดจริงแต่หายแล้ว
แม่บังอร : "แม่ไม่ได้เป็นมะเร็งทิพย์ แม่ไม่สบายใจ วันก่อนแม่ไปดูข่าวในโหนกระแสหลายเดือนมาแล้วว่า มีผู้หญิงไปหลอกผู้ชายบอกว่าเขาเป็นมะเร็งแต่จริงๆ แล้วเขาเป็นมะเร็งทิพย์ โดนหลอกไป 7,000,000 หรือว่าเท่าไหร่แม่จำไม่ได้
มันก็เลยทำให้แม่คิดไปว่าพี่หนุ่ม (กรรชัย กำเนิดพลอย) จะคิดว่าแม่เป็นมะเร็งทิพย์รึเปล่า พี่หนุ่มก็โทรมาคุยแม่ ก็บอกเขาว่าแม่รักษาสองแห่งนะคะ ของเอกชนด้วยและของรัฐบาลด้วย ถ้าเกิดเอกชนกลัวเขาจะไม่ให้เอกสารข้อมูลการรักษาของแม่ ก็ดูของรัฐบาลเลยเพราะมีทั้งผลเอ็มอาร์ไอ ผลเลือด ผลของการรักษา ค่าตับ ค่าไต ของแม่หมด ตอนนี้มันเหมือนความฝัน มันเหมือนเป็นปาฏิหาริย์ เราได้กลับมาและเดินต่อไปด้วยกันได้”
“ไอซ์ ปรีชญา” เล่าตอนนี้ชีวิตกลับมาเป็นปกติสุขแล้ว หลังจากมรสุมหลายเรื่องราว
ไอซ์ : ”เริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติแล้ว เริ่มกลับมามีแพชชั่นที่อยากจะทำอะไรในชีวิต ตอนนี้พยายามโฟกัสเรื่องงาน กลับมามีไฟ เริ่มฮึดสู้กับชีวิตแล้ว ก็ไม่คิดนะคะว่าจะกลับมาเจอความรู้สึกแบบนี้อีกครั้ง ตอนนั้นมันเหมือนชีวิตเราตกเหว เราไม่รู้เลยว่าเราจะขึ้นมาได้ไหม ขอบคุณทุกๆคนเลยที่เป็นห่วงไอซ์ สิ่งเหล่านี้มันทำให้ไอซ์ยังอยู่ได้ต่อไป เป็นกำลังใจให้ไอซ์มากๆ ทุกอย่างดีขึ้นเป็นลำดับ”
แม่บังอร : ”ทุกอย่างที่มันเป็นความจริง เดี๋ยวมันก็จะปรากฎออกมาเป็นความจริง แม่ยังเคยบอกเขาเลยว่า ออกจากวงการเถอะลูก มันเป็นวงการมายานะลูก อ่านคอมเมนต์ที่เข้ามาแล้วแม่ยังทนไม่ไหวเลย แต่ก็ยอมรับว่าเขาก็เป็นกำลังใจทำให้เราเดินต่อไปได้เหมือนกัน (สังคมโซเชียลมองเราเปลี่ยนไป?) เขาเข้าใจสิ่งที่มันเกิดขึ้น ให้กำลังใจทำให้เราเดินต่อไปได้”
เผยสถานะหัวใจกับ “สเตฟาน” ความสัมพันธ์ดีขึ้น ยังเป็นแฟนกันอยู่
ไอซ์ : “หัวใจก็ดีค่ะ ยังดีอยู่ เรียกว่าแฟนกันอยู่ คือที่ผ่านมามันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของปัญหาหลายเรื่อง เขาก็เจอปัญหา เราก็เจอปัญหา แล้วเราไม่สามารถจัดการบริหารมันได้ไปในทางเดียวกันเพราะต่างคนต่างเจอมรสุมพร้อมกัน ช่วงนั้นไอซ์ก็ค่อนข้างแย่ ก็เลยห่างกันออกมานิดนึงเพื่อที่จะจัดการปัญหาของเขาและของเรา แต่ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น เราก็ยังจับมือกันอยู่ค่ะ"
"เป็นเรื่องของระยะเวลา ตอนนั้นมันมีหลายเรื่องที่จะต้องแก้ไข ก็เลยแยกกันก่อนดีกว่า เราก็ขอพื้นที่ไปสร้างสเปซก่อน ไปตั้งสติ แก้ไข พอเราแม่หายเราก็เริ่มเบาลง เราก็โฟกัสงานต่อ เรื่องความรักไอซ์พูดเลยว่า อาจจะไม่ใช่ปัจจัยหลักในชีวิตของไอซ์ตอนนี้ อาจจะเป็นครอบครัวกับงานมากกว่า แต่ในเรื่องความสัมพันธ์ของไอซ์กับสเตฟานก็ยังจับมือกันอยู่ ยังไปด้วยกันได้เรื่อยๆ หลังจากทุกอย่างมันเข้าที่เข้าทางเลยเริ่มกลับมาคุยกัน“
บอก “สเตฟาน” เข้าใจชีวิตตนมีหลายอย่างให้ต้องโฟกัสมากกว่าความรัก
ไอซ์ : ”ตอนแรกไม่เข้าใจนะ แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว คราวนี้เขาเองก็หนักอยู่เหมือนกัน ทั้งคอนโดไฟไหม้ แม่เสีย มันหนักมากๆเลย ในช่วงที่คุณแม่เขาเสียไอซ์ก็อยู่กับเขานะ เราไม่ได้ตัดขาดกัน เราให้กำลังใจกันตลอด เพียงแต่ว่าเราอาจจะไม่ได้มา…เธอเรากินข้าวกัน ดูหนัง อาจจะไม่ใช่แบบนั้น เป็นการจัดการชีวิตของกันและกันมากกว่า
"เรารู้สึกกันว่าเราเองพยายามทำทุกทางให้ได้ดีที่สุดในชีวิตแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องครอบครัว การงาน ความรัก เราไม่อยากรักๆ เลิกๆ มันก็ผ่านการพิสูจน์มาว่าความสัมพันธ์เรามันเหนียวแน่น มันเลยตัดกันไม่ขาด เขาเองก็อยู่กับเราในช่วงที่เราแย่ที่สุดเลย แล้วเขาก็ยังคอยปกป้อง ช่วยเหลือเราในตอนที่เราไม่มีใคร ความดี ความรักของเขาที่ให้เรามามันทำให้เราตัดกันไม่ขาด“
ขอเก็บเงินก่อน ค่อยคุยเรื่องอนาคต
ไอซ์ : ”ตอนนี้เก็บเงินก่อนอันดับแรกเลย“
แม่บังอร : ”แม่บอกก่อนแม่มีเงื่อนไขว่าใครก็แล้วแต่ที่จะเข้ามาในชีวิตลูก แม่ไม่เอาคู่รักนะ แม่ต้องการคู่ชีวิต คุณต้องซัพพอร์ตลูกเราได้ทุกเรื่อง คุณต้องรับความเป็นไอซ์ได้ ถ้าคุณรับไม่ได้ยังไม่ต้องเข้ามา กับคนนี้เขาปรับตามที่แม่อยากจะให้เป็นพยายามสุดฤทธิ์ (ว่าที่ลูกเขยในอนาคต?) เป็นเรื่องของอนาคตค่ะ แม่ก็อยากเห็นไอซ์มีครอบครัว อยากให้คนมาดูแล เพราะว่าพี่สาวเขามีหลานคนเดียว“
กับคดีไซยาไนด์โดนข้อหาเพียงเล็กน้อย คือ ข้อหาซื้อมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ ให้ตนเป็นกรณีตัวอย่างว่าอย่าหาทำ
แม่บังอร : ”ในคดีน้องไปสอบปากคำในฐานะพยาน ไม่ได้แจ้งข้อหาใดๆ แต่กรมโรงงานเขาแจ้งความดำเนินคดีกับไอซ์ และอีก 300 กว่ารายทั้งโรงงาน ทั้งผู้ซื้อ แต่ข้อหาตรงนั้นไม่ได้ทำให้แม่และน้องหนักใจเลย เนื่องจากข้อหาเป็นเพียงซื้อมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งถามว่าใช้รึยัง ยังไม่ได้ใช้ ของอยู่ที่ไหน อยู่ที่ตำรวจ ตอนนี้ทนายความเป็นคนจัดการทั้งหมด เราไม่รู้สึกหนักใจอะไรเลย เราก็ยืนยันไปตามความบริสุทธิ์ทั้งหมด เราก็ยังอยู่ในคดีความ ก็นอนรอไปเลย เพราะอีกนาน แต่เราก็ไม่ได้กังวลอะไร ทางทนายความบอกว่าข้อหามันเป็นอะไรที่เล็กน้อยมาก ก็ถือเป็นประสบการณ์”
ไอซ์ : “เป็นกรณีตัวอย่างว่าอย่าหาทำ เป็นประสบการณ์ เตือนไว้เป็นอุทาหรณ์นะคะว่า บางทีเราอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในหลายๆ เรื่อง ในโลกเรามีอะไรหลากหลาย บางทีเราไม่รู้กฎหมาย มารยาทต่างๆ เราทำอะไรโดยพละการไป“